ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 257 เหยาซูนึกถึงหลินเหรา
บทที่ 257 เหยาซูนึกถึงหลินเหรา
บทที่ 257 เหยาซูนึกถึงหลินเหรา
เสียงที่ฟังดูอ่อนเยาว์จากผู้หนึ่งดังขึ้นมา “พี่สะใภ้หลิวอยู่บ้านหรือไม่?”
สิ้นสุดเสียงนั้น ก็เห็นเด็กสาวที่แลดูอ่อนเยาว์ผู้หนึ่งเดินเข้ามาในห้อง
ครั้นนางเห็นคนมากมายภายในห้อง ก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ จากนั้นก็พูดกับพี่สะใภ้หลิวด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สะใภ้มีแขกหรือ?”
ผู้มาเยือนเป็นเพื่อนบ้านของเถ้าแก่หลิว เพิ่งออกเรือนไปเมื่อไม่นาน ทุกครั้งที่ประสบปัญหาแก้ไขไม่ได้ ก็มักจะมาขอความช่วยเหลือพี่สะใภ้หลิวที่ตระกูลหลิวเสมอ
พี่สะใภ้หลิวลุกขึ้นยืนพลางพูดว่า “ไม่เป็นไร อาเจิน เป็นอะไรหรือ?”
อาเจินยืนอยู่หน้าประตู พลางพูดด้วยน้ำเสียงเอียงอาย “พี่สะใภ้พอจะไปดูที่บ้านของข้าได้หรือไม่…วันนี้เดิมทีข้าอยากจะทำอาหาร แต่ไม่รู้ว่าจะต้องใช้น้ำมันมากเพียงใด…”
พี่สะใภ้หลิวยิ้มปลอบใจเล็กน้อย และตอบกลับว่า “ได้สิ เจ้ากลับไปรอข้าที่บ้านก่อน เดี๋ยวข้าตามไป”
อาเจินกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็ส่งยิ้มให้เหยาซูและเสี่ยวเถาอีกครั้ง ก่อนจะเดินจากไป
ครั้นเหยาซูเห็นดังนั้น จึงพูดกับพี่สะใภ้หลิวว่า “พี่สะใภ้ไปเถอะ”
ปล่อยแขกทิ้งไว้ในบ้านแล้วตัวเองออกไป คงดูไม่เหมาะสมนัก
เพียงแต่เหยาซูไม่ได้คิดหยุมหยิมกับเรื่องเหล่านี้ พี่สะใภ้หลิวเองก็สนิทสนมกับนาง
นางแค่ยิ้มและพูดกับเหยาซูว่า “ข้าไม่ได้เห็นเจ้าเป็นคนนอก เช่นนั้นข้าไปดูประเดี๋ยวเดียว เจ้าอยู่กับเสี่ยวเถาก่อนแล้วกัน”
เหยาซูพยักหน้า
พูดจบพี่สะใภ้หลิวก็หยิบเสื้อตัวหนึ่งขึ้นมาคลุมไหล่และออกไป
เหยาซูอยู่ในบ้านของเถ้าแก่หลิว อธิบายวิธีการทำสินค้าที่มีอยู่ในร้านขายชาดให้เสี่ยวเถาฟังอย่างละเอียดหนึ่งรอบ
เด็กสาวเคยใช้ชีวิตอย่างสบายอยู่ในจวนเจี่ยง มักจะใช้สิ่งของจำพวกชาดปากและแป้งน้ำอยู่เสมอ จึงค่อนข้างให้ความสนใจกับวิธีการผลิตสิ่งของเหล่านี้มาก
ครั้นได้ยินเหยาซูอธิบายขั้นตอนการผลิตและวัตถุดิบที่ใช้ด้วยความอดทนหนึ่งรอบ เสี่ยวเถาก็อดทอดถอนใจด้วยความตกใจไม่ได้ “ที่แม่นางเหยาอธิบายมา เหมือนกับว่าชาดนั้นไม่ยากถึงเพียงนั้นเลยเจ้าค่ะ”
เหยาซูพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ยาก ขอแค่ใช้วัตถุดิบที่เหมาะสม เข้าใจวิธีการ เวลาทำจะต้องละเอียดสักหน่อย…ถึงจะสามารถทำชาดที่มีคุณภาพออกมาได้”
เสี่ยวเถาเลื่อมใสในเหยาซูอย่างมาก จึงอดถามนางไม่ได้ว่า “แม่นางเหยารู้วิธีการทำมากมายเพียงนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ? ได้ยินพี่สะใภ้หลิวว่าไว้ ในร้านของแม่นางเหยายังมีไขทามือ สิ่งของเหล่านี้ไม่เคยมีมาก่อน”
เหยาซูยิ้มบาง ๆ “วิธีการของข้าเป็นสิ่งที่ข้าเรียนรู้มาจากที่อื่น ส่วนไขทามือ… มือของหญิงสาวจะต้องงดงามอยู่เสมอ จึงต้องได้รับการบำรุงอย่างเหมาะสม”
เสี่ยวเถาพยักหน้าเห็นด้วย
กระทั่งได้ยินเสี่ยวเถาพูดด้วยความอยากรู้ว่า “ไขทามือที่แม่นางเหยาพูดเมื่อครู่ เหตุใดถึงทาหน้าไม่ได้ละเจ้าคะ?”
