ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 276 วางแผนหนึ่งเงียบ ๆ ในใจ
บทที่ 276 วางแผนหนึ่งเงียบ ๆ ในใจ
บทที่ 276 วางแผนหนึ่งเงียบ ๆ ในใจ
เหยาซูกำลังจะเอ่ยปากพูด ก็มีเสียงกระโดดโลดเต้นของอาซือดังมาจากนอกประตูเสียก่อน พลางตะโกนว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่! ท่านลุงกลับมาแล้ว! ท่านแม่ ท่านลุงกลับมาแล้ว!”
พี่รอง?
สายตาของเหยาซูฉายแววดีใจ เมื่อครู่มัวแต่ทะเลาะ จึงเผลอลืมไปว่ายังไม่ได้เจอกับพี่รองเลย…
พี่รองไปไหน?
เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็ก ๆ เหยาซูก็ไม่อยากทะเลาะกับหลินเหรา จึงทำได้แค่กลืนคำพูดที่อยากพูดกับเขาลงไป
นางหันกลับไปถามอาซือว่า “ลุงให้เจ้ามาเรียกพ่อกับแม่งั้นหรือ?”
ใบหน้าของเด็กสาวแต้มไปด้วยรอยยิ้มอันไร้เดียงสา ไม่ได้สังเกตเห็นความขุ่นเคืองใจของผู้ใหญ่แต่อย่างใด “เจ้าค่ะ! ท่านลุงบอกว่าวันนี้เขาไปดูบ้านสองหลังมา เห็นว่าเหมาะแก่การอยู่ด้วยกันพอดี เลยอยากให้ท่านพ่อไปดูด้วยกัน!”
ขณะพูด อาซือยังหัวเราะออกมาอีกด้วย “ท่านแม่! ท่านลุงไม่คิดว่าเรามาถึงแล้ว เลยตกใจใหญ่ ท่านแม่ เรารีบไปกันเถอะ!”
ไม่ได้เจอกับเหยาเฉามาหลายวัน เหยาซูถวิลหาพี่รองมากทีเดียว บัดนี้นางไม่สนใจหลินเหราอีกต่อไป นางหันไปพูดกับอาซืออย่างอ่อนโยนว่า “เยี่ยม เราไปกันเถอะ”
นางจูงมือของอาซือ และเดินออกจากบ้านไป
หลินเหราเดินตามหลังสองแม่ลูกไปอย่างเงียบเชียบโดยไม่พูดสิ่งใดอีก
เมื่อถึงลานเล็ก ก็เจอกับเหยาเฉาที่แต่งกายด้วยชุดสีขาวกำลังอุ้มซานเป่าอยู่จริง ๆ กำลังพูดคุยบางอย่างกับอาจื้อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
คนรับใช้ในลานบ้านต่างสลายตัวแยกย้ายไปจนหมด เหลือเพียงครอบครัวพวกเขา
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาอบอุ่นมาก ร่างสูงเด่นเป็นสง่า ภาพที่กำลังอุ้มเด็กทารกอยู่ในอ้อมแขน ให้ความรู้สึกถึงความเป็นสุภาพบุรุษมากทีเดียว
เหยาซูขานเรียกออกไป “พี่รอง!”
เหยาเฉาหันกลับไป ดวงตาเรียวดุจลูกท้อได้เจือรอยยิ้มอันสดใสเหมือนกับเหยาซู “เก่งจริง ๆ นะ พาเด็ก ๆ มาถึงเมืองหลวงได้ด้วยตัวคนเดียว เหตุใดถึงไม่บอกอาเหราหรือข้าสักคำ? เราจะได้ไปรับเจ้า”
เหยาซูยกชายกระโปรงขึ้น จากนั้นก็เร่งฝีเท้าเดินไปข้างกายของเหยาเฉา และหยุดยืนอยู่ข้างกายเขา
ใบหน้าดุจหยกขาวของนางเผยรอยยิ้มออกมา พลางพูดออดอ้อน “ก็ตั้งใจทำให้พวกท่านประหลาดใจอย่างไรเล่า!”
นิ้วมือเรียวยาวละเอียดของหยาเฉายื่นออกไปดีดหน้าผากที่เนียนใสของเหยาซูทันที
เขาหยอกเย้าด้วยเสียงอ่อนโยน “โตขนาดนี้แล้ว ยังอ้อนพี่อีก? หื้อ?”
