ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 449 คำขอโทษและการฉีกหน้า
ตอนที่ 449 คำขอโทษและการฉีกหน้า
เรื่องที่จี้เจี้ยนเหวินชื่นชมในตัวซูตานหงนั้นทำให้อวิ๋นลี่ลี่รู้สึกหึงหวงอยู่เล็กน้อย แต่หล่อนก็ไม่ได้คัดค้าน
ขนาดหล่อนที่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังอดจะชื่นชมพี่สะใภ้สามของหล่อนอย่างซูตานหงไม่ได้
กับลูกสาวของหล่อน หยวนหยวน และสมาชิกตระกูลจี้รุ่นที่สามอย่างจี้เสี่ยวตง เสี่ยวเจิน และเสี่ยวอวี้ ซูตานหงล้วนปฏิบัติดีต่อพวกเขาอย่างเท่าเทียมกัน
อย่างน้อยหล่อนก็ไม่อาจทำอย่างอีกฝ่ายได้
โดยเฉพาะกับคุณแม่จี้
คุณแม่จี้ยังคงไม่เข้าใจ นางยืนกรานคำเดิม แต่อวิ๋นลี่ลี่ไม่ได้แตะน้ำแกงหรือไก่แม้แต่น้อย หล่อนไม่ต้องการเสวนากับนางอีกต่อไป และไม่คิดใส่ใจนางอีก
“แม่คะ หนูทำการบ้านข้อนี้ไม่ได้ แม่ช่วยสอนหนูหน่อยนะคะ” เยียนเอ๋อร์บอก
“ได้จ้ะ” อวิ๋นลี่ลี่เข้าไปสอนการบ้านให้ลูกสาว
แต่เมื่อหล่อนก้าวเข้ามาในห้อง เยียนเอ๋อร์กลับปิดประตู และทำท่าทางให้หล่อนเงียบไว้
“อะไรกัน มีเรื่องลับอะไรเหรอ? ลูกจะบอกความลับอะไรกับแม่?” อวิ๋นลี่ลี่เบาเสียงขณะถามด้วยรอยยิ้ม
“แม่คะ แม่ต้องโทรหาป้าสะใภ้สามนะคะ วันนี้ย่าไม่พอใจที่ไก่ตัวเล็ก ย่าเลยต่อว่าคุณอาจูเหมากับคุณอาเหอซานไปค่ะ” เยียนเอ๋อร์กระซิบบอก
แน่นอนว่าเธอเข้าข้างป้าสะใภ้สามของตน และยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ควรต้องถึงหูป้าสะใภ้สามของตน
“ลูกรัก ตอนนี้ดึกแล้วนะ พรุ่งนี้แม่จะหยุดพัก จะโทรไปหาป้าสะใภ้สามของลูก แล้วขอโทษหล่อนแล้วกันนะจ๊ะ” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ย
“ไม่ใช่ความผิดของแม่สักหน่อยค่ะ ย่าต่างหากที่ทำผิด ป้าสะใภ้สามอุตส่าห์ส่งของกินมาให้ แต่ย่ากลับคิดว่าเราอยากจะกินด้วย” เยียนเอ๋อร์ถอนหายใจก่อนว่าขึ้น
เธอเองค่อนข้างลำบากใจไม่น้อย เนื่องจากย่าของเธอทำเพื่อครอบครัวเธอ แต่เธอยังคิดว่าอย่างไรก็ต้องขอโทษป้าสะใภ้สาม
“ลูกไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกนะ แม่จะจัดการเรื่องนี้เอง” อวิ๋นลี่ลี่บอกพร้อมรอยยิ้ม
“ดีเลยค่ะ” เยียนเอ๋อร์พยักหน้า
จี้เจี้ยนเหวินลั่นวาจาไว้ว่าจะไม่กินน้ำแกงไก่ ทั้งครอบครัวจึงไม่ได้กิน คุณแม่จี้กังวลว่าจะบูด นางจึงไม่มีทางเลือกนอกจากกินเอง แต่นางยังตักน้ำแกงพร้อมทั้งน่องไก่แบ่งให้เยียนเอ๋อร์ ด้วยนางไม่อาจกินไหวแล้ว
ด้วยเหตุนี้ จี้เจี้ยนเหวินจึงยอมปล่อยให้ลูกสาวกินกับนางเล็กน้อย
เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาก้าวก่ายเรื่องในบ้าน เขาบอกกับอวิ๋นลี่ลี่ “ต่อไปคุณอย่ารวมของที่พี่สะใภ้สามส่งมากับของที่มีที่บ้านนะ แยกของพวกนั้นให้แม่โดยเฉพาะ ห้ามเอาไปกินเด็ดขาด!”
