ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 260 แม่เฒ่าหลินผู้นั้นต้องการจะทำอะไรกันแน่
บทที่ 260 แม่เฒ่าหลินผู้นั้นต้องการจะทำอะไรกันแน่
บทที่ 260 แม่เฒ่าหลินผู้นั้นต้องการจะทำอะไรกันแน่
เหยาซูพาซานเป่ากลับมายังหมู่บ้านตระกูลเหยาอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ ท้องฟ้ายังเช้า ยังไม่ถึงช่วงเวลาเที่ยงวัน
ในหมู่บ้านนอกจากบุรุษที่ทำงานหนักอยู่ในทุ่งนาแล้ว ก็ยังมีสตรีอีกจำนวนไม่น้อยจับกลุ่มกันสุมหัวนินทาคนโน้นทีคนนี้ที
บิดาของเหยาซูเป็นผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านตระกูลเหยา ค่อนข้างมีอำนาจบารมี ประกอบกับที่เหยาซูเคยอยู่ในหมู่บ้านตระกูลเหยาเป็นระยะเวลาเนิ่นนาน ทำให้ทุกคนล้วนรู้จักนาง
บัดนี้ข่าวลือที่ว่าสามีของเหยาซูและเหยาเฉาได้เลื่อนขั้นเป็นขุนนางชั้นสูงพร้อมกัน ได้แพร่สะพัดไปทั่วพื้นที่ใกล้เคียงเรียบร้อย
เพียงแต่พวกชาวนาไม่ค่อยมีความรู้ ไม่มีผู้ใดบอกได้อย่างกระจ่างชัดว่า ‘องครักษ์ของฝ่าบาท’ เป็นขุนนางแบบไหน
ทว่าเหยาซูในใจของทุกคน ล้วนแตกต่างกัน
ครั้นเห็นนางปรากฏตัวอยู่ในหมู่บ้าน ก็มีหญิงชราผู้หนึ่งเข้ามากล่าวทักทาย “อาซู! เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”
ในหมู่บ้านไม่มีความลับ เรื่องที่คนของตระกูลหลินมาหาเรื่องถึงที่ ได้แพร่สะพัดออกไปแล้ว…
เหยาซูอุ้มซานเป่าไว้ในอ้อมแขน พลางกล่าวทักทายอย่างมีมารยาท “แม่เฒ่าจาง ช่วงนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ต้นฤดูวสันต์ยังเดินเหินไม่ค่อยสะดวกอีกไหม?”
เหยาซูมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อคนในหมู่บ้าน มักจะแสดงกิริยาอ่อนโยนและมีมารยาทต่ออาวุโสในหมู่บ้าน แม่เฒ่าจางเห็นนางยังจำโรคเก่าของตัวเองได้ ยิ่งมีรอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้น
หญิงชราตอบรับ “ดี ดีขึ้นแล้ว! อาซู เจ้ารีบกลับไปดูเถอะ เสียงทะเลาะจากตระกูลหลินไม่เบาเลย…”
เหยาซูรีบพยักหน้า “ขอบคุณแม่เฒ่าจางมาก เมื่อครู่อาสะใภ้หูไปเรียกข้ากลับบ้านจากในเมือง ข้าจึงได้รีบกลับมา แต่ไม่ทราบว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
แม่เฒ่าจางส่ายหน้า “เจ้ากลับไปเห็นก็รู้เอง ยายแก่ตระกูลหลินผู้นั้นช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก สะใภ้สองคนก็ถูกนางลากตัวมา หนึ่งในสองคนนั้นกำลังท้องกำลังไส้อยู่ด้วย…”
หญิงชราพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล นางมองไปทางเหยาซูแวบหนึ่ง พลันหยุดชะงักไปชั่วขณะและพูดว่า “ดูสิแม้แต่ถนนหนทางก็ยังเดินไม่ได้ ถ้ากล้าเปิดฉากในบ้านของเจ้าก็เก่งเกินไปแล้ว”
เหยาซูเป็นกังวลอยู่ในใจ จากนั้นก็อุ้มซานเป่ารีบเดินไป…
แม่เฒ่าจางมองนางเดินห่างออกไป จากนั้นก็หันกลับไปมองเหล่าสตรีที่ไม่เปล่งเสียงอยู่ข้างกายมาตลอด และพูดขึ้นว่า “เมื่อครู่ก็พูดกันอยู่เลยอาซูคงอยากเลี่ยงปัญหาไม่มีทางกลับมาแน่ ไอหยา ดูสิ นางกลับมาแล้ว?!”
