ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 452 กาลเวลา
ตอนที่ 452 กาลเวลา
“ไม่ได้แพงมากหรอกครับ พวกเขาเห็นผมเป็นพ่อค้า เลยขายราคาส่งให้” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบสีหน้ายิ้มแย้ม
เขารู้ว่าต่อให้ยุ่งกับกิจการที่บ้าน การออกไปดูงานข้างนอกก็ยังคงเป็นเรื่องที่ดี มันทำให้ได้กำไรมหาศาล หากต้องการดำเนินกิจการให้เติบโต การออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ่อยครั้งย่ อมดีกว่าการเอาแต่อยู่กับบ้าน
ซูตานหงบอก “แต่คุณก็ซื้อมาเยอะเกินไปนะคะ”
“ไม่เยอะหรอกครับ แค่พอกินเท่านั้นเอง” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย
โน้นครึ่งชั่งนี่อีกครึ่งชั่ง แค่ 20 ชั่งมากตรงไหนกัน?
ซูตานหงตวัดตามองค้อนเขา นับดูแล้วก็เห็นกันอยู่ พวกมันราคาไม่ใช่ถูก ๆ เลยสักนิด!
จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาบ้าน ลูกหลานในบ้านต่างมีความสุขกัน ซูตานหงไม่สนใจพวกเขา และขึ้นสวนไปปลูกต้นสือหู
ต้นกล้าส่วนใหญ่ถูกนำไปเกาะไว้ตามซอกหิน ปล่อยให้พวกมันแทงรากเจริญเติบโตอยู่บนนั้น ขณะที่อีกส่วนหนึ่งถูกปลูกไว้ในสวนสมุนไพรของเธอ
ในช่วงนี้ซูตานหงขึ้นมารดน้ำพุวิเศษที่นี่ทุกวัน ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่เหมาะกับการปลูกต้นสือหู เพื่อจะให้พวกมันเติบโตได้ดี น้ำพุวิเศษจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก
คุณแม่ซูยังไม่ได้เดินทางกลับไป นางอยู่บ้านและคุยกับจี้เจี้ยนอวิ๋นเรื่องการรับคุณป้าหยางข้างบ้านเป็นแม่บุญธรรม
จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบตกลง ครอบครัวของเขาสนิทสนมกับครอบครัวคุณป้าหยางอยู่แล้ว ตอนที่ภรรยาเขามีลูกคนที่ 3 คุณป้าหยางยังมาช่วยดูแลบ่อยครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้น คุณลุงหยางยังเป็นผู้ช่วยชีวิตเขาไว้ แม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่เขายังจำได้ไม่รู้ลืม
ทั้ง 2 ครอบครัวมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน พวกเขาจึงยอมรับการนับญาติเป็นธรรมดา
คุณแม่ซูเคยพูดเรื่องนี้กับคุณป้าหยางไว้บ้างแล้ว โดยบอกว่าให้รอเจี้ยนอวิ๋นกลับมาก่อน
ถึงนางจะพูดแบบนั้น แต่คุณแม่ซูรู้แก่ใจดีว่าลูกเขยคงไม่คัดค้าน นางถึงได้ไปทาบทามคุณป้าหยางไว้ก่อน ส่วนคุณป้าหยางก็มีความสุขและยินดีมากทีเดียว
เนื่องจากนางกับสามีมีลูกชายเพียง 3 คน ได้แก่ หยางอ้ายมู่ หยางอ้ายหลิน และหยางอ้ายเซิน ตอนนี้หยางอ้ายเซินยังทำงานอยู่ที่สวนแห่งที่ 2
ส่วนหยางอ้ายมู่คือพ่อของหยางต้าหยา
ทั้งคู่มีแค่ลูกชาย ยังไม่เคยมีลูกสาว เมื่อได้ยินว่าซูตานหงมีความต้องการเช่นนี้ ทั้งสองจึงปลาบปลื้มใจ
ด้วยเหตุนี้ จึงได้จัดพิธีขึ้นในเวลาต่อมา
เมื่อชาวบ้านคนอื่นรู้เรื่องนี้ พวกเขาต่างแปลกใจ อดจะนึกยินดีกับตระกูลหยางไม่ได้ พวกเขาอายุมากกันแล้ว กลับมีลูกสาวบุญธรรมคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นซูตานหงอีกด้วย นับว่าเป็นโชคดี เหลือเกิน!
