ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 263 ตัดชื่อออกจากตระกูล
บทที่ 263 ตัดชื่อออกจากตระกูล
บทที่ 263 ตัดชื่อออกจากตระกูล
เหยาซูไปดูสถานการณ์ของแม่โจวก่อน
เพราะความวุ่นวายนี้ แม่โจวที่ท้องแก่ใกล้คลอดเริ่มมีสัญญาณเตือน ตอนนี้นางสนใจแค่ความเจ็บปวด ไม่มีเรี่ยวแรงจะไปรนหาที่ตายอีก
เหยาซูให้แม่เฒ่าเหยาเฝ้าอยู่ข้างกายอย่างดีพลางพูดว่า “ใกล้คลอดตอนนี้ก็ดี จะได้ไม่ทำให้นางต้องปวดท้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า! ประเดี๋ยวข้าจะไปตามหมอ”
แม่เฒ่าเหยาอายุมากแล้ว นางเป็นหญิงจิตใจดี ทนเห็นเรื่องที่ทรมานเช่นนี้ไม่ได้จึงพูดขึ้นด้วยความขุ่นเคือง “เจ้าบอกอยู่ว่าตระกูลหลินไม่มีเงินจ่ายค่าหมอให้กับสะใภ้รองมิใช่หรือ? นี่มันครอบครัวแบบไหนกันแน่?!”
เหยาซูพูดปลอบใจ “พอได้แล้วท่านแม่ เรื่องของพวกเขา เราไม่ต้องไปสนใจ ตอนนี้สะใภ้รองมีสัญญาเตือนแล้ว ข้ายังต้องไปตามหมอตำแยมาอีก”
แม่เฒ่าเหยาพยักหน้า “ใช่! ดูท้องของนางสิ คงปวดนานเชียวล่ะ เชิญทั้งหมอและหมอตำแยมาให้หมด เราจะได้ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง!”
เหยาซูตอบรับ จากนั้นก็รีบออกจากบ้านไปทันที
สะใภ้ทั้งสองคนของตระกูลเหยาถูกนางส่งตัวไปยังหมู่บ้านตระกูลหลิน คนหนึ่งไปหาหัวหน้าตระกูลหลิน ส่วนอีกคนไปหาหลี่เจิ้งในตระกูลหลิน
การที่แม่โจวคลอดลูกถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก หากไม่มีคนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลินอยู่ด้วย อาจจะสร้างปัญหาในภายภาคหน้าได้
โชคดีที่ซานเป่าได้ถูกแม่เฒ่าเหยากล่อมหลับไปแล้ว จึงไม่ต้องมีคนเฝ้าชั่วคราว หญิงชราจึงสามารถอยู่เป็นเพื่อนกับแม่โจวได้
เหยาซูพาหมอตำแยและหมอกลับมาอย่างรวดเร็ว หัวใจที่เดิมทีเป็นกังวลของแม่เฒ่าเหยา บัดนี้ได้พุ่งเป้าไปยังท้องขนาดใหญ่
หลังจากที่หมอได้ตรวจสถานการณ์ของแม่โจวแล้ว จึงเรียกเหยาซูออกไป
เหยาซูจึงชิงถามก่อน “ท่านหมอจาง สะใภ้รองหลินเป็นอย่างไรบ้าง? คลอดตอนนี้จะเป็นอันตรายอะไรหรือไม่?”
หมอจางมีสีหน้าตึงเครียด “แม่หนูซู เจ้าบอกความจริงกับข้าเถอะ สะใภ้ตระกูลหลินผู้นี้ เหตุใดร่างกายถึงได้มีสภาพเช่นนี้? หรือว่าถูกแม่เฒ่าตระกูลหลินท่านนั้นทรมานอีกแล้ว?”
