ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 247 หวังว่าท่านทั้งสองจะไม่ปฏิเสธ
บทที่ 247 หวังว่าท่านทั้งสองจะไม่ปฏิเสธ
บทที่ 247 หวังว่าท่านทั้งสองจะไม่ปฏิเสธ
เมื่อยามใกล้เที่ยง
ทางเข้าเมืองที่เหยาเฉาเดินอยู่นั้นเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน สิ่งแวดล้อมรอบตัวแตกต่างจากทิวทัศน์ของเมืองชิงถงโดยสิ้นเชิง
เหยาเฉาเดินทะลุผ่านฝูงชนที่ขวักไขว่ไปมา พร้อมกับถือถุงเงินในมือ ในใจรู้สึกเสียใจและคาดหวัง…
เสี่ยวเว่ยอายุยังน้อย จึงมักจัดการเรื่องราวตามใจตัวเอง นับตั้งแต่ตอนที่เหยาเฉาช่วยชีวิตเขา ก็รู้สึกถึงความรับผิดชอบอย่างไม่ทราบสาเหตุ เหมือนกับอีกฝ่ายเป็นน้องชายของตัวเองคนหนึ่ง จึงอดที่จะเข้าไปดูแลเขาไม่ได้
แต่ในความเป็นจริงคือ… เด็กหนุ่มสามารถเอาตัวรอดภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้าย โดยไม่จำเป็นต้องมีการดูแลของเขาด้วยซ้ำ
ประกอบกับร่องรอยอันลึกลับของเสี่ยวเว่ย ตอนนี้เหยาเฉาไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด
การเจอกันในครั้งนี้ เหยาเฉาจึงดีใจอย่างยิ่งยวด แต่ก็ต้องจนปัญญากับการถูกขัดจังหวะ
เสี่ยวเว่ยทำตัวเหมือนสายลมที่มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ แม้แต่เหยาเฉาที่กำลังเดินอยู่ตรงทางเข้าเมือง บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาจะโผล่พรวดออกมาจากทางไหนสักทางหรือไม่
“ลุงรอง!”
ดวงตาของเด็กชายคู่นั้นเปล่งประกาย หลังจากที่เจอกับเหยาเฉาก็รีบวิ่งเข้ามาทันที
เขาชูของที่อยู่ในมือขึ้น ก่อนจะพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านลุงดูนี่!”
อาจื้อถือกรงนกกรงหนึ่งในมือ เป็นกรงที่ทำจากหวายสานซึ่งหาได้ทั่วไป ภายในกรงนั้นมีนกน้อยสีเขียวมะกอกขนาดเล็กกะทัดรัดหนึ่งตัว
นกน้อยตัวนั้นดูมีชีวิตชีวายิ่ง บินขึ้นลงอยู่ในกรงอย่างกระปรี้กระเปร่าโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จะงอยปากแหลมส่งเสียงร้อง ‘จิ๊บ ๆ’ อย่างไพเราะ
เหยาเฉารู้สึกประหลาดใจ “ตรงขนคิ้วมีสีเขียวอมเหลือง ด้านหลังตัดสลับเขียวเหลือง …นี่มันนกกระจิ๊ดใช่หรือไม่?”
ฝูลี่ที่เดินตามอาจื้อมาตลอดเดินเข้ามา ครั้นได้ยินคำพูดของเหยาเฉาจึงยิ้มและพูดว่า “คุณชายเหยาช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกล นี่คือนกกระจิ๊ดจริง ๆ เจ้าค่ะ”
อาจื้อกระตุกยิ้ม และพูดอย่างแปลกใจว่า “ท่านลุงก็รู้จักด้วยหรือว่านี่คือนกอะไร? พี่ฝูลี่บอกข้าว่านี่คือนกกระจิ๊ด”
เหยาเฉายกมือไปหยิบวัชพืชจากธรรมชาติชนิดหนึ่งข้างกรง และใส่เข้าไปในกรง หยอกเย้ากับนกน้อยที่กระโดดโลดเต้นอย่างมีชีวิตชีวา
นกน้อยบินตามวัชพืชนั้น กระโดดขึ้นลง ส่งเสียงร้องอันไพเราะเป็นระลอก
เขาปรายตาขึ้นเล็กน้อย และพูดกับอาจื้อด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “นกตัวนี้พบเห็นได้ทางตอนเหนือ พวกมันจะอพยพลงใต้ทุกปี ตัวนี้มีสีสันสดใสสวยงามมากทีเดียว”
อาจื้อยกกรงนกขึ้น คล้ายกับยกสมบัติล้ำค่า ทั้งทะนุถนอมทั้งปกป้อง
เขายิ้มอย่างสดใสว่า “ท่านลุงชมว่าสวยงาม เอ้อเป่าต้องชอบแน่นอน”
เหยาเฉาแสดงสีหน้าแปลกใจ “อาซือ?”