เหยาซูหัวเราะออกมาอีกครั้ง
หลินเหราจูงมือของอาซือที่กำลังกระโดดโลดเต้นมาถึงตรงหน้าพอดี
เขามองเข้าไปในดวงตาของนางที่สุกใสยิ่งกว่าท้องฟ้าที่ใสสกาว ไม่ได้มืดมนเหมือนที่เผชิญหน้ากับเขาเมื่อครู่ จิตใจจึงอดสับสนไม่ได้
กระทั่งได้ยินอาซือพูดด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “ท่านแม่ก็เป็นเด็กผู้หญิง แค่โตแล้วเท่านั้น เหตุใดจะอ้อนไม่ได้ละเจ้าคะ?”
เหยาเฉาเลิกคิ้วสูง มองอาซือ “จากที่เอ้อเป่าพูด มีแค่อาจื้อและซานเป่าเท่านั้นที่อ้อนไม่ได้อย่างนั้นสิ?”
อาซือนึกถึงท่านพี่ที่มักจะก่อกวนด้วยการขานเรียก ‘ท่านแม่ ท่านแม่’ ยามเผชิญหน้ากับเหยาซูอยู่บ่อยครั้ง จึงอดโต้แย้งไม่ได้ “ท่านพี่ไม่ใช่เด็กผู้หญิงก็จริง แต่ยังเป็นเด็ก ก็ถือว่าอ้อนได้เจ้าค่ะ”
เหยาซูหลุดหัวเราะออกมาทันใด เหยาเฉาเองก็หัวเราะจนเกือบหงายหลังเช่นกัน กลับเป็นอาจื้อที่รู้สึกไม่ดี ใบหน้าหน้าค่อย ๆ ขึ้นสีแดงก่ำ
เขาพูดเสียงเล็ก “เอ้อเป่าหยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว พี่ไม่ได้อ้อนเสียหน่อย”
เด็กชายพูด พลางหันกลับไปเน้นย้ำเหยาเฉาอีกรอบ “ท่านลุง ข้าโตแล้ว!”
ใบหน้างดงามของเหยาเฉาคลี่ยิ้มไม่มีทีท่าว่าจะหุบ จากนั้นก็พยักหน้าตอบรับเขา “ก็ได้ ๆ อาจื้อโตแล้ว เป็นเสาหลักของครอบครัว แก้ไขปัญหาได้ดีว่าพี่รองของเจ้า”
หลินเหราเห็นท่าทางสนิทสนมของเหยาเฉาและเด็ก ๆ ทั้งยังมีความไว้เนื้อเชื่อใจที่แสดงออกต่อหน้าเขาอย่างไม่ปิดบังของเหยาซู ความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกก็ได้ถาโถมเข้ามาในใจ
เขาเป็นสามีของเหยาซู เป็นพ่อของลูก แต่พวกเขากลับไม่เคยสนิทสนมเช่นนี้กับเขามาก่อน…
หรือเป็นเพราะเขาทำได้ไม่ดีพอ?
แต่เขาจะทำอย่างไรละ?
เหยาซูเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัวช่วงสองสามวันที่ผ่านมาให้เหยาเฉาฟัง ประกอบกับความคิดของพี่สะใภ้รอง จึงเอ่ยโน้มน้าวเขา “พี่รองก็ควรปรึกษากับพี่สะใภ้รองนะเจ้าคะ ท่านพ่อและท่านแม่ที่อยู่ในบ้านมีพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ดูแลแล้ว อีกอย่างท่านพ่อและและท่านแม่ก็สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไฉนจะต้องให้พี่สะใภ้รองเฝ้าอยู่ไม่ห่างด้วย? ถ้านางและเอ้อหลางได้อยู่ด้วยกัน ย่อมเป็นผลดีต่อพี่รอง พี่สะใภ้รองและเด็ก”
ความคิดของนางนั้นตรงประเด็นและคิดพิจารณาเพื่อทุกคนแล้ว เหยาเฉาได้ยินดังนั้น จึงอดพูดสีหน้าจริงจังไม่ได้ “อาซู เจ้าพูดถูก เพียงแต่…พี่รองเองก็หมดหนทางเช่นกัน”
แม้แต่เหยาเฉาผู้มีบุคลิกสบาย ๆ เช่นนี้ ก็ยังมีปากเสียงกับเซี่ยงเวยเป็นครั้งคราว
เขารู้ว่าสองสามีภรรยานั้นมีเวลาอยู่ด้วยกันสั้นมาก เขาจึงกำลังคิดว่าถ้ามีโอกาสก็จะพานางและลูกมาอยู่เมืองหลวง
แต่พ่อแม่ก็อายุไม่น้อยแล้ว ข้างกายจะขาดคนดูแลได้อย่างไร?
