ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 54 แพงเกินไป
ตอนที่ 54 แพงเกินไป
ดูสิว่าพวกเขาซื้ออะไรมา?
ตู้เย็นยี่ห้อเสวี่ยฮวาและเครื่องซักผ้ายี่ห้อโหยวอี้ล้วนมีราคาแพงมหาศาล เมื่อรวมราคาของทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันแล้ว ก็เกรงว่าน่าจะหมดไปหลายร้อยหยวน!
ฤดูหนาวจะมาถึงในไม่ช้านี้อยู่แล้ว ทำไมต้องซื้อตู้เย็นด้วย?
แล้วไหนจะเครื่องซักผ้าอีก ซักมือไม่ได้เหรอ? ของแบบนี้มีแต่คนในเมืองเท่านั้นแหละที่สามารถใช้ได้
แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ซื้อพวกมันมาทั้งหมด แบบนี้ไม่เท่ากับทำให้ภรรยาของเขาเสียนิสัยหรืออย่างไร?
ทว่าไม่นานก็มีคนพูดว่าเงินพวกนี้น่าจะมาจากการปักผ้าของซูตานหง จี้เจี้ยนอวิ๋นคงไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนี้ ซึ่งเงินทั้งหมดของจี้เจี้ยนอวิ๋นคงใช้ไปกับสวนผลไม้แล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ตู้เย็นและเครื่องซักผ้าต่างเป็นของที่ไม่เคยมีในหมู่บ้านมาก่อน ซึ่งแต่ละอย่างล้วนเป็นของหายาก
ต่อให้บางคนไม่พูดอะไรออกมา พวกเขาก็รู้สึกอิจฉาตาร้อนอยู่ในใจ
มีของชิ้นใหญ่สองอย่างนี้อยู่ในบ้านแล้ว คนที่ได้เป็นเจ้าของจะรู้สึกได้หน้ามากขนาดไหนกันล่ะ?
จี้เจี้ยนอวิ๋นต้อนรับเจินเหมียวหง คนขับรถ และคนยกของอีกคนหนึ่งให้เข้ามาในบ้าน
เมื่อซูตานหงออกมาต้อนรับ เจินเหมียวหงก็ยั้งตัวเธอไว้ในทันที ดวงตาของหล่อนเป็นประกายเมื่อมองหน้าท้องป่องนูนของเธอ “ตานหง เธอท้องแก่ใกล้จะคลอดแล้วนี่นา”
“ใช่ค่ะ เหลืออีกแค่เดือนกว่า ๆ เท่านั้น” ซูตานหงตอบด้วยรอยยิ้ม
“พี่คิดว่าน้องเขยคงรักเธอมากจริง ๆ เพราะหน้าตาผิวพรรณของเธอดูดีมาก แต่ตอนนี้เธอใกล้คลอดแล้ว ดังนั้นเรื่องงานปักก็เอาไว้ก่อนเถอะไม่ต้องรีบร้อน หลังคลอดลูกอย่างปลอดภัยแล้วก็ค่อยมาปักอีกที ตอนนี้เธอต้องเดินเหินให้มาก ๆ นะ เมื่อเวลาคลอดมาถึงจะได้คลอดง่าย ๆ” เจินเหมียวหงกล่าว
ซูตานหงได้ยินก็ยอมรับ
เมื่อพาเจินเหมียวหงออกไปยังลานบ้านแล้ว เธอก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสียดายที่ตอนนี้ฉันเดินไม่สะดวกนัก ไม่อย่างนั้นจะพาพี่หงไปเดินเล่นในสวนผลไม้แล้วค่ะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ พี่ค่อยมาวันหลังก็ได้” เจินเหมียวหงยิ้มตอบ
หล่อนเคยได้ยินมาเหมือนกันว่าซูตานหงมีสวนผลไม้ที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก หล่อนยังคิดว่างานปักผ้าเป็นสิ่งที่ทำรายได้ดีกว่า สวนผลไม้จะใหญ่ขนาดไหนกันเชียว?
