ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 458 ลูกชายคนที่ 2
ตอนที่ 458 ลูกชายคนที่ 2
“อย่างนั้นก็ค่อย ๆ ดูไปก่อนก็ได้ครับ” จี้เจี้ยนเหวินถอนหายใจเบา ๆ
เขาเองก็คิดเรื่องค่าเล่าเรียนระดับมหาวิทยาลัยของลูกสาวไว้เช่นกัน
เงินเดือนของเขาเพียงพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัว แต่หากจะส่งลูกเรียนระดับมหาวิทยาลัย มันออกจะยากลำบากไปสักหน่อย
แม้เขาจะรู้ว่าภรรยาตนตั้งใจทำงาน เขาก็ทำได้เพียงรับคำ หลายปีที่ผ่านมา หล่อนลำบากมามาก ดังนั้นการค่อยเป็นค่อยไปจึงจะดีกว่า
“ไม่ต้องรีรอหรอกค่ะ ถ้าคิดว่าต้องเหนื่อยก็จะรู้สึกเหนื่อย อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพักหรอกค่ะ อีกเดี๋ยวก็จะต้องเหนื่อยอยู่ดีแหละค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่บอก
หล่อนเคยชินกันการทำงานหนักไปแล้ว ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยง่ายขนาดนั้น แต่ถ้าหล่อนพักผ่อนสักระยะหนึ่ง เมื่อถึงเวลาทำงานมันก็จะยิ่งเหนื่อย
หล่อนจึงไม่คิดหยุดพัก หลังจากปีนี้ผ่านไป หล่อนจะตั้งแผงขายของต่อไป ต่อให้ขายเพียงเครื่องประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นต่างหู หรืออะไรทำนองนั้น แต่รายได้ต่อเดือนไม่น้อยไปกว่าเงินเด ดือนของจี้เจี้ยนเหวิน บางทีอาจมากกว่าเสียอีก
เงินก้อนนี้จะถูกเก็บสะสมไปเรื่อย ๆ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น อวิ๋นลี่ลี่ยังคงนอนหลับอยู่ จี้เจี้ยนเหวินตื่นขึ้นมาก่อน คุณแม่จี้ตื่นนอนแล้วเช่นกัน
เมื่อเห็นคุณแม่จี้ จี้เจี้ยนเหวินก็มีท่าทางลำบากใจ ก่อนบอก “แม่ครับ ถ้าแม่มีเวลาก็ช่วยงานบ้านลี่ลี่หน่อยนะครับ ช่วงนี้หล่อนเหนื่อยมากเลย”
“แม่รู้ว่าลี่ลี่ลำบาก ไม่ต้องห่วงหรอก แม่รู้ดี” คุณแม่จี้พยักหน้า พร้อมย้ำว่านางรู้ดี สะใภ้สี่ต้องออกไปทำงานกับลูกชายนางแต่เช้าตรู่และกลับบ้านดึกดื่น นี่มันลำบากแค่ไหนกัน น?
“แล้วตอนนี้ใช้หนี้ไปถึงไหนแล้ว? กว่าจะใช้หนี้หมดก็น่าจะสักพักเลย” นางถาม
“ผมเก็บเงินได้แล้วครับ พ้นปีนี้ไป จะฝากจูเหมาเอากลับไปคืนให้พี่สาม” จี้เจี้ยนเหวินบอก “ผมบอกให้ลี่ลี่พักก่อน แต่หล่อนบอกว่าอยากจะทำงานเก็บเงินให้เยียนเอ๋อร์เรียนมหาวิ ทยาลัย หล่อนเลยไม่คิดจะหยุดพัก แล้วจะตั้งแผงขายของต่อไปอีกสักพักน่ะครับ”
เมื่อคุณแม่จี้ได้ยินเช่นนั้น นางก็ปลาบปลื้มใจ ไม่แปลกที่ลูกชายนางจะไหว้วานให้นางดูแลลี่ลี่ ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ลี่ลี่ถือว่าลำบากไม่น้อย
คุณแม่จี้รู้สถานการณ์ทางบ้านของครอบครัวลูกชายคนเล็กดี
แม้จะมีรายได้มั่นคง แต่กลับชักหน้าไม่ถึงหลังนัก ตอนที่ลี่ลี่ยังมีอาชีพการงาน พวกเขาได้เงินเดือนมากกว่านี้เป็นเท่าตัว
เมื่อออกมาทำธุรกิจกับอวิ๋นอวิ๋น หล่อนสูญเสียหน้าที่การงานไป
ตอนนี้ทั้งครอบครัวอยู่ได้ด้วยเงินเดือนของเจี้ยนเหวิน ซึ่งมีเกือบ 200 หยวน หากเป็นเมื่อก่อน มันคงถือว่าเยอะมาก
ทว่าในปัจจุบันไก่ตัวหนึ่งราคามากกว่า 10 หยวน ทั้งยังขึ้นราคาเร็วมาก สร้างแรงกดดันไม่น้อย
แม้หล่อนจะใช้เงินเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว แต่ก็ยังต้องเก็บออมไว้ ไม่อย่างนั้นหล่อนคงไม่สามารถเหลือเงินสักเหมา แต่เยียนเอ๋อร์อยู่ในวัยกำลังโต หล่อนจะเก็บเงินได้สักเท่าไรกัน เชียว?
