ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 457 ความคิดของอวิ๋นลี่ลี่
ตอนที่ 457 ความคิดของอวิ๋นลี่ลี่
อันที่จริงราคา 900 หยวนนั้นยังถือว่าน้อย ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนที่มีราคาแพงมากกว่า 1,000 หยวน แต่ว่า 900 หยวนก็ยังถือว่าแพงมากในสายตาจี้เจี้ยนอวิ๋นอยู่ดี
เดือนละ 900 กว่าหยวน ปีหนึ่งรวมแล้วเป็น 10,000 หยวน เงิน 10,000 หยวนนี้ เขาสามารถนำไปซื้อบ้านหรือร้านค้าเล็ก ๆ ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดเขาต้องนำไปจ่ายค่าโทรศัพท์ด้วยล่ะ?
ซูตานหงเห็นว่าเขาไม่ต้องการติดตั้งจริง ๆ แต่เธอไม่ได้คิดมาก
เธอทำเพื่อความสะดวกสบายของเขา ในเมื่อเขาไม่ต้องการ เธอจึงไม่คิดจะติดตั้งโทรศัพท์
ความจริงแล้วมีอีกเหตุผลหนึ่งที่จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ต้องการติดตั้งโทรศัพท์ นั่นคือปัญหาการยืมใช้โทรศัพท์
หากติดตั้งโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน หลังจากนั้นชาวบ้านต้องมาขอยืมใช้อย่างแน่นอน
การยืมไม่ใช่ปัญหา แต่มันเป็นการรบกวนเวลาส่วนตัวของครอบครัวเขา
จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่คิดจะติดตั้งโทรศัพท์ ความจริงชาวบ้านเคยบอกเรื่องนี้กับเขาเช่นกัน จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบไปทันที ตอนนี้เขามีเงินเหลือไม่มาก ลูกที่บ้านหลายคนยังต้องเรียนหนังสือ แต่ละปีจ่ายค่าเล่าเรียนไปเกือบหมด ถือว่าเป็นภาระใหญ่
ตอนนี้การเลี้ยงลูกต่างจากเมื่อก่อน สมัยก่อนยากนักที่จะมีอาหารอิ่มท้อง
ดูอย่างการเขียนพู่กันของจี้เหริงในตอนนี้สิ เรียกได้ว่าทุกเดือนเขาต้องเสียค่าพู่กัน หมึก และกระดาษ พวกมันราคาไม่ใช่ถูก ๆ ทั้งยังต้องฝึกมือทุกวัน หรืออย่างน้อย 2 วันต่อ อครั้ง รวมแล้วราคาตั้งเท่าไรกัน?
คนหนุ่มสาวบางคนยังไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขารู้สึกว่ามันไม่ได้มีค่าใช้จ่ายมาก ในขณะที่คนมีอายุได้แต่ถอนหายใจอย่างเข้าอกเข้าใจ
หากใครไม่ได้เป็นคนดูแลบ้าน คงไม่รู้ว่าฟืนกับข้าวแพงแค่ไหน
คนเรามักใช้เงินโดยไม่ระวัง บางครั้งไม่รู้ว่าเอาไปใช้ทำอะไรบ้าง ทั้งที่ไม่ได้ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยด้วยซ้ำ
สำหรับคนที่มีลูกชาย 3 คน มีความกดดันไม่น้อยเป็นธรรมดา ตอนนี้พวกเขาเป็นที่รู้จักในแถบนี้ เมื่อลูกชายแต่งงาน พวกเขาต้องแยกออกไปอยู่ข้างนอก เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาจึงต้องมีบ้าน เป็นของตัวเอง
เมื่อมีลูกชาย 3 คน ทำให้จำเป็นต้องมีบ้าน 3 หลัง…
ด้วยภาระความรับผิดชอบมากมาย พอมาคิดไตร่ตรองเรื่องนี้ ไม่แปลกที่จี้เจี้ยนอวิ๋นจะไม่อยากติดตั้งโทรศัพท์นัก ช่วยไม่ได้ที่เขามีลูกชายเยอะขนาดนี้นี่?