เหล่าสตรีที่รวมตัวกันอยู่ที่เดียวกัน ทีแรกกำลังนินทาเรื่องไม่ดีของเหยาซู ว่าตามสามีไปซ่อนตัวอยู่ในเมือง วันนี้สามีได้เลื่อนขั้นเป็นขุนนางแล้ว ไม่สนใจใยดีแม่สามีในหมู่บ้านตระกูลหลิน เมินเฉยต่อแม่ผู้ให้กำเนิดในหมู่บ้านตระกูลเหยา…
พ่นแต่คำพูดที่ไม่น่าฟังออกมา
แต่ยามที่เห็นเหยาซู พวกนางล้วนไม่มีใครเปล่งเสียงแม้แต่น้อย ไม่มีใครกล้ายื่นหน้าเข้าไปยุ่ง
แม่เฒ่าจางแสดงสีหน้ารังเกียจ พร้อมกับส่งเสียงฮึดฮัดออกมา “วัน ๆ ไม่ทำการทำงาน เอาแต่สุมหัวนินทาผู้อื่น! ทนเห็นผู้อื่นมีชีวิตที่ดีไม่ได้ใช่หรือไม่? พูดแต่วาจาหยาบคาย ตัวเองมีชีวิตที่ดีนักหรือ?”
นางเห็นคนเหล่านั้นเงียบไปตาม ๆ กัน จึงไม่ได้สนใจนัก ก่อนจะค้ำไม้เท้าในมือ เดินกลับบ้านอย่างช้า ๆ
รอจนแม่เฒ่าจางเดินไปไกลแล้ว เหล่าสตรีที่เงียบกริบเมื่อครู่ก็พากันบ่นกระปอดกระแปด ถ่มน้ำลายใส่พื้น ทั้งยังมีคนพึมพำว่า “คิดว่าตัวเองดีกว่าผู้อื่นสักเท่าไรกันเชียว!”
แต่ยังมีหญิงสาวที่ไม่กล้าหาเรื่อง พูดโน้มน้าวเสียงเบาว่า “ช่างเถอะ ๆ ใครเล่าจะไม่รู้ว่าแม่เฒ่าจางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในหมู่บ้านแค่ไหน”
คนผู้นั้นกลับไม่ยอม พูดด้วยความโกรธเคืองว่า “ถุย! เลือกปฏิบัติ เอาแต่จู้จี้ผู้อื่นทุกวี่วัน!”
“หยุดพูดได้แล้ว ตอนนี้เจ้าสองตระกูลเหยาก็ได้เลื่อนขั้นแล้ว ไฉนประชาชนทั่วไปอย่างเราจะเข้าไปยั่วยุได้?”
หญิงสาวปากไม่มีหูรูดในหมู่บ้านพูดอย่างไร เหยาซูไม่ได้เก็บมาใส่ใจ…
นางคิดแต่จะกลับบ้านให้เร็วที่สุด อยากเห็นว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อนางมาถึงหน้าประตูบ้านตระกูลเหยา ก็ได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งดังมาจากด้านใน
หน้าประตูบ้านถูกล้อมไปด้วยผู้คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน กำลังชี้มือชี้ไม้ไปมา
เสียงที่แหบแห้งของแม่เฒ่าหลินดังขึ้นอย่างชัดเจนแม้ห่างกันเพียงกำแพงกั้น “ให้พวกเขากลับมา! นังเด็กสารเลวผู้นั้น ยุยงให้เจ้าใหญ่ของเราตีตัวออกห่างจากครอบครัว บัดนี้วิ่งแจ้นเข้าเมืองอย่างอิสระ ได้ยินว่าเลื่อนขั้นแล้ว!”