ยากนักที่จะสมบูรณ์พร้อมทั้งความกตัญญู และชีวิตของสามีภรรยา…
ครั้นนึกถึงภรรยาที่คอยดูแลอาวุโสทั้งสองท่านแทนเขาอยู่ที่บ้านโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ เหยาเฉาก็ซาบซึ้งอยู่ในใจพลางทอดถอนใจ “สองปีนี้อาเวยช่วยข้าไว้มาก…ถ้าไม่ใช่เพราะมีนางอยู่บ้าน เกรงว่าข้าคงไม่สามารถมาทำเรื่องของตัวเองได้อย่างวางใจ”
เหยาซูพยักหน้าและพูดอย่างอ่อนโยน “วันนี้พี่รองมาเมืองหลวงแล้ว ยิ่งต้องจากพี่สะใภ้รองนานขึ้น ต้องคิดถึงความรู้สึกของพี่สะใภ้รองให้มากนะเจ้าคะ”
เหยาเฉาเองก็คิดเช่นนี้ จึงกล่าวขอบคุณเหยาซูด้วยเสียงแผ่วเบา “อาซู ขอบใจเจ้าที่คิดแทนนาง”
เหยาซูคลี่ยิ้ม
ในบรรดาเด็ก ๆ ของตระกูลเหยา นางและเหยาเฉาเหมือนกันที่สุดแล้ว ยามที่ยืนด้วยกันไม่ว่าใครก็บอกว่านี่คือพี่น้องแท้ ๆ
ครั้นเห็นเหยาเฉาขอบคุณตัวเอง เหยาซูก็อดหยอกเย้าไม่ได้ “ถึงตาพี่รองขอบคุณข้าตอนไหนไม่ทราบ? จะรีบแยกตัวจากน้องสาวแล้วหรือ?”
วันนั้นหลังจากที่นางคลอดซานเป่าออกมาได้ไม่กี่วัน นางก็พาเด็ก ๆ ออกจากบ้านตระกูลหลินตรงกลับบ้านตระกูลเหยา เหยาเฉาได้ยินดังนั้นก็รีบออกจากในตัวเมืองตรงกลับบ้านทันที
ตอนนั้นนางไม่มีใครให้พึ่งพิง โลกที่แสนแปลกตาใบนี้ คนในตระกูลเหยามักจะปกป้องนาง ปลอบใจนางอย่างอดทนมาตลอด
หากมีใครมารังแกลับหลัง ขอแค่เหยาเฉาได้ยิน เขาจะออกหน้าแทนนางเป็นคนแรก
นางจึงเห็นตระกูลเหยาเป็นครอบครัวของตัวเอง เห็นเหยาเฉาเป็นพี่ชายแท้ ๆ ดังนั้นเรื่องของสะใภ้รองจะไม่ให้นางกังวลได้อย่างไร?
เหยาเฉาเปลี่ยนแขนอุ้มซานเป่าไปอีกด้าน ใช้มือซ้ายยีผมของเหยาซู จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าเด็กน้อย! ยิ่งอยู่ฝีปากยิ่งจัดขึ้น พี่ขอบคุณเจ้าแทนสะใภ้รองจะเป็นไรไป?”
เหยาซูเม้มปากอมยิ้มโดยไม่ปริปากพูด
เมื่อเล่าทุกอย่างเกือบหมดแล้ว เหยาเฉาจึงหันไปมองหลินเหราและถามว่า “อาเหราวันนี้เจ้าก็ไปดูบ้านด้วยไม่ใช่หรือ? เป็นยังไงบ้างล่ะ?”
หลินเหรามองเหยาซูแวบหนึ่ง ก่อนส่ายหน้า “ไม่เหมาะสม”
เหยาเฉารู้ทันจึงเหลือบมองสีหน้าของน้องสาว หากนับเวลาแล้ว ก็พอเดาถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องได้
เขาขบขันอยู่ในใจ เกรงว่าเจ้าสองคนนี้จะต้องทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้แน่นอน
เพียงแต่นิสัยของอาซู น่าจะปล่อยให้เป็นอดีตไปแล้วกระมัง?
เรื่องของพวกเขาสองคน เหยาเฉาไม่ขอแทรกแซง ทำได้แค่เปลี่ยนมาเป็นหัวข้อเมื่อครู่ “บ้านสองหลังที่ข้าไปดูวันนี้ไม่เลวเลย มีเวลากันพอดี สู้ไปดูด้วยกันดีไหม?”