ต่อให้สูญเสียทุกอย่างแต่จะเสียลูกไปไม่ได้เด็ดขาด
ตอนนี้ลี่ลี่กำลังเตรียมเก็บเงินค่าเรียนให้เยียนเอ๋อร์ ซึ่งเป็นภาระที่หนักหนามากทีเดียว
เมื่ออวิ๋นลี่ลี่ตื่นขึ้นมา หล่อนก็กินอาหารเช้าอย่างอิ่มหน่ำ โจ๊กเนื้อแดงใส่ไข่เคียงด้วยผักกาดลวกส่งกลิ่นหอมฉุย
“ลี่ลี่ แม่รู้ว่าเธอทำงานหนัก แต่ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็บอกแม่นะ แม่ยังมีเงินเก็บไว้อยู่บ้าง” คุณแม่จี้กระซิบบอกหล่อน
“คุณแม่เก็บเงินของตัวเองไว้เถอะค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่บอกขณะแปรงฟัน
มีหรือที่หล่อนจะไม่รู้ว่าคุณแม่จี้ได้เงินมาจากไหน นางไม่ได้เป็นคนเก็บเงินค่าใช้จ่ายที่พี่สามส่งมาให้ แต่ยังมีเงินใช้จ่ายอยู่ตลอด จี้อวิ๋นอวิ๋นให้เงินนางเช่นกัน นางคงไม่ได้ใ ใช้เงินส่วนนี้ ซ้ำจี้อวิ๋นอวิ๋นยังให้มามากอีกด้วย
แต่ตอนนี้หล่อนมั่นใจมากขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว ครอบครัวของหล่อนมีเงินเพียงพอที่จะใช้หนี้จนหมด หล่อนไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับจี้อวิ๋นอวิ๋นอีก
ในเมื่อมันเกี่ยวโยงกับหล่อน อวิ๋นลี่ลี่จึงไม่คิดเข้าไปยุ่งอย่างแน่นอน
ตอนนี้หล่อนมีแผนจะตั้งแผงขายของเพื่อเก็บเงิน เมื่อมีเงินมากพอค่อยเช่าร้านและตกแต่ง ก่อนไปซื้อเสื้อผ้ามาขาย!
หล่อนเคยชินกันขั้นตอนเหล่านี้ เนื่องจากเคยเปิดร้านขายเสื้อผ้ากับจี้อวิ๋นอวิ๋นมานาน หลังจากเผชิญความล้มเหลว หล่อนก็ได้เรียนรู้บทเรียนจากมัน
หล่อนไม่ควรคิดโลภมากเมื่อเปิดร้านในช่วงแรก เรื่องของจี้อวิ๋นอวิ๋นทำให้นึกถึงใจคนโลภไม่มีสิ้นสุดดั่งงูคิดกลืนช้าง
เดิมทีร้านขายดิบขายดี เพียงไม่นานก็มีรายได้ต่อเดือนตก 200 ถึง 300 หยวน บางครั้งถึง 400 หยวน หล่อนมีร้านค้ามากมาย โดยเปิดทีเดียวถึง 6 ร้าน!
กำไรต่อเดือนรวมกันแล้วมากกว่า 2,000 หยวน
มันก็ถือว่าเป็นเงินก้อนโตแล้วไม่ใช่หรือ?
ทว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นยังไม่พอใจ หล่อนโน้มน้าวและล้างสมองอวิ๋นลี่ลี่ ทำให้สูญเงินที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงเงินเก็บเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปกับโรงงานเสื้อผ้า
ท้ายที่สุดตะกร้าไม้ไผ่ก็ว่างเปล่าไม่มีเหลือ
แต่หล่อนจะไม่พูดถึงเรื่องในอดีต ตอนนี้หล่อนมีแผนแล้ว เมื่อเปิดร้านค้าได้ หล่อนจะตั้งใจดูแลร้านเสื้อผ้านี้ รายได้จะต้องไม่น้อยอย่างแน่นอน จะไม่คิดโลภ ไม่ทำอย่างที่จี้อวิ๋นอว วิ๋นทำเด็ดขาด!