เด็กชายพยักหน้า กรงนกในมือถูกยกนานแล้ว ส่งผลให้เริ่มเมื่อยล้า เขามองข้ามส่วนที่ไม่สบายนี้ไปอย่างฮึกเหิม “น้องสาวอยากเลี้ยงสัตว์มานานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าจะเลี้ยงไม่รอด ข้าจะส่งนกตัวนี้ไปให้นาง เอ้อเป่าจะต้องดีใจอย่างแน่นอน”
นกกระจิ๊ดไม่ใช่นกที่พบเห็นได้โดยทั่วไป เพราะด้วยความน่ารักและน่าทะนุถนอม จึงเป็นที่โปรดปรานของผู้รักนก
แต่นกกระจิ๊ดในมือของอาจื้อตัวนี้ทั้งมีร่างกายแข็งแรงและสวยงาม คิดว่าราคาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
เดิมทีเหยาเฉาคิดว่านกตัวนี้เป็นนกที่ฝูลี่จะซื้อกลับจวนเซี่ย ครั้นเห็นเช่นนี้ก็คิดว่าเด็กสาวคงแอบใช้เงินของตัวเองซื้อให้อาจื้อ แต่กลับไม่ให้เขารู้ราคา
ชายหนุ่มไม่ได้พูดมากความแค่พูดกับอาจื้อว่า “ในเมื่อตั้งใจจะส่งให้แก่น้องสาวแล้ว ก็จงเลี้ยงให้ดี อย่าทำลายความตั้งใจของพี่ฝูลี่เสียเล่า หือ?”
อาจื้อแสดงสีหน้าประหลาดใจก่อนพูดว่า “เหตุใดท่านลุงถึงรู้ว่าพี่ฝูลี่ซื้อให้เล่า? นกกระจิ๊ดตัวนี้เป็นความตั้งใจของพี่ฝูลี่ เพราะพี่ฝูลี่ได้ยินมาว่าข้าอยากให้สัตว์เลี้ยงแก่เอ้อเป่า ก็เลยซื้อนกให้อาจื้อหนึ่งตัว!”
เหยาเฉายิ้มอย่างอบอุ่น พร้อมกับลูบศีรษะของอาจื้อ
เมื่อทั้งสามคนเจอกัน ก็เริ่มเดินด้วยกันไปตลอดทาง เหยาเฉาคิดว่าถุงเงินในมือของตัวเองคงไม่มีประโยชน์จะใช้มัน จึงยื่นให้อาจื้อ ให้เขาไปซื้ออะไรที่อยากซื้อ
เด็กชายวิ่งออกไปไกลอย่างดีอกดีใจ เหยาเฉาและฝูลี่เดินอยู่ด้านหลังอย่างห่าง ๆ
กระทั่งได้ยินเหยาเฉาพูดว่า “แม่นางฝูลี่ อาจื้อไม่รู้ราคาของนกกระจิบตัวนั้นว่าเท่าไร ข้าขอบคุณแม่นางแทนเขาด้วย”
ฝูลี่ค่อนข้างเขินอาย ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกว่าเหยาเฉาสายตาเฉียบแหลมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นางยิ้มและพูดว่า “ฝูลี่ไม่ค่อยได้ออกจากจวน ในครอบครัวก็ไม่มีคนนอก ทั้งยังใช้เงินเดือนจากในจวนแต่ละเดือนไม่ค่อยหมดด้วย เงินเหล่านี้ไม่เท่าไรหรอกเจ้าค่ะ”
เหยาเฉาส่ายหน้า และพูดอย่างจริงจังว่า “แม่นางช่างมีน้ำใจ”
ฝูลี่เงยหน้ามองเหยาเฉา และโพล่งออกไปทันใดว่า “หากไม่ใช่เพราะคุณชายแต่งภรรยาแล้ว เกรงว่าสตรีผู้สูงศักดิ์มากมายในเมืองหลวงจะต้องหลงใหลคุณชายแน่นอนเจ้าค่ะ”
เหยาเฉาตะลึงงันไป ใบหน้าแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ “แม่นางฝูลี่….หมายความว่าอย่างไร?”
