ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 453 หน้าหนาวอันแสนยาวนาน
ตอนที่ 453 หน้าหนาวอันแสนยาวนาน
ในขณะที่พวกผู้ใหญ่รู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วราวติดปีก แต่สำหรับเด็ก ๆ แล้ว พวกเขากลับคิดว่ามันดำเนินไปอย่างเชื่องช้า
เมื่อตื่นมาในเช้าวันหนึ่ง ระหว่างที่ซูตานหงเปลี่ยนเสื้อผ้าฝ้ายให้เสียงเสียงนั้นเอง เสียงเสียงก็เอ่ยถาม “แม่ครับ เมื่อไหร่ผมจะไปโรงเรียนได้อย่างพี่รองล่ะครับ?”
เขาอดใจรอไม่ไหวแล้วใช่ไหม?
ทำไมเวลาถึงได้เชื่องช้านัก มันช่างน่าอึดอัด ทำให้ยังไม่โตพอและไปโรงเรียนได้ในเร็ววันนี้
“ลูกยังเด็ก เดี๋ยวแม่จะส่งไปเรียนอนุบาลกับหยวนหยวนปีหน้านะ!” ซูตานหงรับปาก
ปีหน้าเจ้าลูกคนนี้กับหยวนหยวนจะอายุได้ 6 ขวบแล้ว พวกเขาสามารถเข้าเรียนได้ตั้งแต่ปีนี้ แต่โรงเรียนอนุบาลเพิ่งจะก่อตั้งปีนี้ ซูตานหงจึงจะส่งไปเรียนปีหน้าแทน
เสียงเสียงไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เขาจึงงุนงงเมื่อได้ยินเช่นนั้น “อนุบาล? คือที่ไหนเหรอครับ?”
“เป็นที่ที่เด็ก ๆ ใช้เรียนหนังสือกันน่ะสิ พวกเขาอายุพอ ๆ กับลูก พอเรียนอนุบาลได้ 1 ปี ลูกก็จะเข้าเรียนชั้นประถม” ซูตานหงอธิบาย
“แต่ว่าพวกพี่ ๆ ไม่เห็นต้องเรียนเลยครับ!” เสียงเสียงท้วง
“ตอนพวกพี่ยังเล็กยังไม่มีโรงเรียนอนุบาลแบบนี้ ลูกกับหยวนหยวนต้องไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านลุงด้วยกัน ต้องนอนกลางวันที่นั่น รอจนเย็นถึงจะกลับบ้านได้ ห้ามดื้อด้วย เข้าใจไหม?” ซูตานหงบอก
แถวนี้ไม่มีโรงเรียนอนุบาล มันมีอยู่แค่ในเมืองเท่านั้น อยู่ข้าง ๆ โรงเรียนมัธยม ใกล้กับโรงเรียนที่หลี่จื้อสอนอยู่มาก
ซูตานหงจึงตัดสินใจให้เสียงเสียงไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านหลี่จื้อ และบอกให้จี้เจี้ยนอวิ๋นไปรับตอนเย็น
“ผมดื้อที่ไหน ผมไปดื้อตอนไหนกันครับ!” เสียงเสียงเถียงกลับทันที
เขาเคยทำให้ซูตานหงสบายใจได้เมื่อไรกัน ทว่าเธอยังคงยอมโอนอ่อนและบอก “จ้ะ ๆ เสียงเสียงของแม่เป็นเด็กดีที่สุด ไม่ดื้อไม่ซนเลยสักนิด”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เสียงเสียงก็นึกพอใจ ก่อนเอ่ย “แต่ผมบอกแม่ไว้ก่อนเลยนะ ถ้ามีใครกล้ามารังแกผมกับน้องสาว ผมจะไม่ไว้หน้าแน่!”
แม่ของเขาห้ามเขามีเรื่อง เขาจึงไม่เริ่มก่อน แต่เขาต้องพูดดักเอาไว้ก่อน ถ้ามีใครมาหาเรื่องเขา เขาจะไม่ยอมอย่างแน่นอน!