ครั้นเห็นนางครุ่นคิด เหยาซูจึงยิ้มตาม “ที่ทาหน้าได้ เรียกว่าไขทาหน้า”
เสี่ยวเถาพยักหน้าหงึกหงัก “ไขทาหน้าก็ทำได้หรือเจ้าคะ?”
เดิมทีภายในร้านของเหยาซูไม่ได้ทำไขทาหน้า ครั้นเห็นนางเอ่ยถามขึ้นจึงพูดว่า “ได้แน่นอน แต่ผิวหน้าค่อนข้างบอบบางมาก วัตถุดิบที่ใช้จึงต้องแตกต่างจากไขทามืออย่างแน่นอน ถ้าเสี่ยวเถาสนใจ ไปเดินเล่นในร้านสักรอบก็ได้ ให้เถ้าแก่หนิวพาเจ้าไปรู้จักกับสินค้าของเราว่ามีอะไรบ้าง”
เสี่ยวเถาเห็นนางพูดเช่นนี้ จึงเอ่ยถามด้วยความลังเล “ได้หรือเจ้าคะ? จะไม่เป็นการรบกวนเถ้าแก่หนิวใช่หรือไม่เจ้าคะ? เขาน่าจะกำลังยุ่งมากกระมัง…”
เหยาซูนึกถึงการประเมินที่เถ้าแก่หนิวมีต่อเสี่ยวเถา จากนั้นก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า “เถ้าแก่หนิวหวังจะให้เจ้าไป อีกอย่างรอให้เจ้าคุ้นเคยกับของขายในร้านแล้ว ก็คงจะช่วยเขาได้”
ดวงตาคู่นั้นของเสี่ยวเถาเปล่งประกาย อีกทั้งใบหน้าก็ยังแสดงสีหน้าคาดหวังออกมา “ข้า ข้าไปช่วยงานในร้านได้อย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”
เหยาซูยิ้ม ดวงตาคู่งามโค้งหยีจนดูคล้ายคลึงกับพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว และเอ่ยอย่างจริงจัง “ได้แน่นอน เจ้าคิดดูสิ วันข้างหน้าชาดและแป้งน้ำภายในร้านล้วนเป็นฝีมือของเจ้า หากยิ่งรู้ความชอบของลูกค้าเข้าไปอีก สิ่งของที่ทำออกมาจะได้รับความสนใจถึงเพียงไหนกัน?”
เสี่ยวเถาครุ่นคิด นัยน์ตาเปล่งประกาย “อื้อ! เช่นนี้ กิจการภายในร้านจะต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนเจ้าค่ะ!”