ฝูลี่ยิ้ม ข้างแก้มเผยลักยิ้มเล็ก ๆ ออกมา “คุณชายเหยามีหน้าตาที่หล่อเหลาโดดเด่นเป็นสง่า แม้แต่อุปนิสัยส่วนตัวก็ยังอบอุ่นและช่างเอาอกเอาใจ ฝูลี่ไม่อยากจะบอกนายน้อยว่านกกระจิ๊ดตัวนี้ราคาเท่าไร… คุณชายเหยาเองก็อย่าปฏิเสธฝูลี่แทนนายน้อยเลยเจ้าค่ะ”
ขณะพูด นางมองเข้าไปนัยน์ตาของเหยาเฉาและพูดต่อว่า “คุณชายเหยาเคารพฝูลี่มาก”
เหยาเฉาเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก แค่รู้สึกว่าถ้าเขาบอกอาจื้อถึงราคาที่ไม่ธรรมดาของนกตัวนี้ เด็กชายจะต้องไม่รับเจตนารมณ์ของฝูลี่อย่างเบิกบานใจเช่นนี้แน่นอน
หากเป็นเช่นนี้ฝูลี่คงผิดหวังน่าดู
ทั้งสองคนเดินคุยกันอยู่ด้านหลังครู่หนึ่ง อาจื้อนั้นใช้เวลาในการเดินเล่นค่อนข้างนาน ครั้งถึงเวลาเที่ยงวัน ฝูลี่จึงเรียกหาเด็กชาย
ในมือของนางยังถือกรงขนาดเล็กไว้ และเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนว่า “นายน้อยจะกลับไปทานมื้อเที่ยงก่อนดีหรือไม่? หากยังเดินเล่นไม่พอช่วงบ่ายฝูลี่จะออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนนายน้อยต่อเจ้าค่ะ”
หน้าผากของอาจื้อเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อไม่น้อย เมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าจึงรู้ตัวว่าควรกลับแล้วจริง ๆ
เขาเดินมาข้างกายคนทั้งสองและพูดกับฝูลี่ว่า “ช่วงบ่ายพี่ฝูลี่คงมีเรื่องต้องทำกระมัง? วันนี้เดินเล่นกันพอแล้ว รบกวนพี่ฝูลี่มาเดินเป็นเพื่อนมากแล้วขอรับ”
ฝูลี่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี จากนั้นก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งให้อาจื้อ ให้เขาเช็ดเหงื่อ
สุดท้ายเหยาเฉาก็ไม่ได้กินอาหารข้างนอก แต่ตามอาจื้อและฝูลี่กลับจวน
ส่วนเสี่ยวเว่ย เหยาเฉาหวังว่าเขาจะปรากฏตัวออกมาเร็วนี้ ๆ
………
คนรับใช้ในจวนเซี่ยล้วนไม่ได้รับข่าวใหม่ ๆ เกี่ยวกับความโกลาหลที่เกิดขึ้นในวังหลวงมานานมากแล้ว ครั้นได้ทราบก็กังวลใจไม่น้อย
ตอนที่เหยาเฉาเพิ่งออกไปไม่นาน ในใจก็คิดถึงแต่เรื่องของเสี่ยวเว่ย จึงไม่ทันสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ช่วงเที่ยงพวกเขามากลับมาถึงจวนจึงได้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป
ครั้นเห็นเซี่ยหมิงเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวาย เขามอบหมายงานต่าง ๆ ก่อน จากนั้นก็หมุนตัวและเตรียมเดินออกจากจวนไป
ซึ่งในตอนนั้นก็บังเอิญเจอกับเหยาเฉาและคนอื่นพอดี อาจื้อจึงเอ่ยถามว่า “ลุงพ่อบ้านจะออกไปข้างนอกหรือขอรับ?”
เซี่ยหมิงตอบด้วยความนอบน้อม “คุณชายเหยา นายน้อยหลิน ข้าน้อยมีเรื่องต้องทำ ไม่สะดวกอยู่เป็นเพื่อน ท่านทั้งสองเชิญทานอาหารในห้องโถงด้านหน้าได้เลยขอรับ”
พูดจบ เขาก็ออกคำสั่งกับฝูลี่เล็กน้อย ฝูลี่ตอบรับอย่างเชื่อฟัง
เหยาเฉายิ้ม และพูดกับเซี่ยหมิงว่า “เชิญท่านตามสบายเถิด ข้าและอาเหราอยู่ในจวน หากมีส่วนใดต้องการให้ช่วยเหลือ เชิญสั่งการได้ทุกเมื่อ”
ท่าทางของเขาดูอบอุ่นและเป็นธรรมชาติมาก ซึ่งทำให้รู้สึกอบอุ่นราวกับอยู่ในวสันตฤดู แม้แต่เซี่ยหมิงที่กำลังกระวนกระวายอยู่ในใจ ครั้นอยู่ต่อหน้าเหยาเฉาก็อดรู้สึกผ่อนคลายไม่ได้
เซี่ยหมิงรีบเอ่ยทันที “มิกล้าขอรับ”
เขากำลังจะก้าวเท้าออกไป แต่จู่ ๆ กลับนึกการประเมินของนายท่านที่มีต่อเหยาเฉาได้ ‘ความคิดรอบคอบ ปราดเปรียวว่องไว’ นึกถึงหลินเหรา ก็ดูสุขุมและพึ่งพาได้
บางทีพวกเขาสองคน อาจจะช่วยได้จริง ๆ?
เพียงแต่เรื่องนี้ยังไม่แน่ใจนัก เซี่ยหมิงต้องรีบเข้าไปสอบถามข่าวคราวในวังจึงพูดกับเหยาเฉาด้วยความนอบน้อมว่า “หากต้องการความช่วยเหลือจากคุณชายเหยาและคุณชายหลินจริง ๆ หวังว่าท่านทั้งสองจะไม่ปฏิเสธ”
เหยาเฉาพยักหน้า “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
จากนั้นเซี่ยหมิงก็รีบเดินออกไปทันที…
………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ถ้าอาซือได้รับนกแล้วต้องดีใจแน่ ๆ เลยค่ะ พี่ชายคนนี้ไม่ผิดสัญญาแล้วนะ
ไหหม่า(海馬)