หล่อนจะทำทุกอย่างให้สำเร็จด้วยตนเองให้ได้
คุณแม่จี้กลับคิดว่าหล่อนกตัญญูและไม่คิดรบกวนเงินของนางจึงบอก “แม่มีเงินเก็บอยู่บ้างจริง ๆ นะ”
“ฉันรู้ค่ะ คุณแม่เก็บไว้เองเถอะ ในเมื่อคุณแม่มีเจี้ยนเหวินกับฉันหาเลี้ยงดูแลอยู่ คุณแม่ก็คงไม่ต้องใช้เงินของอวิ๋นอวิ๋นหรอกใช่ไหมคะ?” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
คำพูดเหล่านี้อาจฟังดูอบอุ่นใจ แต่กลับเป็นการบอกเป็นนัยว่าอวิ๋นลี่ลี่ไม่ต้องการพัวพันกับจี้อวิ๋นอวิ๋นอีก อวิ๋นลี่ลี่ถนัดการใช้คำพูดแบบนี้มาก
หากแต่คุณแม่จี้ยังคงชอบใจ นางคิดว่าสะใภ้สี่นั้นหวังดีต่อนาง
ใกล้วันส่งท้ายปีเก่าแล้ว คุณแม่จี้ลงไปชั้นล่างเพื่อโทรไปหาลูกสาว นางถามถึงอาการของหล่อน ด้วยตอนนี้หล่อนท้องแก่มากแล้ว
หากเป็นเมื่อก่อน คุณแม่จี้คงไม่ยอมใช้โทรศัพท์ ไม่มีทางเลย เนื่องจากมันมีราคาแพงเกินไป ครั้งหนึ่งเสียเงิน 1 ถึง 2 หยวน หากคุยนานกว่านี้ จะต้องเสียเงิน 3 ถึง 4 หยวน จะไปเอาเงินมา าจากที่ไหนกัน?
ตอนนี้นางไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเงินเท่านี้ เงินทั้งหมดที่ลูกสาวให้นางมา ตอนนี้มีมากกว่า 10,000 หยวน เกือบจะ 20,000 หยวนเสียด้วยซ้ำ!
ไม่มีเหตุผลต้องมาคิดมากกับเงินแค่ไม่กี่หยวน
“แม่คะ จะปีใหม่แล้ว สวัสดีปีใหม่นะคะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นอารมณ์ดีที่ได้รับสายจากแม่ของตนเช่นกัน
เรียกได้ว่าหากเทียบกับตอนที่ตั้งท้องระยะแรก หล่อนอารมณ์ดีขึ้นมากทีเดียว
โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าลูกในท้องเป็นผู้ชาย ไม่ต้องพูดถึงว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นจะมีความสุขขนาดไหน
หล่อนบอกเรื่องนี้กับหลี่เทียนเฉิ่ง หลี่เทียนเฉิ่งยินดีมากเช่นกัน ผลลัพธ์ของความดีใจของเขาคือความเจริญรุ่งเรืองของกิจการของเหล่ากัว เนื่องจากหลี่เทียนเฉิ่งให้การสนับสนุนเข ขา แม้ตระกูลหลี่จะไม่ยิ่งใหญ่เท่าตระกูลโจว แต่ในเมืองมหาวิทยาลัย ตระกูลนี้ยังถือว่าแข็งแกร่งมาก
ดังนั้นต่อให้เขาช่วยเพียงเล็กน้อย มันย่อมไม่ต่างกับปลาลงน้ำ ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาจากความลำบากนั้นเป็นเท่าตัว
ช่วงนี้เหล่ากัวกระตือรืนร้นมากเช่นกัน เขารู้สึกว่าไม่มีช่วงชีวิตใดที่จะรุ่งโรจน์ไปมากกว่านี้แล้ว ตอนนี้ชีวิตของเขาช่างดีเหลือเกิน ลูกชายคนที่ 2 ของเขากำลังจะเกิดแล้ว
……………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ลี่ลี่มีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว ไม่ยอมให้นังอวิ๋นมาจูงจมูกแล้ว
ส่วนเหล่ากัวก็โดนสวมเขาไปตามระเบียบ
ไหหม่า(海馬)