ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 460 สิ่งที่น่าสนใจ
ตอนที่ 460 สิ่งที่น่าสนใจ
“ไม่ต้องมีของขวัญหรอก แค่คุณมาเยี่ยมกันก็ดีใจแล้วล่ะครับ” เหล่ากัวบอกพลางส่งยิ้ม
“ไม่ได้หรอกครับ” หลี่เทียนเฉิ่งบอก
“เหล่ากัว ที่บ้านเราไม่มีเครื่องดื่มเลย ลงไปซื้อขึ้นมาหน่อยสิคะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นเปิดตู้เย็นขณะบอก
“เครื่องดื่มอะไรกันล่ะ ต้องดื่มเหล้าสิ นาน ๆ ทีเถ้าแก่หลี่จะแวะมาหา จะดื่มแค่เครื่องดื่มได้ยังไงกัน?” เหล่ากัวว่าอย่างไม่คิดมาก ก่อนบอกกับหลี่เทียนเฉิ่ง “ฉันมีไวน์ดี ๆ เก ก็บไว้ตั้งเยอะ วันนี้มาดื่มกันให้เกลี้ยงเถอะ!”
“เหล่ากัว ผมมีธุระต้องไปทำวันนี้ ผมต้องไปเยี่ยมบ้านผู้ใหญ่ด้วย แค่ผ่านมาทางนี้เท่านั้น เหล่ากัวกับพี่สะใภ้ไม่ต้องลำบากเลี้ยงข้าวเย็นผมหรอกครับ ผมแค่แวะมาหาแปปเดียวแล้วก ก็จะไปแล้วล่ะครับ” หลี่เทียนเฉิ่งบอก
“ไม่เห็นจำเป็นต้องแวะมาหาเลย ปีใหม่ทั้งที ไม่กินข้าวด้วยกันไม่ได้หรอก แต่มันคงดูไม่ดีถ้าคุณกินเหล้าแล้วต้องไปเยี่ยมบ้านผู้ใหญ่ต่อ อย่างนั้นก็ดื่มแค่เครื่องดื่มสักหน่อย คุณ ณรออยู่ที่นี่ก่อน ผมจะลงไปซื้อข้างล่าง” เหล่ากัวเอ่ย
“รบกวนเกินไปแล้ว ไม่จำเป็นหรอกครับ” หลี่เทียนเฉิ่งบอก
“รบกวนอะไรกัน? แค่ข้ามถนนไปเอง คุณนั่งรอก่อน ผมจะไปซื้อเอง” เหล่ากัวบอก
เหล่ากัวลงไปชั้นล่าง ปล่อยให้จี้อวิ๋นอวิ๋นอยู่กับหลี่เทียนเฉิ่งที่บ้าน รวมถึงเฮ่าเฮ่าที่ยังพูดไม่ได้มากนัก
“วันปีใหม่ทั้งที เถ้าแก่หลี่ไม่อยู่บ้านแสดงความกตัญญูต่อผู้อาวุโส ทำไมมาถึงเมืองเจียงสุ่ยได้กัน? ฉันไม่เคยได้ยินว่าเถ้าแก่หลี่มีญาติที่นี่มาก่อนเลยนะคะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นกัดฟั นกรอด
หลี่เทียนเฉิ่งยกยิ้ม “อวิ๋นอวิ๋น ผมแวะมาเยี่ยมคุณกับลูกถึงที่นี่ ทำไมถึงพูดอย่างนั้นกันล่ะ?”
“หลี่เทียนเฉิ่ง ฉันจะไม่พูดอะไรกับคุณแล้วนะ ฉันพูดไปชัดเจนแล้ว ลูกชายคนนี้เป็นของคุณ แต่ต่อไปเขาจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของเหล่ากัว คุณไม่ต้องมาหาอีกดีกว่า ไม่อย่างนั้นเหล ล่ากัวจะสงสัยได้ มันจะไม่ดีทั้งต่อตัวฉันและลูก!” จี้อวิ๋นอวิ๋นกัดฟันบอก
ตอนนี้หล่อนต้องการไล่หลี่เทียนเฉิ่งไปให้พ้นทาง คาดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะดื้อด้านและลงทุนถ่อมาถึงที่นี่!
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมมาไม่บ่อยหรอก วันนี้แค่รู้สึกท้อแท้ เลยอยากจะมาเห็นหน้าคุณกับลูกแค่นั้นเอง” หลี่เทียนเฉิ่งบอก
เขาสบตามองจี้อวิ๋นอวิ๋น ต้องยอมรับว่านิสัยใจคอของจี้อวิ๋นอวิ๋นนั้นดึงดูดความสนใจจากเขา เป็นครั้งแรกที่เขาคิดถึงเรื่องผู้หญิง
เขาเพียงยังไม่เข้าใจว่าทั้งที่เขาตามตื้อขนาดนี้ หล่อนยังทำเย็นชากับเขาได้อย่างไรกัน? อย่างเช่นในครั้งนี้ เขาให้คนขับรถขับจากเมืองมหาวิทยาลัยมาตั้งหลายชั่วโมง แต่หล่อนก กลับไม่คิดจะชวนกินอาหารด้วยกันเลยหรือ?
