ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 451 เจี้ยนอวิ๋นกลับมาแล้ว
ตอนที่ 451 เจี้ยนอวิ๋นกลับมาแล้ว
“ตกลงตามนี้แหละ แกกลับไปบอกแม่แกด้วย หล่อนจะได้เงินทุกวันที่ 1 ของเดือน ข้าวของจะไม่ถูกส่งไปให้อีก” คุณพ่อจี้ไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องนี้หรือไม่ เขาตัดบททันที
“ครับ” จี้เจี้ยนเหวินชะงักไปเล็กน้อย ก่อนขานรับ
“แกไม่ต้องลำบากขนาดนี้หรอกนะ ถึงจะติดเงินพี่สามอยู่บ้าง แต่แกก็รู้ว่าพี่สามกับพี่สะใภ้สามเป็นคนยังไง ไม่ต้องหักโหมเกินไปหรอก” คุณพ่อจี้กล่าวเนื่องจากยังเป็นห่วงลูกชายอยู่วันยังค่ำ
“ผมรู้ครับ พ่อก็ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะครับ” จี้เจี้ยนเหวินตอบ
“ฉันกินอิ่มนอนหลับดี เดือนก่อนพี่สามของแกอยู่บ้าน เขาบังคับให้ฉันกับเหล่าจางไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอยู่ ผลตรวจออกมาแข็งแรงดีทุกอย่างเลย” คุณพ่อจี้เอ่ย
“ดีแล้วครับ” จี้เจี้ยนเหวินรับคำ
พ่อลูกพูดคุยกันสักพัก ก่อนคุณพ่อจี้จะวางสายไป
ก่อนหน้าจะโทรไปหาจี้เจี้ยนเหวิน เขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับซูตานหง จึงไปหาเธอที่บ้านเพื่อคุยกับเธอ
ซูตานหงชะงักไป ก่อนออกปากห้าม “คุณพ่อคะ ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ค่ะ คุณแม่…”
“ตานหง ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนกตัญญู แต่แม่สามีเธอเป็นคนแบบไหนฉันจะไม่รู้ได้ยังไง? ต่อไปไม่ต้องส่งของไปให้แล้วนะ แค่ให้เงิน 100 หยวนต่อเดือน หล่อนจะเอาไปซื้ออะไรก็ตามใจหล่อน!” คุณพ่อจี้บอก
“ได้ค่ะ” ซูตานหงพยักหน้า
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ฉันขึ้นไปที่สวนก่อนนะ” คุณพ่อจี้เอ่ย
“ค่ะ คุณพ่อเดินทางระมัดระวังนะคะ” ซูตานหงพยักหน้า
เมื่อคุณพ่อจี้กลับขึ้นสวนไป คุณแม่ซูก็เดินออกมาจากด้านในและเอ่ยขึ้น “ฉันคิดว่าเขาจะไม่ได้ยินเสียอีก นึกไม่ถึงว่าจะมาถึงที่นี่ ฉันรู้ว่าพ่อสามีแกเข้าข้างแก แต่ไม่คิดว่าจะเด็ดขาดขนาดนี้”
“แม่พูดอะไรกันคะ พ่อสามีฉันเป็นคนเด็ดขาดแบบนี้อยู่แล้วค่ะ” ซูตานหงท้วง
เธอไม่ถูกกับคุณแม่จี้ก็จริง แต่สำหรับคุณพ่อจี้ เธอเคารพเขาเสมอมา
“แต่ให้เงินตั้ง 100 หยวนต่อเดือน ถือว่าเยอะมากเลยนะ” คุณแม่ซูยังคงทำหน้ามุ่ย
นางเป็นแม่ของลูกสาว ย่อมเห็นใจลูกสาวของตนเองเป็นธรรมดา
100 หยวนต่อเดือน ตกปีละ 1,200 หยวน ไม่มากตรงไหนกัน?
