ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 450 วิธีแบบฉบับคุณแม่ซู
ตอนที่ 450 วิธีแบบฉบับคุณแม่ซู
อวิ๋นลี่ลี่ไม่ได้บอกถึงสิ่งที่คุณแม่จี้พูด แต่ด้วยความฉลาดของคุณแม่ซู นางไม่มีทางเดาไม่ออก พวกเขาล้วนเป็นคนที่พึ่งพาจี้เจี้ยนอวิ๋น พวกเขามีชีวิตสุขสบายได้เพราะจี้เจี้ยนอวิ๋น ไม่เช่นนั้นชีวิตคงจบเห่หรือตกระกำลำบากอยู่
แม้จะใช้คำพูดต่างกัน ทว่ามีความหมายไม่ต่างกัน
แต่จะพูดถึงขนาดนั้นได้อย่างไร? ถึงซูจูเหมากับสวี่เหอซานจะได้รับการสนับสนุนจากจี้เจี้ยนอวิ๋น ทำให้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเพียงนี้
หากพวกเขาไม่มีความเพียรพยายาม โคลนคงไม่อาจแบกรับกำแพง* ได้ จี้เจี้ยนอวิ๋นคงไม่คิดรักษาน้ำใจ และไล่พวกเขาออกทันที
*โคลนไม่อาจแบกรับกำแพง = ไร้ประโยชน์
สิ่งที่ทำให้พวกเขาฝ่าฟันมาได้ถึงขนาดนี้ เป็นเพราะพวกเขาตั้งใจทำงานอย่างหนักเช่นกัน!
แต่คุณแม่จี้กลับพูดจาดูถูกเพียงนี้ ทำได้อย่างไร?
“จูเหมากับเหอซานคงไม่ได้ถือสาเรื่องนี้นักหรอกค่ะ” ซูตานหงบอก
พูดถึงคนอย่างซูจูเหมากับสวี่เหอซาน ซูตานหงรู้ว่าพวกเขารู้เรื่องตระกูลจี้ดี แม้พ้นไปสิบลี้แปดหมู่บ้านก็ยังมีคนรู้เรื่องนี้ โดยเฉพาะคนงานในสังกัดจี้เจี้ยนอวิ๋น ไม่มีทางที่จะไม่รู้เรื่องนี้
พวกเขาจึงไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของคุณแม่จี้
“ไม่ถือสาก็ส่วนไม่ถือสา แต่เรายังต้องทำอะไรสักอย่างสิ แบ่งไก่ไปให้พวกเขาบ้าง จะได้ถือว่าเป็นคำขอโทษยังไงล่ะ” คุณแม่ซูบอก
“ได้ค่ะ แม่จัดการเองได้เลยค่ะ” ซูตานหงพยักหน้า
ครั้งนี้เธอซาบซึ้งน้ำใจของเยียนเอ๋อร์ ต้องบอกว่าพวกเขาเจอเรื่องลำบากใจมามากมาย เธอคงช่วยไม่ได้หากไม่รู้เรื่องนี้ แต่เมื่อรู้แล้วจึงต้องเอ่ยขอโทษเป็นธรรมดา
ซูจูเหมากับสวี่เหอซานต่างเป็นผู้ช่วยที่ดีของจี้เจี้ยนอวิ๋นมาโดยตลอด ตั้งแต่ที่ซูอันปังแนะนำเพื่อนทั้งสองให้ พวกเขาไม่เคยทำให้ซูตานหงผิดหวังสักครั้ง
อีกทั้งภรรยาของสวี่เหอซานอย่างจี้อวี้หลาน ซูตานหงยังเป็นคนแนะนำให้
ซูตานหงไม่ได้แนะนำภรรยาของซูจูเหมาให้ แต่เจ้าหล่อนเป็นญาติกับหลี่ไหลตี้ภรรยาของซูอันปัง หล่อนเป็นหญิงสาวที่ดูแลครอบครัวได้เป็นอย่างดี
ตอนนี้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ไม่น้อยหน้าไปกว่าซูอันปัง
หากคุณแม่ซูเป็นซูตานหง นางคงไม่ยอมในเรื่องนี้ นางจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างให้ยายแก่นั่นไม่มีวันได้กินไก่จากลูกสาวนางอีกต่อไป!