แน่นอนว่าเพราะลูกชายที่ยังไม่ลืมตาดูโลกของเขา จึงไม่ยอมรับเป็นครอบครัวอย่างนั้นหรือ?
ทว่าเมื่อเห็นหล่อนเป็นเช่นนั้น หล่อนคงไม่ต้องการให้เขามาหาจริง ๆ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ อย่ามาพูดเรื่องแบบนี้ที่บ้านของฉัน!” จี้อวิ๋นอวิ๋นโพล่งขึ้น
“เหล่ากัวไม่อยู่บ้าน แม่บ้านก็ลาหยุด ไม่มีใครได้ยินสักหน่อยนี่ครับ” หลี่เทียนเฉิ่งว่าอย่างไม่ยี่หระ “ทำไมคุณไม่ใส่สร้อยที่ผมให้ไปครั้งก่อนล่ะ?”
“สร้อยนั้นมันแพงเกินไป ฉันไม่อยากใส่” จี้อวิ๋นอวิ๋นบอก “ฉันจะเอามาให้ คุณเอากลับไปเถอะ!”
“ผมให้คุณแล้ว เป็นของขวัญจากหลี่เทียนเฉิ่ง ไม่มีเหตุผลอะไรต้องเอาคืน?” หลี่เทียนเฉิ่งว่าขึ้น
“คุณต้องการอะไรกันแน่?” จี้อวิ๋นอวิ๋นกัดฟันกรอดขณะมองหน้าเขา
“ผมบอกไปแล้วไง ผมแค่อยากกินข้าวกับคุณกับลูก กินเสร็จเดี๋ยวก็จะไปแล้ว” หลี่เทียนเฉิ่งเอ่ย
ทั้งคู่คุยกันได้ไม่นาน เหล่ากัวกลับมาพร้อมเครื่องดื่มในมือ จี้อวิ๋นอวิ๋นเงียบทันที และหันไปบอกเหล่ากัว “คุณคุยกับเถ้าแก่หลี่ไปก่อนนะคะ ฉันจะไปเตรียมอาหารให้”
“ได้สิ” เหล่ากัวมองหล่อนอย่างรักใคร่
ตอนนี้เขารู้สึกว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นทำตัวดีขึ้น ตั้งแต่ที่เขาแต่งงานกับหล่อน หล่อนก็เริ่มเข้าครัวมากขึ้น
หลี่เทียนเฉิ่งพูดคุยกับเหล่ากัว พวกเขาร่วมโต๊ะฉลองวันส่งท้ายปีแต่หัววัน ตอนนี้เป็นเวลา 10 โมงเช้าเท่านั้น จี้อวิ๋นอวิ๋นเข้าไปเตรียมอาหาร ล่วงเลยมาถึง 11 โมงจึงเสร็จ
เขาเริ่มร่วมโต๊ะอาหารกันล่วงหน้า จี้อวิ๋นอวิ๋นยังบอกให้เหล่ากัวนำไปให้คนขับรถที่รออยู่ด้านล่างกินด้วย ก่อนที่เขาจะกลับขึ้นมาในห้อง
ระหว่างที่เหล่ากัวไม่อยู่ จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดกับหลี่เทียนเฉิ่งอีกครั้ง ประเด็นสำคัญคือให้เขาไปหาผู้หญิงคนอื่น แทนที่จะมาตามตอแยหล่อน เพราะหล่อนเป็นผู้หญิงแต่งงานแล้ว
หากแต่หลี่เทียนเฉิ่งติดใจหล่อน โดยเฉพาะตอนนี้ที่หล่อนได้รับการเลี้ยงดูจากเหล่ากัวเป็นอย่างดี ทั้งยังมีแม่บ้านอีก 2 คนสลับกันคอยดูแล ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลย
นอกจากนี้เขายังสามารถซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประทินผิวให้หล่อนได้ทุกเดือน ผิวพรรณจึงดูเปล่งปลั่ง
แม้จี้อวิ๋นอวิ๋นจะดูน่าสนใจดี รู้จุดอ่อนของหลี่เทียนเฉิ่ง และย้ำเตือนอยู่เสมอว่าหล่อนเป็นภรรยาของคนอื่นและพี่สะใภ้
แต่ไม่มีสิ่งใดรสเลิศไปกว่าเกี๊ยว* จะมีเรื่องใดสนุกไปกว่าการได้คบชู้กับพี่สะใภ้ มันน่าตื่นเต้นดีออกไม่ใช่เหรอ?