“ส่วนห้องชุดมันถูกขายก่อนกำหนด 3 วันแล้วนะ ให้น้องเขยมากับพี่สิ แล้วเราจะได้เลือกห้องชุดที่ดีที่สุดก่อนคนอื่น ๆ” เจินเหมียวหงพูดขึ้น
“ตกลงค่ะ” ซูตานหงพยักหน้า
หงเจี่ยไม่ได้อยู่นานนัก หลังอยู่ที่นี่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหล่อนก็กลับไป ก่อนที่จะกลับนั้น ซูตานหงได้ให้ไข่ไก่ราว 5 ถึง 6 ชั่งกับหล่อนด้วย หงเจี่ยบอกให้เก็บไว้กินเอง แต่ซูตานหงก็บอกว่าที่บ้านยังมีอีกมาก หงเจี่ยที่ไม่อาจปฏิเสธได้จึงได้แต่รับไข่ไก่เหล่านั้นไว้ด้วยรอยยิ้ม
ส่วนจี้เจี้ยนอวิ๋นกำลังชำระค่าตู้เย็นและเครื่องซักผ้ากับพนักงานที่มาส่ง เป็นเพราะเจินเหมียวหงเป็นคนแนะนำนี่เอง ราคาของเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่เอี่ยมเหล่านี้จึงถูกว่าราคาตลาดราว 20 กว่าหยวน แม้ราคาของทั้งสองอย่างรวมกันแล้วจะมากกว่า 600 หยวน แต่ก็ถือว่าประหยัดไปได้มากกว่า 40 หยวน อีกทั้งพวกเขายังขนส่งมาในคราวเดียวโดยไม่ต้องขนรอบสองอีกด้วย ซึ่งประหยัดค่าขนส่งต่อวันไปได้มากทีเดียว
หลังจี้เจี้ยนอวิ๋นส่งคนทั้งหมดกลับไปแล้ว ชาวบ้านบางคนก็ได้เข้ามาถาม “เจี้ยนอวิ๋น เครื่องซักผ้ากับตู้เย็นนี่ราคาเท่าไรเหรอ?”
“เกือบ 700 หยวนครับ ส่งตรงมาจากเมืองเจียงสุ่ยเลย” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขาได้ซื้อในราคาที่ถูกลงก็เพราะสนิทกับเจินเหมียวหง ไม่อย่างนั้นคงได้ซื้อในราคาเต็ม 700 หยวน และเป็นเพราะความสัมพันธ์นี้เองที่ทำให้จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้สึกเกรงใจไม่กล้ารบกวนหล่อนอีกต่อไป
“ผมเพิ่งขอเบอร์ติดต่อของพวกเขามา และนั่นก็เป็นสินค้าของพวกเขาเองด้วย หากคุณอยากซื้อ ผมโทรติดต่อให้ได้นะ แค่โทรไปพวกเขาก็จะมาส่งให้เลย” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย
ทุกคนในหมู่บ้านพูดไม่ออกเมื่อได้ยินราคาดังกล่าว
เกือบ 700 หยวนเชียว?
ใครจะเต็มใจอยากซื้อมันกัน?
แล้วใครจะจ่ายเงินมากขนาดนั้นไปในคราวเดียวได้?
“มีเงินเยอะขนาดนี้แล้วทำไมไม่ซื้อทีวีสีล่ะ” คนหนึ่งในกลุ่มชาวบ้านพูดขึ้น
“ผมก็อยากซื้อเหมือนกัน แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้ใช่ไหมครับ? ลูกผมกำลังจะเกิด แล้วถึงตอนนั้นอากาศก็หนาวแล้ว เราเลยต้องมีเครื่องซักผ้าก่อนเพื่อความสะดวกในการซักผ้าอ้อมน่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
เรื่องนี้เขาเองก็คิด แต่ดูท้องภรรยาของเขาสิ อีกไม่นานก็เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว การมีเครื่องซักผ้าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับบ้านเขาอย่างมาก
อย่างไรก็ตามคนบางคนคิดว่าพวกเขาสิ้นเปลืองเกินไป ไม่ยอมซื้อทีวีสีแต่กลับซื้อเครื่องซักผ้าและตู้เย็นมาแทน
คุณแม่จี้ออกไปทำงานในไร่อยู่ แม้จะมีอาหารการกินมากมายอยู่แล้ว แต่ก็ไม่อาจปล่อยทิ้งไร่ให้ร้างได้ เมื่อนางรู้ว่าซูตานหงชอบกินมันเทศ นางจึงปลูกมันเทศเอาไว้ในไร่ ซึ่งมันเทศในฤดูนี้จะถูกแช่เย็นไว้และมีรสชาติอร่อยเป็นพิเศษ ทั้งหวานทั้งนุ่มลิ้น ไม่ต้องพูดถึงซูตานหงเลยว่าจะชอบหรือไม่ แม้แต่คุณพ่อจี้เองก็ยังชอบกิน ขณะที่คุณแม่จี้ไม่ชอบกินเลยสักนิด
นางกินแต่มันเทศตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนรู้สึกขยาดที่จะเห็นมันเทศขึ้นมานิดหน่อย
แต่เป็นเพราะซูตานหงชอบกินนางจึงปลูกไว้ในไร่ด้วย นอกนั้นก็ยังมีถั่วเหลือง ถั่วลิสง และงาอยู่บ้าง ซึ่งปลูกไว้ไม่มากนัก แต่เพียงพอที่จะให้ครอบครัวของตนกินได้
ส่วนคุณพ่อจี้ขึ้นไปทำงานบนภูเขา จึงไม่ได้มาทำงานในไร่แห่งนี้อีก
เมื่อคุณแม่จี้กลับมา นางก็ได้ยินโหวหวาจือที่เพิ่งเลิกเรียนกลับมาถึงบ้านส่งเสียงร้องบอก “คุณย่า คุณอาสามซื้อเครื่องซักผ้ากับตู้เย็นมาด้วยล่ะครับ ผมล่ะโมโหเหลือเกินที่บ้านเราไม่มี แล้วผมก็ได้จับมันด้วย!”