“เอาล่ะ ถ้าใครมารังแกลูก ลูกต้องคุยกับเขาก่อนนะ ถ้าคุยไม่รู้เรื่อง ลูกค่อยกลับมาบอก” ซูตานหงกำชับ
เสียงเสียงหน้างอ เผยให้เห็นว่าไม่พอใจกับคำตอบของเธอ
หลังจากกินข้าวเสร็จ เขากระซิบบอกเรื่องนี้กับพี่รอง
ฉีฉีบอกพร้อมสบตา “พี่ก็เคยถูกหาเรื่อง ทำไมต้องยอมด้วย? ไม่ต้องห่วงเรื่องแม่หรอก แม่คิดแบบผู้หญิง ถ้ามีใครมารังแกนาย นายก็เอาคืนไปเลย กลับมาบ้านแค่อย่าบอกแม่ก็พอไง!”
นี่แหละคือคำตอบที่ได้ดั่งใจเสียงเสียง เสียงเสียงเผยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ก่อนบอก “พี่รอง แม่บอกว่าตอนที่พี่เรียน ยังไม่มีโรงเรียนอนุบาลด้วยล่ะ”
“ไม่มีหรอก แต่ว่าโรงเรียนประถมก็ดีเหมือนกัน คงเหมือนกับตอนที่ไปโรงเรียนอนุบาลนั่นแหละ” ฉีฉีบอก “เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ พี่ต้องไปโรงเรียนกับพี่ใหญ่แล้ว!”
เหรินเหรินไปโรงเรียนกับฉีฉี พี่น้องเดินไปด้วยกัน
ปีนี้เหรินเหรินอยู่ชั้นประถมศึกษาที่ 6 แล้ว ปีหน้าจะเข้าเรียนชั้นมัธยม เมื่อมองลูกชายคนโตที่ตัวสูงและหน้าตาหล่อเหลา ซูตานหงนึกปลื้มใจ ก่อนถอนหายใจออกมา
“เจี้ยนอวิ๋น ผ่านไปพริบตาเดียว เหรินเหรินโตขึ้นมาขนาดนี้แล้วนะคะ” ซูตานหงบอกกับจี้เจี้ยนอวิ๋น
จี้เจี้ยนอวิ๋นส่งยิ้ม “แล้วไม่ดีตรงไหนล่ะครับ?”
“มันก็ดีแหละค่ะ แค่ใจหายนิดหน่อย ผ่านไปแปปเดียวเดี๋ยวเราก็แก่ตัวกันแล้ว” ซูตานหงเอ่ย
“คุณยังสาวอยู่เลย แก่ตรงไหนครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม
ปีนี้ทั้งเขาและภรรยายังอายุไม่ถึง 40 ตัวเขาใกล้ถึงวัยนั้นเต็มที แต่ภรรยาของเขายังคงสาวอยู่
ซูตานหงเสนอ “ปีหน้าช่วงฤดูใบไม้ผลิ เราออกไปเที่ยวเล่นกันเถอะค่ะ” อยู่ ๆ เธอก็นึกอยากออกไปเที่ยวเล่นดูบ้าง
“ดีครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นขานรับ
เขารู้ว่าต้องหมั่นเอาใจภรรยาตนบ้าง เธออยู่แต่ในหมู่บ้านมาหลายปี ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเลย
ซูตานหงรู้สึกเสียดายเรื่องนี้ในบางครั้ง แต่มันเป็นเรื่องจำเป็น จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงรับปากภรรยาเป็นมั่นเป็นเหมาะ
ปีหน้าเขาจะพาเธอไปเที่ยวเล่นที่หยางโจว ทิวทัศน์ที่นั่นสวยงาม เห็นว่าจะมีงานดอกไม้ไฟที่หยางโจวในเดือนมีนาคมด้วย เขาจึงจะไปที่นั่นสักพักหนึ่ง โดยไม่ได้พาใครไปด้วย นอกจากภรร รยาเท่านั้น
วันนี้เขานำเห็ดมาให้ซูตานหงกิน เห็ดนี้สามารถเก็บเอาไว้ตุ๋นได้ นอกจากนี้ยังแช่เห็ดหูหนูไว้ด้วย สามารถกินเป็นยำได้และมีรสชาติดี
ของแห้งเหล่านี้จี้ต้าหย่งและคนอื่น ๆ ไปรับซื้อมา พวกเขาซื้อมาจากภูเขาแถบเป่ยซาน เนื่องจากจี้เจี้ยนอวิ๋นต้องการรับซื้อ ตอนนี้พวกเขาจึงเตรียมเก็บและตากแห้งไว้ให้ ผลผลิตมีมหาศาล ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นของคุณภาพดี