ตระกูลเหยาไม่มีใครตอบสิ่งใดกลับมา แม่เฒ่าหลินยังคงตะโกนไม่หยุด ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ “เลื่อนขั้นแล้วลืมกำพืดของตัวเองอย่างนั้นสิ? ไม่สนใจพ่อแม่พี่น้องเสียแล้ว?! นิสัยเดิมทีก็เลวทรามอยู่แล้ว นี่เลวทรามจนถึงแก่นแท้ทีเดียว!”
เสียงร้องไห้ของเด็กสาวที่ยังอ่อนเยาว์ดังขึ้นจากด้านข้าง…
เหยาซูยังไม่เดินเข้าไปในบ้าน หัวคิ้วก็ขมวดกันเป็นปมแล้ว
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงกลุ่มคนที่ดูความคึกคักของผู้อื่นพลางตะโกนโห่ร้องอยู่นอกลานบ้าน ช่างน่าโมโหยิ่งนัก!
นางเดินรุดขึ้นมาด้านหลังของฝูงชนที่เกาะกลุ่มมุงอยู่ตรงหน้า และพูดเสียงเย็นเยียบว่า “เหล่าสหายบ้านเดียวกันทุกท่าน ถ้าอยากช่วย ก็เข้าไปในบ้านได้นะเจ้าคะ ในบ้านของข้าไม่ได้เล็ก ทุกคนสามารถยืนได้”
เหยาซูยืนตัวตรง ใบหน้าเกลี้ยงเกลา แผ่รังสีเย็นเยือกที่คล้ายคลึงกับหลินเหราออกมาจากทั่วทั้งร่างกาย ทำให้อดหวาดกลัวไม่ได้
เดิมทีเหยาซูไร้ความรู้สึก แต่เหยาซูในสายตาของทุกคนตอนนี้ แตกต่างจากที่กลับมาจากตระกูลหลินในครั้งแรกนัก…
เมื่อครู่ชาวบ้านยังนินทาลับหลังตระกูลเหยาอย่างสนุกปาก ทว่าทันทีที่ถูกสายตาเย็นเฉียบของเหยาซูกวาดมอง ก็พลันสงบปากทันใด หลีกทางให้นางโดยไม่รู้ตัว
เหยาซูอุ้มซานเป่าอย่างเงียบ ๆ เดินเข้าไปในลานบ้านด้วยสีหน้าเย็นชา
จากนั้นก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง ตะโกนเรียกนาง “น้องอาซู!”