3 พี่น้องตระกูลหยางยินดีด้วยเช่นกัน พวกเขาต้องยินดีอยู่แล้ว เพราะต่อไปนี้พวกเขาจะถือว่าเป็นญาติของจี้เจี้ยนอวิ๋นแล้ว
อย่างไรก็ตามญาติก็เป็นส่วนญาติ สิ่งที่ควรทำก็ยังต้องทำต่อไป ป้าหยางเรียกพวกเขาทั้งหมดมากำชับบอก โดยเฉพาะหยางอ้ายเซิน ซึ่งช่วยเลี้ยงหมูอยู่ที่สวนแห่งที่ 2
“แม่ครับ เราโตกันแล้วนะครับ ทำไมเราจะแยกแยะไม่ได้ล่ะครับ?” หยางอ้ายเซินบอก
“ไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอกครับ” หยางอ้ายมู่ว่าเสริม
ซูตานหงเป็นคนจัดแจงเรื่องของหยางต้าหยาให้ตั้งแต่แรก ตอนนี้ลูกสาวของเขามีชีวิตสุขสบาย จำเป็นต้องยกความดีความชอบให้ซูตานหง หยางต้าหยานำข้าวของกลับมาให้ที่บ้านอยู่เรื่อย ๆ ทำให้ภรรยาของเขาอย่างหม่าฮุ่ยพึงพอใจมาก
ถึงอย่างไรแม่สามีหลายคนมักรับไม่ได้ที่จะให้นำของกลับไปให้บ้านเกิด แต่ลูกสาวของเขากลับนำมาฝาก เธอมักเอามาให้อยู่ตลอด ทั้งหมดเป็นเพราะลูกสาวเขายังมีเงินเดือนจากร้านค้าขอ องพี่สะใภ้ซูตานหง เมื่อมีเงินจึงสามารถทำเช่นนี้ได้!
เมื่อรู้ว่าต่อไปจะได้ภรรยาจี้เจี้ยนอวิ๋นอย่างซูตานหงเป็นน้องสาว ครอบครัวตระกูลหยางก็ยินดีอย่างยิ่ง ตอนนี้คุณป้าหยางแวะมาพูดคุยกับซูตานหงบ่อยครั้ง เมื่อก่อนไม่ได้เป็นญาติก กัน จึงมาหาไม่ได้บ่อยนัก ตอนนี้พวกเขาตกลงเกี่ยวดองเป็นญาติกันแล้ว จึงทำเรื่องแบบนี้ได้
ถึงอย่างไรคุณป้าหยางก็ไม่มีการงานต้องทำมาก นางจึงมาดูเผื่อจะมีเรื่องให้นางช่วยได้เพียงเท่านั้น
ซูตานหงไม่ได้ยุ่งมากเช่นกัน ตอนนี้เธอง่วนอยู่กับต้นสือหูที่สวน แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน ต้นสือหูก็งอกรากออกมา และเจริญเติบโตได้ดี
ส่วนต้นสือหูที่บ้าน ซูตานหงแจกจ่ายให้ญาติและเพื่อนฝูงไป ไม่มากนัก เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
ที่บ้านยังมีเหลืออีกมาก ซูตานหงไม่ได้ยกให้คนอื่นไปมากนัก เนื่องจากเธอมักทำน้ำแกงให้ครอบครัวกินบ่อย หากใส่สือหูลงไปด้วยคงจะดี จึงต้องเก็บไว้มากหน่อย
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเข้าหน้าร้อนหรือหน้าหนาว จี้เจี้ยนอวิ๋นมักเกิดอาการร้อนในปีละครั้ง 2 ครั้ง สือหูคงช่วยบรรเทาอาการของเขาได้ดี จึงจำเป็นต้องให้เขาดื่มอยู่เสมอ
ซูตานหงกับคุณป้าหยางเข้าเมืองมาในวันหนึ่ง ซูตานหงแวะไปเยี่ยมพี่สะใภ้รองซู ขณะที่คุณป้าหยางมาหาหยางต้าหยา
“คุณย่า คุณอา ทำไมถึงว่างมาถึงที่นี่ได้ล่ะคะ?” หยางต้าหยากำลังขายผัก เธอเห็นทั้งคู่ เมื่อคิดเงินและเก็บใส่กล่องเรียบร้อย เธอเอ่ยถามทันที