*ไม่มีสิ่งใดรสเลิศไปกว่าเกี๊ยว = ไม่มีเรื่องไหนสนุกไปกว่าการได้มีสัมพันธ์กับพี่สะใภ้
จี้อวิ๋นอวิ๋นแต่งตัวเก่ง ต่อให้หล่อนอยู่ในชุดอยู่บ้านก็ยังดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษ
หลี่เทียนเฉิ่งรู้สึกหลงใหลอย่างที่ไม่เคยเป็น ยิ่งหญิงสาวอายุมากขึ้น ยิ่งดูน่าครอบครอง
เขาจึงไม่ได้จากไปทันทีที่กินข้าวเสร็จ เขานั่งคุยกับเหล่ากัวต่ออีกเป็นชั่วโมงก่อนจะกลับไป
“ไปได้สักที” จี้อวิ๋นอวิ๋นบอกกับเหล่ากัว พร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอก
“มีอะไรเหรอ?” เหล่ากัวถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เถ้าแก่หลี่ไม่ผิดหรอกค่ะ เพียงแต่เขามาที่นี่โดยไม่ได้บอกก่อน ไม่มีเวลาให้เราเตรียมตัวเลย เลยวุ่นวายกันไปหมด ต้องปล่อยเฮ่าเฮ่าไปเล่น ส่วนอาหารฉันก็ไม่รู้ว่าจะถูกปากหรือเป ปล่า” จี้อวิ๋นอวิ๋นเอ่ย
“ผมว่าเถ้าแก่หลี่ก็ดูกินอย่างอร่อยดีนะ” เหล่ากัวเอ่ย “แต่ผมก็แปลกใจที่เขามาหาวันนี้อยู่”
“เขาบอกว่าเรื่องบังเอิญก็คงบังเอิญแหละค่ะ แต่มันก็คงไม่บังเอิญขนาดนั้น ถึงยังไงช่วงนี้คุณก็สนิทสนมกับเขา เป็นปกติที่เขาจะแวะมาหา” จี้อวิ๋นอวิ๋นบอก “แล้วที่เขาพูดก็คง เป็นเรื่องจริง ไม่อย่างนั้นเถ้าแก่ใหญ่อย่างเขามาเยี่ยมปีใหม่ทั้งทีคงไม่มีทางไม่มีของมาฝากแน่ค่ะ”
เหล่ากัวยิ้มพลางพยักหน้า
คนที่แวะมาหาโดยบังเอิญอาจไม่ได้เตรียมของฝากมาให้ ไม่อย่างนั้นคงจะเป็นการเสียมารยาทมากทีเดียว
สำหรับของขวัญเล็กน้อย มันไม่ได้มีค่าแต่อย่างใด ประเด็นอยู่ที่มุมมองของหลี่เทียนเฉิ่ง ซึ่งทำให้เขานึกยินดี เขาแวะมาหาถึงที่บ้าน หมายความว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับเหล่ากัว หล ลายเดือนที่ผ่านมา หลี่เทียนเฉิ่งให้การสนับสนุนเขาเป็นอย่างดี
เขามีฐานในเมืองเจียงสุ่ย หากแต่ในเมืองมหาวิทยาลัย เขาไม่มีเส้นสาย ที่เขาสามารถเจาะเข้าไปได้ ต้องยกความดีความชอบให้หลี่เทียนเฉิ่ง
“ต่อไปครอบครัวเราอาจย้ายไปอยู่ที่เมืองมหาวิทยาลัยก็ได้นะ” เหล่ากัวกล่าว
“ฉันอยู่ที่นี่สบายดีแล้วค่ะ ทำไมต้องย้ายไปอยู่ที่นั่นด้วย?” จี้อวิ๋นอวิ๋นชะงักก่อนเอ่ยถาม
“ที่นี่ก็สบายดีครับ แต่ไม่สะดวกสบายเท่าที่เมืองมหาวิทยาลัย กำไรที่นี่ก็สู้ที่นั่นไม่ได้ ถ้าเรามีรากฐานมั่นคงแล้ว เราจะย้ายไปที่นั่นกัน” เหล่ากัวตอบ
…………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เขาไม่ได้บังเอิญหรอกค่ะเหล่ากัว เขาตั้งใจมาเยี่ยมภรรยาเก็บกับลูกลับ ๆ ของเขาน่ะ
ปล.ดูข่าวสารบ้านเมืองช่วงนี้แล้วมาแปลตอนของวันนี้มันช่างรู้สึกหดหู่เหลือเกินค่ะ ตอนหน้าขอเนื้อหาเบา ๆ เถอะนะคะ เพี้ยง
ไหหม่า(海馬)