“ครอบครัวเดียวกัน ทำไมต้องแบ่งแยกขนาดนั้นด้วยคะ ถ้าต้องแบ่งขนาดนั้น ฉันจะเหลือที่ให้วางของในครัวสักเท่าไหร่กัน?” อวิ๋นลี่ลี่โพล่งขึ้น
“อย่านะเจี้ยนเหวิน ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก ถ้าไม่กินของที่ถูกส่งมา เดี๋ยวพวกมันก็จะเสียเอาได้ สักพักก็จะขึ้นราและต้องทิ้งลงถังขยะเลยนะ!” คุณแม่จี้รีบห้าม
จี้เจี้ยนเหวินหน้ามุ่ย
เขาไม่ค่อยได้เข้าครัว จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“เจี้ยนเหวิน ไม่ต้องคิดมากหรอกนะคะ คุณแม่คงไม่บ่นว่าพี่สะใภ้ส่งของมาน้อยอีกแล้วล่ะค่ะ แล้วพวกมันก็มีพอให้กินด้วย” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ย
จี้เจี้ยนเหวินถามขึ้น “วันนี้ไม่ออกไปขายของเหรอ?”
“ไม่ค่ะ ฉันรู้สึกเหนื่อย เลยว่าจะหยุดสักวัน เดี๋ยวว่าจะไปซื้อของด้วยน่ะค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่ตอบ
จี้เจี้ยนเหวินพยักหน้า ก่อนกลับเข้าห้องไปเตรียมการสอนโดยไม่พูดอะไรต่อ
กล่าวได้ว่าเรื่องนี้จบลงแล้ว
ทว่าคุณแม่จี้ยังคงไม่พอใจ นางเอ่ย “เจี้ยนเหวินเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้จุกจิกแบบนี้กันนะ?”
“แม่คะ ไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้หรอกค่ะ ในฐานะหัวหน้าครอบครัว เขากดดันมากพออยู่แล้ว เห็นใจเขาบ้างเถอะค่ะ เขาคงลำบากใจน่าดู” อวิ๋นลี่ลี่บอก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คุณแม่จี้ถอนหายใจออกมา “แม่รู้ว่าเขากดดันมาก แต่เขาก็ดื้อด้านเกินไป ถ้ายอมรับเงินของอวิ๋นอวิ๋น ก็คงจะใช้หนี้ซูตานหงได้หมดไปตั้งนานแล้วนี่? แม่จะเอาไปใช้ทำอะไร แม่เห็นพวกเธอทำงานหนักไปจนถึงช่วงปีใหม่ด้วยซ้ำ!”
“อย่าพูดเรื่องนี้เลยค่ะแม่ ฉันจะไปซื้อของ รบกวนแม่ช่วยทำความสะอาดให้ทีนะคะ ถ้าจะซักผ้าก็เอาเสื้อผ้าใส่เครื่องซักผ้าก็ได้ค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่แจง
“เดี๋ยวแม่ไปซื้อด้วย” คุณแม่จี้บอก
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันจะไปซื้อเอง ไว้จะรบกวนคุณแม่ตอนที่ไม่มีเวลาวันทำงานนะคะ ถ้าได้อยู่บ้านฉันจะทำเองค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ย
คุณแม่จี้รู้สึกชื่นใจเมื่อได้ยินแบบนี้ นางบอก “แม่รู้ว่าเธอก็ลำบาก แน่นอนว่าแม่ต้องเห็นใจเธออยู่แล้ว”
“ขอบคุณค่ะแม่ งั้นฉันไปก่อนนะคะ” อวิ๋นลี่ลี่ว่าจบก็ออกจากบ้านไป
เธอออกมาโทรหาซูตานหง
เวลาเพิ่งพ้น 8 โมงเช้ามาได้ไม่นาน ซูตานหงแปลกใจที่ได้รับสายแต่เช้าขนาดนี้ แม้เธอคิดว่าไม่ใช่ปัญหาที่จะต้องถ่อไปรับสายตลอดเวลา แต่ก็คิดว่าคงใกล้ถึงเวลาที่จะติดตั้งโทรศัพท์ที่บ้านแล้ว
เธอมารับโทรศัพท์ยังที่ว่าการหมู่บ้าน