“ไม่มากหรอกค่ะ” ซูตานหงตอบ
นอกจากข้าวของที่ส่งไปให้ เธอยังให้เงินเดือนละ 50 หยวน รวมมูลค่าของทั้งหมดเกือบ 50 หยวนได้
ทั้งปลา เนื้อ ไข่ไก่ รวมถึงข้าว 50 ชั่ง และเส้นก๋วยเตี๋ยว ซึ่งเธอส่งไปให้ทุกเดือน พวกมันเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น
“ยัยแก่นั่นแทบจะขอให้แกหาเลี้ยงทั้งครอบครัวหล่อนอยู่แล้ว” คุณแม่ซูบอก
“ก็เลี้ยงไปเถอะค่ะ เขาไม่ได้ขัดสนอะไรอยู่แล้ว ฉันจะจ่ายเงินให้อวิ๋นลี่ลี่ทุกเดือน แล้วฝากให้หล่อนเอาไปให้แม่สามีแล้วกันค่ะ” ซูตานหงเอ่ย
ซูจูเหมาจะได้ไม่โดนนางด่ากลับมาอีก
เมื่อวานซูจูเหมากับสวี่เหอซานมาถึงที่นี่โดยเฉพาะ พวกเขาบอกว่าไม่ได้ถือสา ไม่จำเป็นต้องนำไก่มาให้
ทว่าซูตานหงก็แสดงจุดยืนเช่นกัน เธอละเลยเรื่องนี้จริง ๆ ด้วยนึกไม่ถึงว่าคุณแม่จี้จะหนักข้อขึ้นขนาดนี้ นางทำเหมือนเจี้ยนอวิ๋นไม่ใช่ลูกชายของนาง ไม่อย่างนั้นคงไม่พูดออกมาเพียงนี้
แม้เธอจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ก็คิดเรื่องนี้อยู่ตลอด
แต่เมื่อถึงจุดนี้แล้ว เรื่องนี้ก็ควรถูกสะสางเสียที จะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกันอีก
คุณแม่ซูพึงพอใจกับวิธีจัดการของลูกสาวตนอย่างมาก เธอวางตัวได้เหมาะสม ไม่ได้นำเรื่องหยุมหยิมมาใส่ใจ ไม่แปลกที่เธอจะจัดการเรื่องต่าง ๆ ในบ้านเจี้ยนอวิ๋นได้เป็นระเบียบเรียบร้อย
“คุณป้าหยางเพิ่งจะชมแม่ไปเองค่ะ บอกว่าแม่จัดการเรื่องนี้ได้ดี มิน่าล่ะ ถึงได้มีลูกสาวเก่งอย่างฉัน” ซูตานหงไปเยี่ยมบ้านคุณป้าหยางที่อยู่ข้างกัน จึงได้พูดคุยกันเรื่องนี้
ซูตานหงไม่ได้เล่าเรื่องนี้ คุณป้าหยางเพียงถามถึงคุณพ่อจี้ที่ไปที่ทำการหมู่บ้านเมื่อเช้า คุณลุงหยางเห็นเข้าจึงกลับมาเล่าให้นางฟัง
คุณป้าหยางกังวลว่าจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ถึงอย่างไรตอนนี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไม่อยู่บ้าน หากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น ถ้านางช่วยอะไรได้จะได้ไปช่วย
คุณป้าหยางกับคุณลุงหยางพูดถึงเรื่องนี้กัน ด้วยเป็นห่วงซูตานหง ซูตานหงถึงได้นึกถึงผู้อาวุโสทั้งสองอยู่เสมอ
ตอนนี้คุณป้าหยางกับคุณลุงหยางไม่ได้อยู่กับลูกชาย ทั้งคู่อยู่กันเพียงลำพัง ซูตานหงมักให้เหรินเหริน ฉีฉี เสียงเสียง และคนอื่น ๆ เอาอาหารไปให้ทั้งสองอยู่เสมอ
คุณป้าหยางไม่ใช่คนพูดพร่ำเพรื่อ ซูตานหงจึงบอกนางในเรื่องนี้
คุณป้าหยางอดจะชื่นชมคุณแม่ซูไม่ได้ เรื่องนี้สมควรต้องแก้เผ็ดแบบนี้ ไม่อย่างนั้นมีแต่จะทำให้คนอื่นไม่สบายใจกันเสียเปล่า จริงไหม?
