ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 281 จะเอาคนพี่หรือคนน้อง
บทที่ 281 จะเอาคนพี่หรือคนน้อง
บทที่ 281 จะเอาคนพี่หรือคนน้อง
ประตูใหญ่ที่หนักอึ้งดังลั่นขึ้น ทำให้คนที่นั่งอยู่บนพื้นตื่นตกใจทันใด
“พี่ใหญ่หยาง เหตุใดพี่ถึงกลับมาเร็วเพียงนี้…”
ครั้นเห็นคนที่อยู่หน้าประตู เสียงชายหนุ่มร่างผอมก็หยุดชะงักงัน เบิกตากว้างในทันที
“เจ้า เจ้า…เจ้า!”
หญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูมีผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าอันงดงามนั้นแดงก่ำเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ดวงตาคู่งามคู่นั้นเผยแววตกตะลึงไม่น้อย
เพราะวิ่งมาด้วยความรีบร้อน นางจึงหายใจถี่ด้วยความเหนื่อยหอบ แม้ว่าจะอยู่ไกลกันถึงเพียงนี้ก็ยังสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นเร็วรัวของนางอย่างชัดเจน
เหตุใดนางมาถึงเร็วเพียงนี้?!
ชายหนุ่มเด้งตัวขึ้นมาจากพื้นด้วยความตกใจ เวลานี้เขาไม่รู้ว่าต้องรับมืออย่างไรไปชั่วขณะ
สายตาของเหยาซูมองเลยคนแปลกหน้าเข้าไป ไม่นานก็มาหยุดอยู่ลงตรงฟางข้าว กระทั่งเห็นเด็กน้อยสองคนที่กำลังหลับฝันหวานอยู่บนนั้น
นางเดินรุดหน้าสองก้าว จากนั้นก็นั่งลงตรงหน้าของพวกเด็ก ๆ ก่อนตรวจสอบร่างกายทั่วไปของพวกเขา
“เจ้าทำอะไรพวกเขา?!”
น้ำเสียงของนางเจือไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและเย็นเยือก ดวงตาคู่งามรื้นด้วยหยาดน้ำตา พาให้ชายหนุ่มสั่นสะท้าน
เขากัดฟันกรอด รีบลุกขึ้นไปปิดประตูศาลเจ้า
บัดนี้ลมหายใจของเหยาซูเริ่มผิดปกติ กำปิ่นปักผมที่อยู่ในมือแน่นอย่างอดไม่ได้
ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้เหยาซู ในบรรยากาศที่ปลอดโปร่งเช่นนี้ ประกอบกับความแตกต่างในด้านพลังที่แผ่ขยายออกมาจากร่างกายของหญิงสาวที่นั่งยองอยู่ด้านล่าง ทำให้เขาเกิดความคิดชั่วร้ายอย่างลับ ๆ ขึ้นภายในใจ
เขาปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์มาโดยตลอด เรื่องชั่วช้าใหญ่ที่สุดที่ทำเป็นปกติ มันได้เกิดขึ้นแล้วในวันนี้
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อเห็นหญิงสาวค่อย ๆ มีสีหน้าซีดเผือดอยู่ตรงหน้า เขากลับคลี่ยิ้มอย่างชั่วร้ายอย่างอดไม่ได้ “เด็กสองคนนี้เป็นลูกของเจ้าเหรอ? หือ?”
เหยาซูค่อย ๆ สงบลง เมื่อมั่นใจว่าอาซือและซานเป่าเพียงแค่หลับไปเท่านั้น นางก็หันไปมองชายหนุ่ม พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “ไอ้สวะ ว่ามาสิ เจ้าอยากได้เงินเท่าไร?”
ดวงตาของชายหนุ่มลุกวาว ก่อนจะโพล่งออกไปด้วยความโลภ “หนึ่งร้อยตำลึง!”
ความตื่นเต้นดีใจทางสีหน้าของเขา ทำให้เหยาซูนึกรังเกียจอย่างอดไม่ได้
สายตาของนางเยือกเย็น พลางกัดฟันพูดว่า “ถ้าข้าให้เงินแก่เจ้า เจ้าจะปล่อยเราแม่ลูกไปใช่หรือไม่?”
นั่นคือเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงเชียวนะ! มันมากพอที่จะทำให้เขาไปต่างถิ่นได้สบาย จากนั้นก็ลงหลักปักฐานของตัวเอง ส่วนเงินที่เหลือก็ทำกิจการเล็ก ๆ
ต่อไปก็ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไร้ที่อยู่อาศัยเช่นนี้อีกแล้ว!
แต่…
ชายหนุ่มไม่ได้มีนิสัยกล้าหาญเพียงนั้น ในศาลเจ้าหลักเมืองที่ผุพังแห่งนี้ มีเพียงหญิงสาวที่อ่อนแอเกินกว่าจะมัดไก่ได้ผู้นี้ เรียวแขนบอบบางเนียนละเอียดของนาง ไฉนเลยจะสู้แรงของเขาได้?