“พี่สะใภ้สาม เมื่อวานตอนที่ส่งของมาให้ตั้งมากมาย พอดีจี้เจี้ยนเหวินกับฉันไม่อยู่บ้าน มีแค่คุณแม่กับเยียนเอ๋อร์อยู่บ้านน่ะค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่บอก
“เธอออกไปขายของอีกแล้วเหรอ?” ซูตานหงถาม
เธอชื่นชมในตัวจี้เจี้ยนเหวินมาก น้องสามีคนนี้อดทนฝ่าฟันความยากลำบากมาได้ ตอนที่เขาหยิบยืมเงิน 13,000 หยวน และรับปากว่าจะใช้คืนภายใน 5 ปี เธอรู้ว่าเขาคงกดดันไม่น้อย หากแต่ไม่เคยมีข้อกังขาในตัวเขาแต่อย่างใด
เขาทำตามที่สัญญาไว้ได้อย่างที่คิด บางทีอาจใช้คืนได้หมดก่อนหน้าที่รับปากไว้ด้วยซ้ำ
ตอนนี้เหลือหนี้ค้างจ่ายก้อนสุดท้ายเท่านั้น สิ้นปีนี้เขาคงหามาใช้คืนได้ครบอย่างแน่นอน
“ค่ะ ช่วงวันหยุดจะขายดีกว่า แต่วันนี้ฉันไม่ได้ออกไปขายของ รู้สึกเหนื่อยมาก เลยหยุดพักสักวันน่ะค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่ตอบ
ทั้งคู่พูดคุยจิปาถะกันครู่หนึ่ง ก่อนอวิ๋นลี่ลี่จะเข้าเรื่อง “เมื่อคืนเยียนเอ๋อร์แอบมาบอกฉันว่าคุณแม่ต่อว่าซูจูเหมากับสวี่เหอซานไป ฉันไม่อยากทำให้เจี้ยนเหวินลำบากใจ ไม่รู้ว่าคุณแม่พูดอะไรกับพวกเขาที่บ้านบ้าง แต่ฉันต้องขอโทษแทนด้วยนะคะ”
“อะไรกัน” ซูตานหงยิ้ม ทันทีที่รู้เรื่องนี้ เธอไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืด กลับถามถึงการเรียนของเยียนเอ๋อร์ อวิ๋นลี่ลี่เล่าให้เธอฟังไปตามเรื่องตามราว คุยกันได้พักหนึ่งจึงวางสายไป
ซูตานหงกลับมาถึงบ้าน คุณแม่ซูถามขึ้นทันที “ใครโทรมาแต่เช้ากัน?”
“จากเมืองเจียงสุ่ยน่ะค่ะ” ซูตานหงตอบ
“ทำไมล่ะ แม่สามีแกคิดว่าไก่ตัวเล็กไปเหรอ? ยังกล้าจะโทรมาอีกเหรอ?” คุณแม่ซูเข้าประเด็นก่อนว่าเหยียด
นางไม่ต้องคาดเดา ด้วยมั่นใจว่าต้องเป็นเรื่องนี้อย่างแน่นอน
เมื่อวานนางจงใจให้จับไก่ตัวนั้น นางยังรู้สึกฝืนใจไม่หาย!
“มันตัวเล็กจริงค่ะ แต่ว่าอวิ๋นลี่ลี่โทรมาขอโทษต่างหาก” ซูตานหงบอก
เธอค่อนข้างประทับใจในนิสัยอวิ๋นลี่ลี่ แต่ยิ่งปลื้มใจในตัวเยียนเอ๋อร์มากกว่า เธอเลี้ยงดูเด็กหญิงตัวน้อยด้วยอาหารตั้งมากมาย และมันไม่เสียเปล่าแม้แต่น้อย
เห็นแบบนี้แล้ว เธอดูออกว่าเยียนเอ๋อร์เข้าข้างเธอ
คุณแม่ซูถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ซูตานหงเล่าให้ฟังว่าคุณแม่จี้ไม่พอใจที่ไก่ตัวเล็ก นางโมโหจนไปลงที่ซูจูเหมากับสวี่เหอซาน
“ยัยแก่หน้าไม่อาย หล่อนทำลายชื่อเสียงที่เจี้ยนอวิ๋นสั่งสมมาย่อยยับ ยังเห็นว่าเจี้ยนอวิ๋นเป็นลูกชายอยู่หรือเปล่า หรือพยายามฉีกหน้าเจี้ยนอวิ๋นอยู่กันแน่?” คุณแม่ซูเอ่ยอย่างโมโห
……………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
น้องเยียนเอ๋อร์เด็กดีมากลูก ฉลาดมากด้วย
นังแม่จี้ระวังไม่มีใครคบนะคะ แม้แต่หลานก็จะไม่นับถือ
ไหหม่า(海馬)