เหยาซูหยุดเดินทันใด กระทั่งเห็นเหยาเล่ยที่มีเหงื่อผุดซึมเต็มใบหน้าเดินฝ่าฝูงชน มาตรงหน้าของนาง
“น้องอาซู … ตอนนี้พี่ใหญ่เหยาเฟิงและพี่รองเหยาเฉาล้วนไม่อยู่บ้าน ข้าตามเจ้าเข้าไปแล้วกัน ถ้ามีเรื่องอะไรก็พอจะรับมือได้”
ตระกูลเหยามีพระคุณต่อเหยาเล่ยมาก เมื่อเขาได้ยินเรื่องของตระกูลเหยาก็รีบวิ่งมาทันที บังเอิญเห็นเหยาซูพาลูกกลับมาพอดี
เหยาซูส่ายหน้า เผยรอยยิ้มบางและพูดว่า “ความหวังดีของพี่เสี่ยวเล่ย ข้าและทุกคนในบ้านต่างซาบซึ้งใจมาก เพียงแต่เรื่องในวันนี้ ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวในครอบครัว คงไม่ขอดึงพี่เสี่ยวเล่ยเข้ามาเกี่ยวข้องดีกว่า”
นางพูดเบา ๆ กิริยาท่าทางก็อ่อนโยนและมีมารยาท
มือที่เปื้อนด้วยขี้เลื้อยถูลงบนชายเสื้อ พลางฝืนยิ้มและพูดว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้า ข้าไม่รบกวนแล้ว…”
เมื่อถูกเหยาซูปฏิเสธอย่างชัดเจน เขาก็อึดอัดใจที่จะอยู่ต่อ กล่าวง่าย ๆ อีกสองสามประโยค จากนั้นก็หนีเตลิดจากไป
คนที่ดูความคึกคักจำนวนมากในหมู่บ้าน เมื่อเห็นเหยาเล่ยพูดคุยอยู่กับเหยาซูจึงพากันหูผึ่ง สีหน้าที่แสดงออกมาเหมือนกับแมวเจอเนื้อ ช่างน่าขัดหูขัดตายิ่งนัก
เหยาซูรู้สึกเกลียดชังอยู่ในใจ หลังจากที่กล่าวลากับเหยาเล่ยอย่างสุภาพแล้ว ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา “เหล่าสหายในหมู่บ้านที่พากันมารวมตัวกันอยู่หน้าบ้านของพวกเรา เข้าไปดื่มชากันหน่อยดีหรือไม่?”
ใบหน้าของทุกคนดูเหยเก ไม่มีเหตุผลอะไรมาอ้าง และไม่อยากยั่วโมโหจนเหยาซูต้องอารมณ์เสีย จึงพากันสลายตัวตามเหยาเล่ยไป
ในลานบ้านมีทั้งเสียงด่าทอ ทั้งเสียงสะอื้นที่ไม่น่าฟัง หลังจากเหยาซูจัดการเพื่อนบ้านที่ชอบสอดรู้สอดเห็นจนหมดสิ้นแล้ว นางก็ตีซานเป่าที่อยู่ในอ้อมกอดอย่างเบามือ ใบหน้าที่ดูเย็นชาแสดงสีหน้าอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย พลางพูดกับเด็กทารกด้วยเสียงเบาว่า “เอาละ ซานเป่าไปกับแม่ เราจะเข้าไปแก้ไขปัญหายุ่งยากเหล่านั้นด้วยกัน!”
นางอยากเห็นว่าแม่เฒ่าหลินผู้นั้นต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่…
…………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทุกที่ไม่ขาดคนนินทาจริงๆ อย่าลดตัวลงไปทะเลาะด้วยเลยค่ะ เปลืองแรงเปล่า ๆ
แม่เฒ่ามหาประลัยนี่จะมาเอาอะไรจากตระกูลเหยากันนะ?
ผู้แปลมีเรื่องอยากจะบอกค่ะ ตอนนี้ผู้แปลมีผลงานเรื่องใหม่ล่าสุดออกมาแล้วนะคะ ชื่อเรื่อง ‘อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว’ สามารถอ่านได้ทางเว็บ enjoybook และเว็บอื่นๆ ที่ลงประจำ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับคุณหมอสาวยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติไปเป็นหมอหญิงยุคโบราณและต้องตามสืบความเป็นมาของเจ้าของร่างและตามหาพ่อของลูกติดเจ้าของร่าง ซึ่งเรื่องนี้ถูกนำไปทำเป็นซีรีส์ฉายทาง youku และ monomax ในชื่อ ‘อลหม่านรักหมอหญิงชิงลั่ว’ ด้วยค่ะ ขอบอกว่าสนุกมากๆ อย่างไรก็ฝากติดตามผลงานใหม่ของผู้แปลด้วยนะคะ
ไหหม่า(海馬)