ความคิดชั่วร้ายที่ผุดขึ้นในใจ ทำให้ชายหนุ่มต้องเดินเข้ามาใกล้เหยาซูอย่างอดไม่ได้
“หยุดนะ!” เหยาซูตะโกนเสียงดัง
ชายหนุ่มหยุดก้าวเดินฉับพลัน จากนั้นก็คลี่ยิ้มอย่างชั่วร้าย “ทำไม? ถ้าข้าไม่หยุด เจ้าจะทำสิ่งใดกับข้า?”
หลังจากที่เขาเดินเข้ามาใกล้แล้ว เหยาซูก็เห็นถึงความละโมบอย่างไม่อาจปิดบังได้ฉายชัดอยู่ในสายตาของชายผู้นี้ ทำให้รู้สึกอยากอาเจียนไม่น้อย
ปิ่นปักผมในมือของนางปรับมุมให้ได้องศา พลางนึกถึงคำพูดที่หลินเหราเคยพูดไว้ก่อนหน้านั้น
จุดอ่อนที่สุดในร่างกาย ไม่มีอะไรนอกจากดวงตาและลำคอ
เหยาซูสบตากับชายหนุ่มร่างผอมและสูงใหญ่อย่างไม่เกรงกลัว พลางพูดด้วยเสียงเย็นชา “ถ้าเจ้ารับเงินอย่างว่าง่ายและไปจากที่นี่เสีย เรื่องในวันนี้ข้าจะไม่ถือโทษเอาความ และต่อไปจะไม่ส่งคนไปตามหาตัวเจ้าอีก”
จากนั้นนางก็ตะโกนต่อว่า “ถ้าเจ้าริอ่านทำอย่างอื่น! อย่ามาหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
ชายหนุ่มอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด เหยาซูพูดข่มขู่ต่อ “สามีของข้าเป็นราชองครักษ์ของฝ่าบาท หากเจ้าทำร้ายเราสามแม่ลูกให้บาดเจ็บแม้แต่ปลายก้อย ต่อให้จะซ่อนตัวไกลสุดขอบฟ้า เขาก็จะตามล่าเจ้าให้จงได้!”
ชายหนุ่มร่างผอมตื่นตระหนกไปชั่วขณะ สามีของหญิงสาวผู้นี้ เป็นถึงราชองครักษ์ของฝ่าบาทเชียวหรือ?! เหตุใดพี่หยางถึงไม่บอกก่อนหน้านี้?
เขาเผยสีหน้าเคร่งเครียดทันใด แววตาเริ่มหวั่นไหว “ถ้าข้าปล่อยพวกเจ้าไป เจ้าจะรับประกันหรือไม่ว่าจะไม่ส่งคนไปตามล่าข้า?”
ครั้นเหยาซูเห็นเขาดูเหมือนจะคล้อยตาม ในใจกลับไม่ได้รู้สึกโล่งใจแต่อย่างใด นางทำได้เพียงแค่พยักหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา “เรื่องที่ข้ารับปากแล้ว ย่อมทำตามแน่นอน”
ชายหนุ่มครุ่นคิดไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดว่า “เช่นนี้ เจ้านำเงินมาให้ข้าก่อน!”
เหยาซูส่ายหน้า “ข้าไม่ได้พกเงินมากมายขนาดนั้น ทั้งเนื้อทั้งตัวที่มีในตอนนี้ไม่เกินห้าสิบตำลึง”
ชายหนุ่มเห็นนางดูไม่เหมือนโกหก จึงขบฟันแน่นพลางตะโกนว่า “เอาออกมา!”
เหยาซูไม่ได้โกรธอีกฝ่าย รีบล้วงหยิบเงินออกมา จากนั้นก็ยื่นให้ “เงินห้าสิบตำลึง มากพอที่จะทำให้เจ้าไปไกลยังต่างถิ่นได้ ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายในทุกวัน ตราบใดที่เจ้าอยู่อย่างสงบ จะไม่มีใครไปตามรังควานเจ้าอย่างแน่นอน”
ชายหนุ่มรับถุงเงินที่อยู่ในมือของเหยาซู หลังจากเปิดออก ทำการนับคร่าว ๆ ก็น่าจะราว ๆ ห้าสิบตำลึงเห็นจะได้
ในมือของเขาถือเงินที่สามารถเลี้ยงปากท้องของตัวเองได้โดยไร้ความกังวล เขาหมุนตัวเตรียมจะเดินจากไป
แต่ครั้นเห็นท่าทางเย็นชาของหญิงสาวตรงหน้า เห็น ๆ อยู่ว่าดูอ่อนแอไร้กำลัง แต่กลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายเย็นเยือกที่แตกต่างอย่างชัดเจน
ในใจของชายหนุ่มร่างผอมคันยุบยิบราวกับมีมดนับไม่ถ้วนแทรกตัวเข้าไป พาให้จิตใจไม่เป็นของตัวเอง
บัดนี้ในศาลเจ้าที่ผุพังแห่งนี้ก็มีแค่พวกเขาสองคน หากเขาทำสิ่งใด แล้วจะเป็นอย่างไรเล่า?
ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายของนางก็ยังมีเด็กทั้งสองคน ออกแรงข่มขู่เล็กน้อย นางก็ไม่กล้าต่อต้านแล้ว…
สายตาของชายหนุ่มตกมาอยู่บนใบหน้าที่งดงามและเนียนใสของเหยาซู
ครั้นเห็นแววละโมบในสายตาของชายหนุ่ม ในใจของเหยาซูก็สะท้านในทันที รู้ว่าวันนี้คงจะรับเงินแล้วแยกย้ายไม่ได้แล้ว
ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้ นางคงทำได้เพียงแค่หาทางถ่วงเวลา
นางทำเป็นไม่รู้ความคิดของชายหนุ่ม และเอ่ยถามด้วยเสียงเย็นชาว่า “เราสามแม่ลูกมักจะขัดหูขัดตาผู้อื่นเสมอ ต้องลำบากตรากตรำ แต่เจ้ากลับลักพาตัวลูกทั้งสองคนมาข่มขู่ข้าอย่างนั้นหรือ?”
ชายหนุ่มเก็บเงินตำลึงกองนั้น พร้อมกับหัวเราะออกมา “เมืองนี้เป็นสถานที่ซ่อนความสกปรกโสมมได้ดีที่สุดในใต้หล้า เจ้าไม่สามารถพูดได้ เมื่อยามล่วงเกินใคร…”
เหยาซูพูดอย่างเย็นชา “ไม่ว่าจะเป็นใคร หากสามีของข้าตามตัวเจอ เขาย่อมไม่ปล่อยไว้แน่!”
เมื่อได้ยินดังนี้ ฝีเท้าของชายหนุ่มก็หยุดชะงักลง
เขาสาปแช่งในความคับอกคับใจของตัวเองอยู่ภายใน ก่อนจะพูดด้วยท่าทางโหดร้ายแต่ในใจกลับกลัวจนตัวสั่น “ใครเล่าจะรู้ว่าเจ้าพูดความจริงหรือพูดโกหก? หากเจ้ามีสามีเป็นราชองครักษ์ของฝ่าบาทอะไรนั่นจริง ๆ แล้วเหตุใดถึงพาเด็ก ๆ ออกมาอยู่โรงเตี๊ยมกันเพียงลำพังเล่า?”
เหยาซูยิ้มเยือกเย็น ดวงตาดอกท้อเรียวงามที่ทอแสงประกายในตอนแรก บัดนี้ได้แฝงไปด้วยความเย็นเยือกดุจใบมีดที่ออกจากฝักภายใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้า “ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ลองดูร่องรอยใต้เงินตำลึงนั้นดี ๆ สิ นี่คือเงินที่ได้รับพระราชทานมาจากฝ่าบาท”
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาจากเงินตำลึงอีกกองอยู่บนหน้าอก เขาเดินเข้าใกล้เหยาซูทีละก้าว ใบหน้าเคร่งขรึม
เหยาซูขมวดคิ้ว พลางตะโกนเสียงดังว่า “หยุดนะ! ลองก้าวมาข้างหน้าอีกก้าวเดียวสิ!”
เขาไม่เคยเห็นหญิงสาวที่งดงามอย่างเหยาซูในระยะที่ใกล้เพียงนี้มาก่อนในชีวิต ยามปกติ เขาทนมาพอแล้วกับท่าทางหยิ่งยโสและทำตัวสูงส่งของหญิงสาว
บัดนี้ข้างกายของนางมีเพียงแค่เด็กน้อยสองคน อ่อนแอไร้ทางสู้ กล้าดีอย่างไรถึงมาพูดกับเขาเช่นนี้?!
รอยยิ้มอันชั่วร้ายได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา เหมือนกับกำลังรอคอยความหวาดกลัวบนใบหน้าของนาง จึงพูดข่มขู่ว่า “ตกลงกันแล้วว่าหนึ่งร้อยตำลึง วันนี้ห้าสิบตำลึง คงซื้อได้เพียงชีวิตของเด็กน้อยที่อยู่ด้านนั้นคนเดียว ส่วนอีกคน ข้าต้องพาไปด้วย”
เหยาซูแสดงท่าทางปกป้องตัวเองทันใด ดวงตาคู่งามแฝงด้วยโทสะ “เจ้ากล้าหรือ?!”
ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างมีความสุข “เหตุใดข้าจะไม่กล้าเล่า? เจ้าเลือกสิ ว่าจะเอาคนพี่หรือจะเอาคนน้อง?”
นัยน์ตาของเหยาซูฉายแววโกรธเกรี้ยว ความคลุ้มคลั่งได้กระตุ้นความคิดชั่วช้าและความเลวทรามในใจของชายหนุ่ม เวลานี้เขาไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกแล้ว ยื่นมือออกไปคว้าอาซือที่ยังหลับใหล “ถ้าเจ้าตัดใจเลือกไม่ได้ เช่นนั้นก็ทิ้งแม่หนูคนนี้ให้ข้า!”
…………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เอาปิ่นในมือแทงลูกตามันเลยค่ะอาซู ได้คืบจะเอาศอกนัก
ไหหม่า(海馬)