ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 283 จะต้องลากตัวมือมืดที่บงการอยู่เบื้องหลังออกมาให้จงได้!
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม
- บทที่ 283 จะต้องลากตัวมือมืดที่บงการอยู่เบื้องหลังออกมาให้จงได้!
บทที่ 283 จะต้องลากตัวมือมืดที่บงการอยู่เบื้องหลังออกมาให้จงได้!
บทที่ 283 จะต้องลากตัวมือมืดที่บงการอยู่เบื้องหลังออกมาให้จงได้!
“นี่มัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น! มี…มีคนตาย!”
เสียงร้องแหลมของหญิงสาวผู้หนึ่งดังมาจากนอกศาลเจ้า
เหยาซูได้สติกลับมาเพราะเสียงนี้ นางเงยหน้าขึ้น และมองออกไปนอกประตู
ภายใต้แสงอาทิตย์อันร้อนระอุนอกศาลเจ้า มีหญิงสาวที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหยาบกระด้างผู้หนึ่งยืนอยู่ สีหน้าที่ดูโหดร้ายดุดัน บัดนี้กำลังตื่นตกใจจนหน้าถอดสีกับเหตุการณ์นองเลือดภายในศาลเจ้า
หลินเหรารีบคว้าตัวของเหยาซูมาปกป้องไว้ด้านหลังของตัวเองทันที จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “เจ้าเป็นใคร?!”
หญิงสาวผู้นั้นมีสีหน้าตื่นตกใจอย่างชัดเจน นัยน์ตาฉายแววหวาดผวาออกมา นางยกเท้าเตรียมวิ่ง แต่กลับถูกหลินเหราตะโกนเรียกไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้!”
อาจเพราะสถานการณ์อันโหดร้ายนองเลือดภายในศาลเจ้าค่อนข้างน่าหวาดกลัวเกินไป หรือไม่ก็เป็นเพราะการข่มขู่ทางสายตาแดงเลือดอันดุดันคู่นั้นของหลินเหรา หญิงสาวจึงหยุดชะงักฝีเท้าฉับพลัน แม้แต่ครึ่งก้าว ก็ยังไม่กล้าขยับ
หลินเหราทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกพละกำลังที่ไม่มากนักดึงชายเสื้อของตนไว้
เขาพูดกับเหยาซูที่อยู่ในอ้อมกอดอย่างแผ่วเบา “มีคนปรากฏตัวในสถานที่เกิดเหตุ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องในวันนี้ ข้าจะไปถามนาง อาซู เจ้าอยู่ได้ใช่หรือไม่?”
น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
เหยาซูพยักหน้าเล็กน้อย น้ำเสียงของนางยังคงตึง ๆ ทำได้เพียงแค่กดเสียงต่ำ “ข้าไม่เป็นไร ท่านไปเถอะ…”
หลินเหราเช็ดคราบเลือดที่เปื้อนอยู่บนแก้มของเหยาซูอย่างรักใคร่ ฝ่ามือที่มีพละกำลังนั้นได้ลูบไปบนศีรษะของนางเพื่อปลอบโยน พลางลั่นสัญญา “ข้าจะรีบกลับมา เจ้าต้องรออยู่ที่นี่ ตกลงไหม?”
ครั้นหลินเหราเห็นภรรยาพยักหน้า จึงตั้งใจเคลื่อนศพที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นไปไว้ด้านข้าง ไม่ให้เหยาซูเห็น จากนั้นก็เดินออกไปนอกศาลเจ้าด้วยสีหน้าอาฆาตอย่างชัดเจน
หญิงสาวผู้นั้นกำลังยืนอาบแสงอาทิตย์อยู่ด้านนอก แต่กลับรู้สึกหนาวสะท้านตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมา และลามไปยังแผ่นหลัง ทำให้นางตัวสั่นระริกไปทั่วตัว
ชาวบ้านในตลาด มักหาทางรอดให้ตัวเองเสมอ
หญิงสาวไม่กล้าวิ่งหนี จึงรีบขอความเมตตา “พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่ม! ข้าแค่ผ่านทางมาเท่านั้น ล้วนไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น! ไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น! หวังว่าพ่อหนุ่มจะไว้ชีวิตข้า…”
หัวคิ้วของหลินเหราขมวดเข้าหากันเล็กน้อย พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “จงตอบในสิ่งที่ข้าถามเจ้า แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป”
หญิงสาวพยักหน้าโดยพลัน “เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ! พ่อหนุ่มมีอะไรก็รีบถามข้ามาได้เลย!”