ในวันที่เหยาซูคลอดลูก นับตั้งแต่ออกมาจากตระกูลหลิน หมอจางก็คอยดูแลตลอด ค่อย ๆ บำรุงร่างกายอยู่หลายเดือน จนฟื้นกลับมาปกติได้ในที่สุด
บัดนี้เขาต้องเจอกับหญิงท้องเช่นนี้อีกหนึ่งคน แม้ว่าหมอจางจะมีความรู้มากมาย แต่ก็อดโกรธและไม่เข้าใจไม่ได้
เหยาซูจึงเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “นับตั้งแต่ข้าออกจากบ้านตระกูลหลิน ก็ไม่ได้สนใจความเป็นอยู่ของพวกเขาอีก ตระกูลหลินตกอยู่ในสถานการณ์ไหน เกรงว่าคงมีแค่คนในครอบครัวของพวกเขา หรือไม่ก็คนในหมู่บ้านตระกูลหลินเท่านั้นที่รู้”
หมอจางส่ายหน้าอย่างต่อเนื่องและพูดว่า “โชคดีที่มันเป็นสัญญาณเตือน เพราะในครรภ์มีเด็กสองคน คนเป็นแม่ตกอยู่ในสภาวะขาดสารอาหารอย่างรุนแรง ถ้าไม่คลอดวันนี้ เกรงว่าคงจะรอถึงกำหนดคลอดไม่ไหว แม้แต่เด็กก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้”
เหยาซูขมวดคิ้วแน่น “ความหมายของหมอจางคือ…”
หมอจางพูดอย่างตรงไปตรงมา “คนโตจะมีชีวิตอยู่รอดได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับชีวิตของนาง”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน สะใภ้ทั้งสองคนของตระกูลเหยาได้เชิญหัวหน้าตระกูลหลินและหลี่เจิ้งตระกูลหลินเข้ามา
หัวหน้าตระกูลมีอายุหกสิบกว่าปีแล้ว แขนขาเริ่มไม่มีแรง จึงทำให้เสียเวลาไม่น้อยไปตลอดทาง
เหยาซูกำชับพวกเขา “ท่านหัวหน้าตระกูล หลี่เจิ้ง เชิญท่านทั้งสองเข้ามานั่งในห้องรับรองก่อนเถอะ ประเดี๋ยวข้าจะไปเรียกท่านแม่ของข้าออกมา”
ทั้งสองคนได้ยินเรื่องราวคร่าว ๆ มาระหว่างทางแล้ว ยามที่รู้ว่าวันนี้จะเกิดเรื่องที่หมดหนทางแก้ไขขึ้น แม่เฒ่าหวังดั้งด้นพาสะใภ้ทั้งสองคนมาหาเรื่องถึงที่ ทำให้รู้สึกสะอายแก่ใจไม่น้อย…
พวกเขายังคงพูดคุยกันไปจนถึงห้องรับรอง
เมื่อทุกคนนั่งประจำที่ เหยาซูก็พาแม่เฒ่าเหยาเข้ามา และถือโอกาสเชิญหมอเข้ามาด้วย
หัวหน้าตระกูลเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล “ว่าแต่…สะใภ้รองเป็นอย่างไรบ้าง?”
ท่านหมอจางส่ายหน้า จากนั้นก็นำคำชี้แจ้งที่พูดเหมือนกับเหยาซูเมื่อครู่เล่าให้หัวหน้าตระกูลหลินฟังอีกรอบ ปิดท้ายด้วยการพูดว่า “ตอนนี้เพิ่งมีสัญญาณเตือน ยังต้องรออีกพักใหญ่ถึงจะทำคลอดได้”
หัวหน้าตระกูลถอนหายใจออกมาสั้น ๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความจำใจและเหนื่อยล้า “เวรกรรมจริง ๆ สะใภ้รองหลินเพิ่งจะสูญเสียลูกชายไปไม่นาน ตอนนี้ยังต้องมาเจอกับเรื่องนี้อีก….หมอจาง มีวิธีการที่ดีกว่านี้หรือไม่?”
ท่านหมอจางส่ายหน้าโดยไม่พูดสิ่งใด
ยามสตรีคลอดลูก นั่นถือเป็นการย่างเท้าเข้าสู่ประตูนรก ยิ่งไปกว่านั้นแม่โจวก็ยังตั้งครรภ์เด็กถึงสองคนด้วย? แม้แต่หมอจางผู้มีทักษะทางการรักษาสูง ก็ยังไม่กล้ารับประกัน
กลับเป็นหลี่เจิ้งที่พูดโน้มน้าวอยู่ข้างกาย “อารอง ลูกหลานก็มีทางรอดของเขาเอง ปีนี้ท่านเองก็อายุไม่น้อยแล้ว เหตุใดถึงต้องมาเป็นห่วงและเหน็ดเหนื่อยกับลูกหลานนอกคอกเหล่านี้ด้วย?”