เมื่อเดือนก่อนพิธีของซูตานหงไม่ใช่งานเล็ก ๆ ชาวบ้านหลายคนได้รับเชิญให้เข้าร่วม แน่นอนว่าคนตระกูลหยางต้องไปร่วมงาน หยางต้าหยาขอลางานกับสะใภ้รองซูหลายวันกลับไป
ตอนนี้เธอจึงเปลี่ยนคำเรียก โดยเรียกซูตานหงว่าคุณอา
“แค่แวะมาหาเธอไม่ได้เหรอ” ซูตานหงยิ้มตอบ “แล้วย่าของเธอก็อยากมาหาด้วยเหมือนกัน”
“ต้าหยา หลานต้องตั้งใจทำงาน อย่าคิดลักขโมยและอู้งานล่ะ เข้าใจไหม?” คุณป้าหยางบอก
“ย่าคะ ฉันรู้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องกำชับฉันก็ได้” หยางต้าหยาตอบ ก่อนหันไปพูดกับซูตานหง “ทุกครั้งที่ย่าเจอฉัน ก็จะย้ำเรื่องนี้ตลอดเลยค่ะ”
ซูตานหงยกยิ้มและถาม “แล้วพี่สะใภ้อาล่ะ?”
“อารองอยู่ด้านในค่ะ” หยางต้าหยาบอก และไปเรียกสะใภ้รองซูให้
ไม่นานสะใภ้รองซูก็เดินออกมา หล่อนดีใจที่ได้เจอพวกเธอมาก รีบเข้าไปนำเก้าอี้ออกมาให้นั่ง
เมื่อเห็นเธอมาหาถึงที่นี่ สะใภ้รองซูไม่ได้ระมัดระวังเรื่องเงินทองมากนัก ซูตานหงรู้ว่าพี่สะใภ้ของตนไว้ใจหยางต้าหยาเต็มที่ พี่สะใภ้รองของเธอเป็นคนให้ความสำคัญเรื่องเงิน แต ต่ยังวางใจให้เด็กสาวดูแลเรื่องนี้ มันเพียงพอให้เห็นแล้วว่าเด็กสาวทำหน้าที่ได้ดี
สะใภ้รองซูเชื่อใจหยางต้าหยา ทว่าความเชื่อใจนี้ย่อมไม่ได้เกิดขึ้นได้ภายในวัน 2 วัน
หยางต้าหยาทำงานที่ร้านของหล่อนมานานหลายปี ไม่เคยทำให้สะใภ้รองซูผิดหวังสักครั้ง ความไว้ใจจึงเพิ่มขึ้น
ซูตานหงกับคุณป้าหยางนั่งพูดคุยที่ร้านครู่หนึ่ง ก่อนจะออกไปซื้อของ
วันคืนพ้นผ่านไป ล่วงเลยมาถึงปลายเดือนพฤศจิกายน เดือนนี้อากาศน่าจะหนาวเย็นขึ้นมาก
ซูตานหงบอก “ผ่านไปปีแล้วปีเล่า ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลย เวลาก็ผ่านไปปีหนึ่งแล้วค่ะ”
“ใช่แล้ว ตอนนี้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ฉันเองก็รู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวมาก ย้อนไปเมื่อก่อน เราเคยลำบากกันมามาก” คุณป้าหยางเอ่ย
เมื่อก่อนนางแทบไม่มีอันจะกิน ใช้ชีวิตลำเค็ญ ตอนนี้ชีวิตสุขสบายขึ้นเพียงไหน เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกว่าชีวิตผ่านไปรวดเร็ว
ตลอดทั้งปียังไม่ทันจะได้ทำอะไร กาลเวลาก็ผ่านพ้นไปแล้ว
……………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เวลาหนึ่งปีจะว่าเร็วก็เร็วนะคะ แปบเดียวเรื่องนี้ก็ผ่านมาเกินครึ่งปีแล้ว เหลืออีกสองร้อยกว่าตอนก็จะจบแล้ว
ไหหม่า(海馬)