การสะสางด้วยวิธีนี้ มันจึงไม่ได้หมายความว่าเป็นการหลอกลวงคุณพ่อจี้ และซูตานหงก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่แย่เช่นกัน
“ฉันคิดว่าแกกับพี่สาวหยางมีความสัมพันธ์ต่อกันดีมากเลยนะ หรือแกจะรับเลี้ยงดูหล่อนก็ได้นะ” คุณแม่ซูบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูตานหงดวงตาเป็นประกายและเสนอ “แม่คะ ถ้าแม่ไม่พูดออกมา ฉันก็ไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย แม่คิดยังไงถ้าฉันจะรับคุณป้าหยางเป็นแม่บุญธรรมคะ?”
“ก็เอาสิ พี่สาวหยางก็ดูเป็นคนใจกว้าง สามีหล่อนก็เป็นคนดี แถมอยู่ข้างบ้านกันด้วย ถ้ามีอะไรระหว่างวัน หล่อนจะได้คอยมาช่วยได้” คุณแม่ซูบอก เมื่อเห็นลูกสาวตั้งใจจริง
นางรู้ว่าคุณป้าหยางมีลูกชาย 3 คน ลูกคนที่ 3 ยังคงทำงานที่สวนแห่งที่ 2 ของจี้เจี้ยนอวิ๋น ได้ยินมาว่าตอนนี้ชีวิตเข้ารูปเข้ารอยขึ้นแล้ว
เจี้ยนอวิ๋นทำหลายอาชีพและมีกิจการมากมาย การมีญาติที่มีลูกหลานผู้ชายหลายคนคงต้องเป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน
“งั้นก็เอาตามนี้นะคะ เดี๋ยวรอเจี้ยนอวิ๋นกลับมา ฉันจะไปบอกเขา แต่เขาคงไม่คัดค้านอะไรหรอกค่ะ” ซูตานหงบอกพลางยิ้มแย้ม
อย่างที่รู้กันว่าเจี้ยนอวิ๋นเคยจมน้ำในฤดูหนาวตอนที่เขายังเด็ก เป็นคุณลุงหยางที่กระโดดลงไปช่วยพาเขาขึ้นมา ซูตานหงรู้เรื่องนี้มาจากคุณแม่จี้
เพียงแค่ตอนนี้เธอกับคุณแม่จี้ห่างเหินกันไปเรื่อย ๆ กลับเป็นคุณป้าหยางกับคุณลุงหยางที่ยังสนิทสนมกับครอบครัวเธออย่างแต่ก่อน ทั้งยังแน่นแฟ้นกันมากขึ้น
จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาหลังจากออกเดินทางไป 20 วัน
เขามักวางแผนว่าจะเดินทางไปนานแค่ไหนทุกครั้ง ทว่าเขาก็ไม่เคยกลับมาตามเวลาที่วางไว้ และมักจะเกินไปหลายวันเสมอ
เมื่อเขากลับมาครั้งนี้ เขาซื้อของดีกลับมาให้ซูตานหงมากมาย อย่างแรกคือต้นสือหูที่ซูตานหงอยากได้ เขาซื้อมาราว 70 ถึง 80 ต้น
เมื่อเห็นต้นสือหูเหล่านี้ สิ่งแรกที่เธอทำคือการรดน้ำด้วยน้ำพุวิเศษ
พวกมันเป็นพืชทนแล้ง จึงยังคงสดสวยระหว่างทางที่นำกลับมา โดยที่ไม่เหี่ยวเฉาสักนิด
นอกจากต้นสือหูแล้ว ยังมีสือหูตากแห้ง ถือว่าเป็นของเด็ด ซึ่งครั้งนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นซื้อกลับมาอย่างน้อย 10 ถึง 20 ชั่ง!
สือหูจำนวนมากขนาดนี้ จะมีราคาแพงแค่ไหนกัน?
“ฉันว่าคุณคงใช้เงินที่เอาติดตัวไปหมดเลยใช่ไหมคะ?” ซูตานหงถาม
ตอนที่เจินเหมียวหงเอามาให้เธอ หล่อนบอกให้เธอเอาไปต้มดื่ม แต่อย่าลืมว่ามันมีราคาแพง ดังนั้นอย่ากินทิ้งกินขว้างเหมือนของตากแห้งอย่างอื่น
………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีป้าหยางเป็นแม่บุญธรรมอีกคนก็ดีนะคะ จะได้คอยกันท่านังแม่จี้ได้
ทำผลิตภัณฑ์อะไรจากต้นสือหูดีนะ
ไหหม่า(海馬)