หัวหน้าตระกูลทอดถอนใจอีกครั้ง
เหยาซูไม่ได้โน้มน้าวหลี่เจิ้ง แต่พูดว่า “ที่เชิญท่านทั้งสองมาวันนี้ ก็หวังว่าท่านทั้งสองจะเป็นพยานให้กับเรื่องนี้ได้”
เมื่อเห็นนางเอ่ยปาก หัวหน้าตระกูลหลินและหลี่เจิ้งต่างก็ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
เหยาซูนั่งตัวตรง เผยสีหน้าจริงจัง
“เรื่องพ่อแม่ของอาเหรา หัวหน้าตระกูลคือผู้ที่รู้เส้นสนกลในของเรื่องราว หลายปีมานี้หัวหน้าก็รู้ว่าอาเหราและแม่ลูกอย่างเราผ่านอะไรกันมาบ้าง การแยกบ้านในวันนั้นแม้ว่าจะไม่ได้เชิญหัวหน้ามาเป็นสักขีพยาน แต่หัวหน้าหลี่เจิ้งก็อยู่ที่นั้นด้วย”
หลี่เจิ้งพยักหน้า “ถูกต้อง”
ทุกคนต่างตั้งใจฟังเหยาซูพูดต่อ
“ไม่ใช่เพราะเราย้ายบ้านไปอยู่ในเมืองแล้วจะไม่สนใจใยดีตระกูลหลิน ตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมา เงินที่อาเหราต้องให้แก่อาวุโสทั้งสองท่านในตระกูลหลินตามกำหนด ไม่เคยน้อยลงเลย แต่ตอนนี้เราได้แยกบ้านกันแล้ว หัวหน้าเองก็รู้ว่าอะไรคือบุญคุณ อะไรคือความแค้นอย่างชัดเจน อาเหราไม่เคยทำผิดต่อตระกูลหลินเลยสักครั้งใช่หรือไม่?”
คนภายนอกไม่เข้าใจความหมายของเหยาซู แต่หัวหน้านั้นเข้าใจโดยแท้จริง
วันนั้นหลินเหราพาเซี่ยเชียนมาถึงบ้าน ย่อมต้องถามเรื่องราวในอดีตอย่างชัดเจนแน่นอน
หัวหน้าก็จนปัญญา รีบเล่าเรื่องความแค้นและพระคุณเมื่อครั้งก่อนให้ฟังอย่างละเอียด
โดยสรุปคือตระกูลหลิน ทำผิดต่อลูกสาวของตระกูลเซี่ย
อาวุโสทอดถอนใจ “แม่หนูซู แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ตัวอักษร ‘หลิน’ ที่ไม่เคยเขียนออกมาสักครั้ง…”
ใบหน้าของเหยาซูเคร่งขรึมลง ด้วยความเคารพที่มีต่ออาวุโส จึงไม่ได้พูดถ้อยคำไม่น่าฟังแต่อย่างใด
นางมีสีหน้าเคร่งเครียด และพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “เรากับตระกูลหลิน ไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกัน! หัวหน้าคิดว่าวันนี้ที่แม่เฒ่าตระกูลหลินพาลูกสะใภ้ทั้งสองบุกมาหาเรื่องตระกูลเหยาของเรา ทั้ง ๆ ที่หนึ่งในนั้นก็กำลังตั้งครรภ์! วิธีการเช่นนี้มันสมควรแล้วหรือ?”
หัวหน้าตระกูลไม่พูดสิ่งใด ใบหน้าของเขาแห้งเหี่ยวยิ่งกว่าเปลือกไม้ บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าและจนปัญญา
เหยาซูไม่ได้ใจอ่อนเพราะสีหน้าของอาวุโส เพื่อครอบครัวของตัวเอง นางไม่ยอมท้อถอยแม้แต่ก้าวเดียว “สะใภ้รองหลินเห็นว่าในเมื่อขอร้องไม่สำเร็จ จึงเกือบตกลงไปในบ่อ! หากนางและลูกในท้องต้องมาตายในบ้านของเรา คิดว่าตระกูลเหยาของเราจะมีชีวิตที่สงบสุขอย่างนั้นหรือ”
หลี่เจิ้งโน้มน้าวอยู่ด้านข้าง “แม่หนูซู อย่าเพิ่งใจร้อน อย่าเพิ่งใจร้อน…”
เหยาซูส่ายหน้า จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ที่เชิญท่านทั้งสองมาในวันนี้ ไม่ได้อยากสร้างความลำบากใจให้แก่ท่านทั้งสอง เพียงแต่ท่านพ่อและท่านแม่ของข้า พี่ชาย และพี่สะใภ้ไม่ควรต้องมาแบกรับเรื่องเหล่านี้ ข้าและอาเหราไม่ยอมให้ตระกูลเหยาต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไม่สงบเพราะตระกูลหลิน”
แม่เฒ่าเหยาขมวดคิ้วแน่น จากนั้นก็พูดกับอาวุโสว่า “วันนี้พวกนางเห็นว่าบิดาของอาซูไม่อยู่ พี่ใหญ่ก็ออกเดินทางไกล จึงได้บุกมาหาถึงบ้าน หัวหน้าตระกูลหลิน ท่านมีความรู้รอบตัว ไม่เคยเจอเรื่องที่ไร้เหตุผลเช่นนี้บ้างหรือ?”