ปีนี้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น ตอนนี้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ชาวบ้านมีฐานะดีขึ้น ต้องเป็นปีใหม่ที่ดีอย่างแน่นอน
ในเมืองเจียงสุ่ย ครอบครัวจี้เจี้ยนเหวินมีชีวิตสุขสบายเช่นกัน เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้ส่งของไปให้คุณแม่จี้ เขาส่งเงินไปให้ 200 หยวนแทน
100 หยวนสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ส่วนอีก 100 หยวนเป็นค่าซองแดง ซึ่งหมายความว่านางจะเอาไปใช้ได้ตามใจนาง
200 หยวนถือว่าเพียงพอแล้ว
แต่ถึงกระนั้น คุณแม่จี้ยังไม่พอใจ วันส่งท้ายปีเก่าทั้งที เจี้ยนอวิ๋นไม่แม้แต่จะส่งเนื้อมาให้สักชิ้น
โชคดีที่นางยังมีลูกชายคนสุดท้อง ไม่อย่างนั้นนางคงอดอยากตายหากต้องพึ่งพาลูกชายอีก 3 คนที่เหลือ!
ปีนี้จี้เจี้ยนเหวินค่อนข้างสบายใจ ก่อนจะออกไปทำงานกับอวิ๋นลี่ลี่ เขาซื้อข้าวของที่จำเป็นในวันปีใหม่ไว้ที่บ้านล่วงหน้า
ทั้งปลา เนื้อ ไข่ไก่ ผักกาดขาว และหัวไชเท้า เขาซื้อมาจำนวนมาก
ก่อนหน้าที่จะออกไปซื้อ คุณแม่จี้บอกกับเขาว่า “ทำไมต้องออกไปซื้อเยอะแยะขนาดนี้? ถึงตอนนั้นเดี๋ยวพี่สามของลูกก็ส่งของมาให้เอง”
จี้เจี้ยนเหวินตอบ “พี่สามส่งเงินมาแล้ว ให้แม่ซื้อของตามที่ต้องการเอง พี่สามคงไม่ส่งอะไรมาให้แล้วล่ะครับ”
นี่เป็นเรื่องจริง พี่สามส่งเงินมาให้แล้ว ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก
แต่คุณแม่จี้ไม่เชื่อ ขณะเดียวกันจี้เจี้ยนเหวินไม่มีเวลามาอธิบายให้นางฟัง เขาต้องรีบออกไปกับอวิ๋นลี่ลี่
เขางานยุ่งมาก ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพวกนี้ ปีนี้กิจการของเขาขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หากทั้งคู่ตั้งใจทำงาน จะต้องหาเงินได้มากอย่างแน่นอน
คุณแม่จี้รอแล้วรอเล่าที่จะนำของมาทำอาหารให้พวกเขา ก่อนจะพบว่าเป็นจริงอย่างที่ลูกชายคนเล็กบอก ลูกชายคนที่สามตัวดีเนรคุณนาง เขาไม่แม้แต่จะส่งข้าวสารมาให้ด้วยซ้ำ!
จี้เจี้ยนเหวินไม่มีเวลามาห่วงใยความรู้สึกแม่ของตน เขากับอวิ๋นลี่ลี่งานล้นมือจนกระทั่งวันส่งท้ายปี
ในเวลาเดียวกัน ดวงตาคู่สามีภรรยาเป็นประกาย เนื่องจากพวกเขาเก็บเงินก้อนล่าสุดได้มาก หากนำไปใช้คืนซูตานหง พวกเขาก็จะใช้หนี้หมด และไม่ติดหนี้อีก!
กว่าจะได้ดีใจกับเงินก้อนโตแบบนี้ พวกเขาต้องทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด ตอนนี้พวกเขาสามารถใช้หนี้ได้หมดแล้ว ไม่ผิดกับที่ตกลงกับซูตานหงว่าจะจ่ายคืนภายใน 5 ปี
มันทำให้จี้เจี้ยนเหวินรู้สึกถึงความสำเร็จ เขาจับมืออวิ๋นลี่ลี่ก่อนบอก “คุณทำงานหนักมาหลายปี ต่อไปเราจะสบายกันแล้วนะครับ!”