ครั้นเห็นท่าทางที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิมของนาง เหยาซูจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้น ข้ายกร้านให้เจ้าและเถ้าแก่หนิวดูแลแล้วกัน”
ใบหน้าของเสี่ยวเถาแดงระเรื่อ ก่อนเอ่ยด้วยความเกรงใจ “แม่นางเหยาช่างให้เกียรติเกินไปแล้ว เสี่ยวเถายังไม่เป็นสักอย่าง …ถ้าทำให้แม่นางเหยาผิดหวัง คงไม่ดีแน่เจ้าค่ะ”
เหยาซูส่ายหน้า และพูดด้วยความอ่อนโยนว่า “การทำชาดเหล่านี้ไม่ยาก พี่เจี่ยงเคยพูดกับข้าไว้ เจ้าจัดการเรื่องราวได้ละเอียดรอบคอบ ทั้งยังเฉลียวฉลาดมีความสามารถ จะต้องทำออกมาได้ดีแน่นอน”
เสี่ยวเถาเป็นเพียงคนเดียวในบรรดาคนรับใช้นับไม่ถ้วนในตระกูลเจี่ยง ที่ไม่ได้มีตัวตนมากเท่าไร ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสำคัญมากเพียงนั้น
แต่คำพูดของเหยาซูในตอนนี้ ทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองถูกคาดหวังและเป็นที่ต้องการ
มีแค่ต้องพยายามทำเท่านั้น จึงจะแบกรับหน้าที่นี้ได้อย่างไร้ที่ติ
นางอดกำหมัดแน่นไม่ได้ จากนั้นก็ให้สัญญาอย่างจริงจังว่า “แม่นางเหยาวางใจเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่!”
เหยาซูยิ้มพร้อมกับพยักหน้า
เหยาซูมักจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอ่อนโยนเสมอ การได้รู้จักกับเสี่ยวเถา เห็นนางเป็นรุ่นน้องที่ยังอายุน้อยมากผู้หนึ่ง การพูดการจาก็ยังต้องดูแลเป็นพิเศษ ไม่นานคงจะทำให้เสี่ยวเถาเชื่อใจนางได้สนิทใจ
ยามที่พี่สะใภ้หลิวกลับมาถึงบ้าน ทั้งสองคนกำลังพูดคุยเรื่องหยุมหยิมเป็นปกติอย่างสนุกสนาน
สายตาที่เสี่ยวเถามองเหยาซู ล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชอบ
เขามองไปทางเสี่ยวเถาและเหยาซูด้วยสายตาประหลาดใจ จึงอดยิ้มและพูดไม่ได้ว่า “ดูคุณหนูของเราสิ ช่างงดงามอ่อนโยนและมีเสน่ห์มากทีเดียว เพิ่งรู้จักกันไม่นาน เสี่ยวเถาก็ชื่นชอบเป็นพิเศษแล้ว คงไปจากคุณหนูไม่ได้แล้วกระมัง!”
เหยาซูหัวเราะจนตัวงอเพราะคำหยอกล้อของนาง “พี่สะใภ้หลิวพูดเหลวไหล เสี่ยวเถาทั้งฉลาดทั้งน่ารัก เหมือนกับน้องสาวคนหนึ่ง ข้าเองก็ชอบนาง”
เสี่ยวเถาได้ยินคำว่า ‘น่ารัก’ จึงครุ่นคิดความหมาย ไม่นานก็เผยรอยยิ้มออกมา
นางพูดอย่างจริงจังว่า “แม่นางเหยาเองก็น่ารักเจ้าค่ะ”
ทั้งสามคนพูดคุยกันอย่างสบายอารมณ์ครู่หนึ่ง เหยาซูจึงเสนอว่าจะพาเสี่ยวเถาไปเดินเล่นในร้านสักรอบ
นางพูดกับเสี่ยวเถาว่า “ต้องไปดูสักหน่อย จะได้รู้ว่าภายในร้านของเราจะต้องทำอะไรบ้าง พรุ่งนี้ถ้ามีเวลาข้าจะสอนเจ้าทำเหมือนกัน”
เด็กสาวได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า
พี่สะใภ้หลิวดึงมือเสี่ยวเถาไว้ และตั้งใจพูดกับเหยาซูว่า “ข้ารู้ว่าที่คุณหนูมาที่นี่ก็เพื่อมาพาตัวเสี่ยวเถาไป…พาไปครู่เดียวได้นะเจ้าคะ แต่อย่าพาไปแล้วไม่พากลับมา!”