หลินเหราไม่แสดงความคิดเห็น แต่กลับเป็นเหยาซูที่มีสีหน้าไม่สบอารมณ์ และไม่มีความสุข
ตอนนี้นางไม่อยากพูดกับหลินเหรา กระทั่งหน้าก็ไม่อยากจะมอง!
“พี่รอง ข้าพาเอ้อเป่าและซานเป่าเดินทางมาถึงที่นี่ รู้สึกเหนื่อยแเล้ว พวกท่านไปกันเถอะ”
เดิมทีเด็ก ๆ นั้นอยากไปเล่นสนุกเช่นกัน แต่เมื่อได้ยินเหยาซูบ่นเหนื่อย จึงหยุดลงทันที
อาซือจูงมือของเหยาซู จากนั้นก็แกว่งไปมาเบา ๆ “วันนี้ท่านแม่ลำบากมากแล้ว พักผ่อนสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ!”
เหยาเฉาเองก็ไม่บังคับ คืนซานเป่าไปในอ้อมกอดของเหยาซู พลางพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าและอาเหราไปดูกันเองก็แล้วกัน ถ้าเขาคิดว่าเหมาะสม พรุ่งนี้ค่อยพาเจ้าไปดู ดีหรือไม่?”
เหยาซูพยักหน้า
ก่อนออกเดินทาง หลินเหรายังยืนสบสายตากับเหยาซูอีกครู่หนึ่ง
นัยน์ตาสีดำทมิฬราวกับหมึกดำของชายหนุ่มได้ซ่อนคำพูดที่อยากจะพูดกับนางไว้มากมาย แต่กลับไม่ได้พูดออกมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้
สุดท้ายก็ทำได้แค่ใช้เสียงต่ำ กระซิบข้างหูของนางประโยคหนึ่ง “อาซู เจ้าพักผ่อนเถอะ รอข้ากลับมาก่อน”
เหยาซูไม่ออกความเห็น ได้แต่ยืนส่งทั้งสองคนจากไป
อาจื้อรู้ทันกว่าอาซือ เขาเห็นบรรยากาศรอบตัวของบิดาและมารดาไม่ชอบมาพากลมาสักพัก รู้ว่าทั้งสองคนจะต้องทะเลาะกันแน่นอน
มารดาของตนเป็นคนใจกว้าง หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่มีทางทะเลาะกับบิดาง่าย ๆ
เขาไม่รู้สถานการณ์แน่ชัด แต่กลับรู้สึกว่าผู้เป็นพ่อนั้นต้องทำเรื่องไม่ดีบางอย่าง เลยทำให้แม่โกรธแน่นอน
เด็กผู้ชายหยอกเย้าน้องชายที่อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ พลางพูดให้กำลังใจ “ซานเป่าลงมาสิ เดินให้ท่านแม่ดูหน่อยสิ!”
เมื่อเอ่ยถึงลูก ความสนใจของเหยาซูก็ถูกเปลี่ยนทิศทางอย่างที่คิดไว้
นางยกตัวของซานเป่าขึ้นสูง จากนั้นก็มองเข้าไปในดวงตาที่งดงามดุจอัญมณีสีดำของเขา และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ซานเป่าเก่งขนาดนี้เชียวหรือ? เดินได้แล้วใช่หรือไม่? ไหนเดินให้แม่ดูหน่อยสิ?”
เด็กทารกพอจะเข้าใจคำพูดของผู้ใหญ่ได้เลือนราง มากกว่านี้คือการสัมผัสได้ถึงความรู้สึกยินดีของคนรอบตัว เขาส่งเสียงอ้อแอ้และเริ่มดิ้นไปมาไม่หยุด
อาซือยืนขึ้น จากนั้นก็เก็บม้านั่งและก้อนหินที่อาจจะทำให้น้องชายบาดเจ็บออกจากลานบ้าน แล้วรอคอยซานเป่าเดินอย่างคาดหวัง
เหยาซูวางซานเป่าลงบนพื้น
เด็กทารกเริ่มนั่งก่อน จากนั้นก็ค่อย ๆ ออกแรงขาทั้งสองข้างของตัวเองพยุงตนเองให้ยืนขึ้น
อาจื้อไม่ได้เจอน้องชายมาหลายวันแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะได้มองนานขึ้น แต่ก็ยังไม่รู้สึกเบื่อ ทั้งยังพูดอย่างเบิกบานใจว่า “ท่านแม่ ตอนข้าอยู่บ้านก่อนหน้านั้น ซานเป่ายังยืนงุ่มง่ามอยู่เลย!”