เป็นเพราะได้จับต้องของเหล่านี้แล้ว เด็กชายจึงมีความสุข ทั้งสองอย่างล้วนเป็นของชิ้นใหญ่ที่ในบ้านของเขาไม่มีอยู่เลย
เมื่อคุณแม่จี้ได้ยินดังนี้ นางก็ปิดประตูและพาโหวหวาจือออกไปด้วย ซึ่งทุกคนยังคงมายืนออกันอยู่ และบางส่วนก็ยังไม่จากไปไหน
“คุณแม่มาแล้วเหรอคะ” ซูตานหงยิ้ม
คุณแม่จี้เห็นเครื่องซักผ้าอยู่ด้านนอกบ้านแล้ว นางก็เอ่ยขึ้นทันที “ทำไมเธอถึงไปซื้อของแบบนี้กลับมาล่ะ?”
“คุณไม่ได้ซื้อของชิ้นนี้หรอกเหรอ?” ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ย
“เสื้อผ้าที่จะซักมีแค่ไม่กี่ชิ้นเอง ทำไมจะต้องซื้อมันกลับมาด้วย?” คุณแม่จี้ย่นคิ้ว
“แม่ เราเข้าไปดูตู้เย็นกันเถอะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มแล้วรีบดึงมือแม่ของเขาที่ขณะนี้กำลังอารมณ์เสียเข้าไปในบ้าน แล้วคุณแม่จี้ก็ยิ่งโกรธขึ้นไปอีกเมื่อเห็นตู้เย็น ของเหล่านี้ต้องใช้เงินเท่าไร? ทั้งคู่เพิ่งจะตั้งตัวกันได้ แต่กลับใช้เงินมากมายเสียจนจะไม่พอใช้สำหรับอนาคตแล้ว
“แม่ ของพวกนี้ตานหงเป็นคนออกเงินซื้อให้นะครับ แม่อย่าว่าตานหงเลย” จี้เจี้ยนอวิ๋นกระซิบ
“ฉันไม่ได้จะว่าใคร แต่ทำไมพวกแกสองคนถึงซื้อของใหญ่สองอย่างนี้? อีกไม่นานฤดูหนาวก็มาถึงแล้ว ไม่เห็นต้องใช้ตู้เย็นเลยสักนิด แล้วยังจะเครื่องซักผ้านั่นอีก ถ้ากลัวว่าน้ำจะเย็นไปก็ซักผ้าในน้ำร้อนก็ได้นี่ ถ้าตานหงทำไม่ไหว แม่จะช่วยพวกแกซักก็ได้ ไม่เห็นต้องเสียเงินมากขนาดนี้!” คุณแม่จี้พูด
“ตอนนี้พวกเราซื้อมันมาแล้ว ไม่สามารถส่งคืนได้หรอกครับ แล้วผมก็ไม่ได้ใช้มันเฉพาะปีนี้ด้วย มันยังใช้ต่อไปได้อีกหลายปีข้างหน้าเลยล่ะครับ ทีนี้พ่อกับแม่ก็ไม่ต้องซักผ้าด้วยมือเวลาถึงฤดูหนาวแล้วนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ
คุณแม่จี้เหลือบมองเขา
“แม่ครับ พวกเราโตแล้ว เรื่องเหล่านี้พวกเราสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง เรายังรู้จักประมาณตนเองอยู่นะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
คุณแม่จี้ได้ฟังแล้วก็ถอนหายใจ “แม่ไม่ได้อยากจะมายุ่งกับพวกแกนักหรอก แต่เด็กกำลังจะเกิดมา ถึงตอนนั้นก็ต้องใช้เงินในทุกเรื่อง แกจะไม่คิดเก็บเงินไว้หน่อยเลยเหรอ?”
จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าหงึกหงัก หลังคุณแม่จี้ถอนหายใจแล้ว นางถึงค่อยพิจารณาดูตู้เย็น แล้วก็เอ่ยด้วยความพึงพอใจ “ถึงมันจะแพงไปสักหน่อย แต่มันก็เป็นของดีอยู่ แกใช้มันอย่างระวัง ๆ หน่อยก็แล้วกัน”
“แน่นอนครับแม่” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม
หลังคุณแม่จี้ออกมาจากบ้าน นางก็ลากชาวบ้านไปบ่นให้ฟัง อย่างเช่นนางไม่รู้ว่าเครื่องซักผ้ากับตู้เย็นนี้จะกินไฟเท่าไร ต่อให้ตู้เย็นจะทำความเย็นได้ แต่ฤดูหนาวก็ใกล้จะมาถึงแล้วและนั่นก็ไม่ต้องใช้ไฟฟ้ามากนัก ทว่าเครื่องซักผ้านี่สิต้องใช้ไฟฟ้าและกินไฟมาก ใช้งานแต่ละครั้งต้องเสียค่าไฟฟ้าไปเท่าไรกัน?
…………………………………………