นางขึ้นไปที่สวน จับไก่มาเชือดตัวหนึ่ง เป็นไก่ตัวโตน้ำหนัก 5 ถึง 6 ชั่งได้ มันเกือบจะถึงวัยออกไข่และสามารถเชือดได้แล้ว
นางวานให้จี้หงจวินเชือดไก่ให้ ก่อนออกปากสั่ง “หงจวิน เธอวางงานในมือก่อนเถอะ เมื่อวานนี้ซูจูเหมากับสวี่เหอซานเป็นคนไปส่งไก่ เธอจงแบ่งไก่ตัวนี้เป็นสองส่วนเพื่อชดเชยกับเรื่องเมื่อวานนี้ให้พวกเขาทั้งคู่ไป บอกว่าฉันขอโทษพวกเขาทั้งคู่ ฝากเธอบอกแทนฉันด้วยนะ”
คุณพ่อจี้แวะขึ้นมาเก็บไข่ เขามักขึ้นมาเก็บไข่ช่วงนี้ ทุกคำพูดของคุณแม่ซูลอยเข้าหูเขา
เขาถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนรู้สึกใจหาย เขารู้ทันทีว่ายายแก่นั่นต้องเป็นฝ่ายเริ่มหาเรื่องอีกแน่!
“เธอเอาไปให้เงียบ ๆ อย่าให้ใครเห็นนะ” คุณแม่ซูกระซิบบอก
“ครับ” จี้หงจวินพยักหน้าอย่างไม่นึกสงสัย
เขารู้แก่ใจดี คงเป็นเพราะคุณแม่จี้ก่อเรื่องอีก แต่การให้ไก่ไปถึงครึ่งตัว ครุ่นคิดดูแล้วมากเกินไปเสียหน่อย
จี้หงจวินนำไก่ไปให้ ส่วนคุณแม่ซูเริ่มเก็บไข่ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ก่อนนางจะหันไปเจอคุณพ่อจี้ นางชะงักไปและเอ่ย “คุณมาที่นี่ทำไมเหรอคะ? มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย?”
“ฉันได้ยินที่เธอพูดหมดแล้ว ฉะนั้นไม่ต้องเล่าเรื่องให้ฉันฟังก็ได้ ยายแก่นั่นหาเรื่องอีกแล้วเหรอ?” คุณพ่อจี้ถาม
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่เห็นว่าลูกของจูเหมากับเหอซานอยู่อย่างลำบากกัน ก็เลย…” คุณแม่ซูมีท่าทางไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องนี้ แต่นางกลับชะงักไป เนื่องจากคุณพ่อจี้ออกอาการชัดว่าไม่เชื่อ
“เอาน่า พ่อสามี ฉันเองก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เมื่อวานไก่ที่จับไปตัวไม่ใหญ่พอ ถ้าเลือกตัวใหญ่กว่านี้ แม่สามีคงไม่ต่อว่าจูเหมากับเหอซานหรอกค่ะ” คุณแม่ซูไม่คิดปิดบังอีก นางทำได้เพียงบอกความจริงไป ก่อนถอนหายใจแผ่วเบา
คุณพ่อจี้นิ่งเงียบ
คุณแม่ซูว่าสำทับ “สะใภ้สี่โทรมาหาตานหงเมื่อเช้า หล่อนโทรมาขอโทษตานหงโดยเฉพาะ บอกว่าตอนที่จูเหมาไปส่งไก่ เจี้ยนเหวินกับเธอไม่อยู่บ้าน เธอรู้เรื่องนี้มาจากหลานสาว บอกว่าย่าพูดจาไม่ดีกับจูเหมาและเหอซาน เดิมทีเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย จูเหมากับเหอซานไม่ได้ถือสาเรื่องนี้ แต่ครั้งนี้ฉันจัดการไปแล้ว ถือซะว่าไม่รู้เรื่องนี้แล้วกัน แต่ฉันก็เข้าใจว่าเราต้องทำอะไรบางอย่าง แล้วฉันก็ลงมือไปแล้ว ส่งไก่ไปให้พวกเขาคนละครึ่งตัว ถือว่าเพียงพอแล้วล่ะค่ะ”
“แม่ยาย เธอทำถูกแล้วล่ะ ตรงที่ควรให้ของปลอบใจพวกเขาไป!” คุณพ่อจี้เอ่ยพลางพยักหน้ารับ
สีหน้าของเขาดูเหลืออดและไม่สบอารมณ์
คุณแม่ซูไม่ได้เล่าชัดเจนนัก นางเพียงอธิบายว่าเหตุใดจึงส่งไก่ไปให้ แต่คุณพ่อจี้กลับไม่มีข้อสงสัย
ครั้งนี้เยียนเอ๋อร์อยู่ที่บ้าน เธอถึงได้ยิน เยียนเอ๋อร์เข้าข้างป้าสะใภ้สาม เธอจึงบอกให้แม่โทรกลับมาขอโทษ
เยียนเอ๋อร์เป็นเด็กมีเหตุผล คุณพ่อจี้รู้เรื่องนี้ดี
เธออยู่ที่บ้านในช่วงสุดสัปดาห์ ตอนที่เธอไม่อยู่บ้าน มีเพียงย่าอยู่เพียงลำพังโดยไม่มีเธอ นางจะด่าทอซูจูเหมามากมายขนาดไหนกัน?