เหยาซูยิ้มโดยไม่พูดอะไร
แม่ลูกสามต่างพากันกลั้นหายใจ รอการเคลื่อนไหวต่อไปของซานเป่าอย่างใจจดใจจ่อ
กระทั่งเห็นซานเป่ามองมาทางผู้เป็นแม่ แล้วค่อยมองไปทางพี่สาว จากนั้นก็ยื่นแขนไปทางอาซือ
อาซือพูดอยู่ไกล ๆ “ซานเป่ามานี่เร็ว! มาหาพี่ตรงนี้”
ใบหน้าของเด็กทารกเปื้อนรอยยิ้ม จนเผยให้เห็นฟันสีขาวเท่าเมล็ดข้าวอย่างชัดเจน น้ำลายใสมุมปากได้ไหลหยาดเยิ้มลงมาเป็นด้ายสีเงินอย่างช้า ๆ จากนั้นก็ก้าวขาขวาออกไปอย่างไม่ลังเล
แต่แล้วก็ ‘พลั่ก’ ทรุดตัวลงนั่งบนพื้น
โชคดีที่เด็กทารกใส่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างหนา จึงไม่รู้สึกเจ็บ เหยาซูเห็นดังนั้นจึงหัวเราะออกมา
“เดินช้า ๆ สิซานเป่า ค่อย ๆ เดินมาหาพี่ของเจ้าตรงนี้” นางพูดให้กำลังใจ
ไม่รู้ว่าซานเป่าจะฟังรู้เรื่องหรือไม่ เขาลุกขึ้นอีกครั้ง และก้าวเท้าเดินอย่างเป็นธรรมชาติตรงไปข้างหน้า
ท่าทางงุ่มง่ามของเด็กทารกช่างน่ารักยิ่งนัก ขาซ้ายก้าว ขาขวาก้าว แม้ว่าจะสั่นไปทั้งตัว แต่กลับเดินออกไปในระยะทางที่ไม่ใกล้เลย ยิ่งเดินก็ยิ่งเร็วมากขึ้น
“ซานเป่าช้าลงหน่อย!” อาซือร้องเรียกอยู่ด้านข้างด้วยความจนปัญญา
ซานเป่าเดินโซซัดโซเซไปมาเหมือนกับคนเมา ทว่ากลับไม่ล้มลง ใบหน้ายิ้มแย้มไม่หยุด ทั้งยังเดินเร็วขึ้น
เหยาซูมองเด็ก ๆ ที่หัวเราะอย่างสนุกสนาน ท่าทางไร้กังวลนั้น จู่ ๆ นางนึกถึงรายละเอียดของพวกเขาที่ในนิยายต้นฉบับ
พวกเขาล้วนมีท่าทางน่ารักไร้เดียงสาเช่นนี้เสมอ ในนิยายเขียนไว้ว่าเขาจะโตมาเป็นวายร้ายที่ก่อกรรมทำชั่ว ดื้อรั้นและมืดมนยากหยั่งถึง
ความเจ็บปวดในใจของเหยาซู ทำให้มือของนางกำหมัดอย่างอดไม่ได้
ในหนังสือ ตู้เหิงเป็นมารดาในนามของพวกเขา การเติบโตของเด็ก ๆ ย่อมเป็นความรับผิดชอบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่นางกลับเฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ ปล่อยให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับผู้เป็นพ่อแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างมากขึ้น ปล่อยให้พวกเขาตกอยู่บนเส้นทางแห่งความเข้าใจผิดไกลกันขึ้นเรื่อย ๆ
ในโลกนี้ นางไม่มีทางให้ตู้เหิงมีโอกาสสัมผัสกับลูกของนางเด็ดขาด
ไม่มีวัน!
สำหรับหลินเหรา ถ้าเขายังคลุมเครือกับตู้เหิง และไม่ชัดเจนแบบนี้…
เหยาซูขมวดคิ้ว ทอดถอนใจ คิดแผนการหนึ่งอยู่เงียบ ๆ ในใจ …
……………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไม่รู้ว่าท่อนไม้ผู้นี้จะรู้ตัวถึงความผิดของตนเองแล้วหรือยัง ขอให้รู้ตัวเร็ว ๆ นะคะ ก่อนที่จะเสียใครไป
แผนอะไรคะอาซู ถ้าเป็นแผนสกัดดาวรุ่งนังตู้ ผู้แปลขออาสาร่วมมือได้ไหมคะ
ไหหม่า(海馬)