ลำพังแค่รายได้จากส่วนนี้ก็มีค่อนข้างมากแล้ว ปีนี้มีบางคนขายได้ถึงหลายร้อยหยวน ในเป่ยซานรายได้เท่านี้ถือว่าสูงมาก
อย่างไรก็ตามจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่คิดว่าจะมีของป่าและธัญพืชมากขนาดนี้ ปีนี้เขาจึงส่งรถบรรทุกเข้าไปขนออกมาจำนวนมาก บางครั้งพวกเขาก็ใช้รถสามล้อ ซึ่งรถสามล้อขนของออกมาได้ไม่มากนัก
จี้เจี้ยนอวิ๋นเข้าไปซื้อขายกับทางนั้นบ่อย ตอนนี้ชีวิตความเป็นอยู่ในเป่ยซานจึงดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ซึ่งทุกครั้งจี้เจี้ยนอวิ๋นจะสั่งให้จี้ต้าหย่งนำของใช้เข้าไปขาย โดยขายในราคา ไม่แพง เป็นราคาเดียวกับที่ซื้อที่ร้าน แต่มันเป็นการประหยัดเวลาที่ชาวบ้านในเป่ยซานจะต้องไปตลาด
พวกเขาใช้เวลาไปตลาดหลายชั่วโมง ไปกลับใช้เวลาเป็นวัน ช่างเสียเวลานัก!
จี้เจี้ยนอวิ๋นนำน้ำส้มสายชู ซีอิ๊ว น้ำมัน เกลือ ไปขาย พวกเขาจึงไม่ต้องถ่อไปซื้อไกล ๆ ซื้อจากจี้เจี้ยนอวิ๋นมากหน่อยเพียงครั้งเดียวก็มีใช้ไปอีกนานแล้ว
พวกเขายังชอบปลาเค็มซึ่งจี้เจี้ยนอวิ๋นเอาไปขายเป็นบางครั้ง แม้ที่นั่นไม่มีปลา แต่หลายคนก็ถูกใจกันมาก
ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น ถึงฤดูเก็บเกี่ยวช่วงใบไม้ร่วงจะสิ้นสุดลง แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยังสั่งให้จี้ต้าหย่งและคนอื่นเอาของขึ้นไปขาย ทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น และตอบสนองความต้องการ ของคนที่นั่น
ส่วนเรื่องการขนส่งอาหารกลับมา เจี้ยนอวิ๋นก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะไปขายที่ไหน ยังมีอีกหลายที่ที่ต้องการอาหาร
โดยเฉพาะพวกหมูที่สวน
ยามไม่มีมันหวานที่ปลูกในหมู่บ้านแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็เตรียมชำแหละหมูล่วงหน้า ซึ่งพวกมันจะมีรสชาติดีมาก
งานในสวนแห่งที่ 2 ยุ่งมากทีเดียว ตอนนี้เหรินเหรินกับจี้เสี่ยวตงสองหลานชายคนโตของตระกูลอยู่ในช่วงปิดเทอม จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงส่งพวกเขาไปช่วยให้อาหารหมูทันที
นอกจากเด็กทั้งคู่จะโตเป็นเด็กหนุ่มแล้ว พวกเขายังทำงานได้ดีไม่แพ้ผู้ใหญ่ โดยเฉพาะจี้เสี่ยวตงที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว
กลางเดือนธันวาคม ลูกหลานได้ปิดเทอมกันอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นชั้นมัธยมต้น ประถม หรือมัธยมปลาย ในช่วงหน้าหนาวอย่างนี้ ทุกคนต่างพักผ่อนและเตรียมงานปีใหม่กัน ทว่าครอบครัวตระ ะกูลจี้กลับมีงานล้นมือ
เนื่องจากใกล้ถึงเวลาเชือดหมูตัวอ้วนใหญ่กันแล้ว!
…………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ฉีฉีให้ท้ายน้องอีก ระวังโดนแม่จับได้แล้วฟาดก้นลายทั้งคู่นะ
เหรินเหรินกับเสี่ยวตงเป็นหนุ่มกันแล้วเหรอเนี่ย เร็วจริง
ไหหม่า(海馬)