คุณแม่ซูทำถูกต้องแล้ว หากไม่รู้มาก่อนยังพอปล่อยผ่านไปได้ แต่ตอนนี้รู้เรื่องแล้ว จึงสมควรให้ของปลอบใจ!
ทั้งซูจูเหมาและสวี่เหอซานต่างตั้งใจทำงาน เรื่องนี้คุณพ่อจี้เห็นกับตาตนเอง หลังจากทำงานกับจี้เจี้ยนอวิ๋นมาหลายปี จี้เจี้ยนอวิ๋นชื่นชมในตัวพวกเขามากทีเดียว แต่กลับถูกภรรยาแก่ของเขาต่อว่า เขาคาดเดาได้ว่ามันรุนแรงแค่ไหน ต้องเป็นเพราะเห็นว่าส่งของไปน้อย จึงระบายกับพวกเขาราวกระสอบทราย!
“พ่อสามีคงไม่ถือโทษที่ฉันตอบแทนพวกเขามากขนาดนี้นะคะ” คุณแม่ซูเอ่ยพลางส่งยิ้ม
ไก่ตัวโตเพียงนี้ มันมีราคามากกว่า 10 หยวน
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเขาช่วยงานจี้เจี้ยนอวิ๋นได้ดี มันสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น” คุณพ่อจี้บอก
เขาเห็นด้วยกับวิธีการของคุณแม่ซูมากทีเดียว
คุณแม่ซูเก็บไข่ต่อ คุณพ่อจี้ไม่ค่อยได้ลงมาจากสวน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ จี้เจี้ยนเหวินไม่ต้องไปทำงาน คุณพ่อจี้จึงไม่ได้ลงมาเช่นกัน
เขาลงมาจากสวนในวันรุ่งขึ้น และมุ่งตรงไปที่ว่าการหมู่บ้านเพื่อโทรศัพท์ เขาต่อสายหาจี้เจี้ยนเหวิน
“เจี้ยนเหวิน ยุ่งอยู่หรือเปล่า?” คุณพ่อจี้ถาม
“คุยได้ครับ ไม่ได้ยุ่งมาก พ่อครับ มีอะไรหรือเปล่า ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้มีเวลาโทรหาได้ล่ะครับ?” จี้เจี้ยนเหวินดีใจที่ได้รับสายจากพ่อของตนมาก
หลังจากพ่อลูกพูดคุยกันครู่หนึ่ง คุณพ่อจี้เข้าเรื่องก่อนบอก “ต่อไปนี้ให้แม่แกอยู่ที่นั่น ฉันจะบอกให้ตานหงส่งเงินให้หล่อนเดือนละ 100 หยวนเป็นค่ากินอยู่ หล่อนอยากกินอะไรก็ให้เอาเงินไปหาซื้อเอง 100 หยวนเพียงพอให้หล่อนหาซื้อของกินแล้ว”
“พ่อครับ แม่อยู่ที่บ้านสบายดี จริง ๆ แล้วไม่ต้องส่งเงินมาก็ได้นะครับ” จี้เจี้ยนเหวินเอ่ย
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของเขาใช้เงินของพี่สามกับพี่สะใภ้สามเพื่อช่วยจุนเจือครอบครัวของตน
……………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ลองไม่ส่งของสักเดือนจะเป็นยังไงนะ นังแม่จี้จะหยุดโวยวายไหม
ไหหม่า(海馬)