หัวหน้าตระกูลและหลี่เจิ้งไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว ย่อมพูดเรื่องอื่นไม่ออก
หัวหน้าตระกูลหลินพูดกับเหยาซูว่า “เรื่องของวันนี้ เป็นเรื่องของแม่หวังไม่ใช่หรือ เช่นนี้รอให้แม่โจวคลอดลูกเสร็จก่อนเราค่อยพาพวกนางกลับไป…”
เหยาซูส่ายหน้า “หลังจากพวกเขากลับไปแล้วเล่า? เมื่อเด็กวิ่งได้คงได้บุกมาหาเรื่องตระกูลเหยาอย่างเราอีกกระมัง?”
แม่เฒ่าหลินคือปัญหาที่ไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าไม่ถือโอกาสนี้แก้ไขปัญหาเด็ดขาด เกรงว่ายังคงพัวพันไม่เลิกเป็นแน่
หัวหน้าตระกูลก็จนปัญญา สุดท้ายจึงพูดกับหลี่เจิ้งว่า “เช่นนี้ แม่หนูซูช่วยบอกหน่อย ว่าเราควรจะต้องจัดการอย่างไร?”
เหยาซูคิดไว้แล้วว่าควรจะจัดการอย่างไร นางไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดที่มากเกินไป แต่ควรขีดเส้นตายไว้
“ยามที่ข้าและอาเหราแยกออกมาอยู่เพียงลำพัง ฝั่งนั้นได้ร่างหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรขึ้นมา ทั้งยังตกลงกันว่าจะให้เงินแก่ตระกูลหลินเดือนสิบตำลึง ดูจากตอนนี้ขั้นตอนนี้คงดูน่าสงสารเกินไป ทำให้รู้สึกว่าเราติดหนี้พวกเขา”
หัวหน้าตระกูลหลินขมวดคิ้ว ส่วนหลี่เจิ้งมองไปทางเหยาซู แล้วค่อยมองหัวหน้าอีกครั้งโดยไม่พูดสิ่งใด
เหยาซูพูดต่อ “เงินสิบตำลึงนี้ เราคงจะให้ไม่ได้ หลินเหราและตระกูลหลินไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ได้โปรดหัวหน้าช่วยลบชื่อเขาออกจากตระกูลหลินด้วย”
เมื่อโพล่งคำพูดนี้ออกมา อย่าว่าแต่สีหน้าของหัวหน้าที่ดูเปลี่ยนไป แม้แต่หลี่เจิ้งเองก็ยังรู้สึกว่าไม่เหมาะสม
หลี่เจิ้งขมวดคิ้ว “แม่หนูซู การแยกบ้านออกจากตระกูลหลินเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าว่าตามลำดับวงศ์ตระกูลแล้ว…อย่าว่าแต่จะไม่มีแรงสนับสนุนในตระกูลเลย แม้แต่สุสานบรรพบุรุษก็คงจะถูกฝังด้วยกันไม่ได้ แม่หนูซู เจตนารมณ์ของเจ้าเคยถามอาเหราว่ายินยอมบ้างหรือไม่”
แนวคิดของวงศ์ตระกูลในสมัยโบราณนั้นยิ่งใหญ่ แยกบ้านและออกจากตระกูล ทั้งสองเรื่องแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
แม้แต่แม่เฒ่าเหยาเองก็ยังตื่นตระหนกอยู่เงียบ ๆ
วันนี้ที่ลูกสาวพูดเช่นนี้ออกมา หากหัวหน้าตระกูลหลินเห็นด้วย คงจะขีดฆ่าครอบครัวของพวกเขาออกจากตระกูลหลิน ต่อไปหากลูกเขยถูกกล่าวหาแล้วมันดีตรงไหนไม่ทราบ?
ใบหน้าของเหยาซูไม่ได้เผยความรู้สึกใดออกมา ในใจมีแผนการของตัวเอง นางมองพิจารณาท่าทางของพวกเขา พลางคิดอีกวิธีการหนึ่ง…
………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จริงอย่างที่อาซูว่า ต้องจัดการแม่เฒ่าหวังให้เด็ดขาด เพราะปัญหาทั้งหลายนี่มาจากแม่เฒ่าคนนี้คนเดียวเลย
ไหหม่า(海馬)