เงินเดือนของเขามากกว่า 100 หยวน ทั้งยังมีสวัสดิการและอื่น ๆ รวมแล้วมากกว่า 100 หยวน เกือบจะ 200 หยวน
นับว่าเป็นข้อดี เนื่องจากเขาได้เป็นคุณครูอาวุโสแล้ว!
รายได้ทั้งหมดมั่นคงมากทีเดียว มีรายได้เท่านี้ในเมืองเจียงสุ่ยจึงจะสามารถเลี้ยงตัวเองได้อย่างสะดวกสบาย
เขามีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว จึงสามารถประหยัดเงินได้มาก เพราะไม่ต้องไปเสียเงินเช่าบ้านข้างนอก ส่วนเรื่องอื่น ๆ ต่อให้ไม่มีเงินเหลือทุกเดือน แต่ยังมีชีวิตที่สุขสบายได้
“มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ค่ะ”
จี้เจี้ยนเหวินนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนบอก “เราใช้หนี้หมดแล้ว พี่สามก็รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของแม่ผมไปมาก ต่อไปเราน่าจะเป็นคนดูแลแม่นะครับ”
“เจี้ยนเหวิน ฉันเห็นด้วยค่ะ…” อวิ๋นลี่ลี่รู้สึกว่าถึงเวลาแล้ว เธอตัดสินใจบอกสิ่งที่หล่อนคิดไว้ในใจกับจี้เจี้ยนเหวิน
หล่อนต้องการเปิดร้านเสื้อผ้า แทนที่จะออกไปตั้งแผงขาย เปิดสักร้านหนึ่งเป็นของตัวเอง เปิดร้านและทำเหมือนอย่างที่เธอรับของมาขายอย่างทุกวันนี้
อย่างไรก็รู้แล้วเป็นของคุณภาพดี ในวงการนี้ ความจริงแล้วหล่อนถือว่าผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง
นอกจากนี้หล่อนยังไม่มีอะไรทำ มีคุณแม่จี้อยู่ช่วยงานที่บ้าน ทำให้หล่อนมีเวลาว่างขึ้นมาก
“ตอนนี้เยียนเอ๋อร์ยังอายุน้อย เลยยังไม่ต้องใช้เงินมาก แต่ปีหน้าก็ต้องเข้าเรียนชั้นมัธยมต้นแล้วนะคะ ยังมีชั้นมัธยมปลายและมหาวิทยาลัยอีก เงินเดือนคุณสามารถเลี้ยงครอบครัวได้ แต่สำหรับการส่งเรียนมหาวิทยาลัย มันยังต้องใช้เงินอีกมากค่ะ เราแค่เปิดร้านและทำให้แน่ใจว่าจะหาเงินส่งเยียนเอ๋อร์มหาวิทยาลัยได้เท่านั้น!” อวิ๋นลี่ลี่บอก
จี้เจี้ยนเหวินขมวดคิ้วก่อนท้วง “แต่มันต้องใช้เงินมากเลยนี่ครับ”
“แล้วมันยังไงล่ะคะ ฉันจะตั้งแผงขายของต่อไป พอมีเงินมากพอก็จะเช่าร้านค้าก่อน เก็บเงินได้ ฉันจะไปดูหน้าร้านทำเลดี ๆ แล้วค่อยตัดสินใจซื้อค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่แจง
หล่อนเคยเห็นแล้วว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นได้กำไรมหาศาล และเชื่อมั่นว่าจะเป็นเช่นนั้น
หากต้องการหาเงิน ไม่พ้นต้องใช้ประโยชน์จากมัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาอย่างนี้ อวิ๋นลี่ลี่รู้สึกได้ว่าในอนาคต การหาเงินจะต้องไม่ง่ายอย่างในตอนนี้ หล่อนต้องเก็บเงินไว้ให้ลูกสาวเ เรียนมหาวิทยาลัย!
……………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แม่จี้ดื้อยังไงก็ดื้ออย่างนั้น งั้นก็เชิญอยู่อย่างนั้นไปเถอะ
ครอบครัวสี่หมดหนี้แล้ว ยินดีด้วยค่ะ
ไหหม่า(海馬)