เหยาซูยิ้มเช่นกัน “พี่สะใภ้วางใจเถอะ! จะต้องพากลับมาส่งเจ้าแน่นอน”
เสี่ยวเถาหัวเราะร่วนไม่หยุด แต่ก็ยังเขินอายไม่น้อย ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
เหยาซูและพี่สะใภ้หลิวล้วนปฏิบัติกับนางอย่างเท่าเทียม ความสุขที่ผู้อื่นให้ความสำคัญกับตนไม่เคยมีในตระกูลเจี่ยงมาก่อน
เสี่ยวเถายอมรับว่าตระกูลเจี่ยงคือบ้านของนาง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นางชอบอิสระที่ผ่อนคลายในตอนนี้มากกว่า
บ้านของเถ้าแก่หลิวอยู่ห่างไม่ไกลนัก เหยาซูพาเสี่ยวเถาเดินออกไป ไม่นานก็มาถึงร้านค้า
ภายในร้านค้ามีลูกค้าไม่น้อย เถ้าแก่หนิวกำลังยุ่งตัวเป็นเกลียว ครั้นเห็นว่ามีคนเข้ามา จึงรีบเข้ามาต้อนรับ “ลูกค้าต้องการสิ่งใดหรือขอรับ?”
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาสบสายตาที่แฝงไปด้วยความแปลกใจของเสี่ยวเถา ก็นิ่งอึ้งไปทันใด
จากนั้นทั้งสองคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน
เสี่ยวเถาอมยิ้มบาง ๆ พร้อมกับถามว่า “พี่เสี่ยวหนิว พี่เห็นข้าเป็นลูกค้าแล้วหรือ?”
เถ้าแก่หนิวเกาท้ายทอยเล็กน้อยด้วยความเขินอาย แต่ก็ยังพูดว่า “เจ้าเป็นลูกค้าได้เช่นกัน”
เหยาซูมองความคึกคักอยู่ด้านข้าง พลางยิ้มและพูดว่า “เช่นนี้แหละเหมาะสมกันที่สุด ลูกค้าคนอื่นในร้านเดี๋ยวข้าดูแลเอง เถ้าแก่หนิวดูแลเสี่ยวเถาก็พอแล้ว”
เจ้านายออกคำสั่งจะไม่ฟังก็คงไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเถ้าแก่หนิวก็อยากพูดคุยกับเสี่ยวเถา
ฝ่ามือของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่ก็ยังยิ้มและพูดกับเสี่ยวเถาว่า “แม่นางเสี่ยวเถา ข้าพาเจ้าไปเลือกชาดปากดีไหม?”
เสี่ยวเถามองไปทางเหยาซูแวบหนึ่ง ครั้นเห็นรอยยิ้มให้กำลังใจของนาง จึงรีบพยักหน้าให้เถ้าแก่หนิว
นางเดินตามเถ้าแก่หนิวไป พลางเอ่ยเสียงเบาว่า “พี่เสี่ยวหนิว ข้าอยากดูว่าในร้านมีอะไรบ้าง…”
เหยาซูมองไปยังท่าทางในตอนที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน ตั้งแต่ส่วนสูงไปจนถึงอารมณ์ความรู้สึก ไม่มีตรงไหนไม่เหมาะสม มิน่าละพี่สะใภ้หลิวถึงอยากให้อยู่ในบ้าน เพราะต้องการแนะนำพวกเขาสองคนนี้นี่เอง
ดูท่าพี่สะใภ้หลิวจะมีประสบการณ์มากกว่า สายตาก็คงจะเฉียบคมยิ่งกว่า
เพียงแต่ไม่รู้ว่าเสี่ยวเถาคิดเช่นไร และตระกูลเจี่ยงจะทำอย่างไร
เหยาซูแนะนำให้ลูกค้าพลางครุ่นคิดอยู่ในใจ ตัวเองฝั่งนี้บอกเล่าไปครึ่งย่อหน้าแล้ว ทางเมืองหลวงฝั่งนั้นเป็นอย่างไรบ้าง? ตู้เหิงเองก็อยู่ในเมืองหลวง ต่อไปเกรงว่าคงจะได้เจอกันบ่อยขึ้น วันเวลาที่แสนสงบสุขของนางและหลินเหรา มันคงไม่กลับมาอีกแล้ว…
………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อย่าเพิ่งน้อยใจในชะตาชีวิตคู่ไปเลยค่ะอาซู อาเหราไม่มองใครนอกจากเธอแล้ว ต่อให้มีตู้เหิงเป็นสิบคนเขาก็ไม่แล
ไหหม่า(海馬)