ชายหนุ่มเดินขึ้นหน้าเล็กน้อย เนื่องจากมีรูปร่างที่สูงกว่าหญิงผู้นั้น ทำให้รังสีแผ่ขยายออกมากดตัวนางไว้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงสีหน้าเย็นเยือกและดวงตาดุจหมาป่าเดียวดายคู่นั้นของเขา มันพาให้คนที่สบสายตาคู่นี้มีเม็ดเหงื่อเย็นผุดซึมออกมา
“เจ้ารู้จักคนในศาลเจ้าหรือไม่?”
หญิงสาวนิ่งอึ้ง แต่ชั่วครู่ก็ได้สติกลับมา คนที่เขากำลังถามถึงน่าจะเป็นคนตายผู้นั้น
หลินเหราเคยชินกับการสอบถามคนต่างถิ่นในค่ายทหาร กลิ่นอายรอบตัวได้แผ่ขยายออกมาเล็กน้อย ทำให้คนตรงหน้าขาอ่อนยวบลงทันใด
หญิงสาวรีบส่ายหน้าทันควัน “ไม่รู้จัก! ข้าน้อยไม่เคยเจอเขามาก่อน”
ดวงตาของหลินเหราเผยความเย็นยะเยือก “ในเมื่อไม่รู้จัก และไม่เคยเจอ เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่? แล้วเหตุใดถึงได้บังเอิญมาเจอกับเหตุการณ์นี้?”
หญิงสาวโอดครวญไม่หยุด หยาดเหงื่อเท่าเม็ดถั่วผุดซึมออกมาบนหน้าผาก เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะฆ่าปิดปากนาง จึงรีบปฏิเสธความสัมพันธ์ทันที “ข้าไม่รู้จักคนผู้นั้น! แต่คนที่พาข้ามา น่าจะรู้จัก…”
หลินเหรากล่าวถามด้วยเสียงเคร่งขรึม “แล้วคนที่พาเจ้ามาที่นี่ เป็นใคร? เหตุใดถึงต้องพาเจ้ามาที่นี่?”
หญิงสาวไม่อยากบอกความจริง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาเฉียบคมดุจตาเหยี่ยวก็มิปานคู่นั้น นัยน์ตาของนางก็เกิดความหวั่นไหว คำพูดที่ดูเฉลียวฉลาดในวันปกติกลับพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น
สุดท้ายก็ทำได้แค่ต้องจำยอม อธิบายอย่างละเอียด “คนผู้นั้นข้าเองก็ไม่รู้จัก เพียงแต่พูดกับข้าว่า จะลักพาเด็กสองคนมาขายให้ข้า…”
สีหน้าของหลินเหราที่เดิมทีเย็นชาเป็นทุนเดิมก็ยิ่งเคร่งขรึมลง ราวกับถูกเมฆสีดำขนาดใหญ่ปกคลุม ไร้ซึ่งแสงสว่างใดลอดผ่าน
ขายเด็ก? ไอ้ชั่วนั่นกล้ามีความคิดเช่นนี้?!
มือของเขากำหมัดแน่น จนเกิดเสียงกรอบแกรบ ทำเอาหญิงสาวผู้นั้นตื่นตกใจจนเหงื่อเย็นผุดซึมออกมาทั่วทั้งตัว และปิดปากเงียบสนิท
“ใครกันที่อยากขายเด็กให้เจ้า?” เขาเอ่ยถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาดุจเหยี่ยวคู่นั้นได้จ้องเขม็งไปยังใบหน้าของหญิงสาว ราวกับต้องการทะลวงให้เป็นสองรูอย่างไรอย่างนั้น
หญิงสาวรู้ว่าตัวเองพูดผิดไปเสียแล้ว นางทรุดตัวลงกับพื้น พลางร้องขอชีวิตทันใด “พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่ม! แผนชั่วที่จะขายตัวเด็ก ข้าไม่กล้าทำหรอกเจ้าค่ะ! แต่วันนี้มีคนมาถามข้า ข้าน้อยเลยอยากรู้ คิดจะมาดูว่าเป็นลูกหลานตระกูลไหน…”
หลินเหราฟังคำพูดไร้สาระของนางอย่างอดทน ก่อนจะพูดด้วยเสียงเย็นชา “พอแล้ว! คนที่พาเจ้ามาเมื่อครู่คือใคร?!”
หญิงสาวน้ำตานองหน้า ส่ายหน้าพลางพูดว่า “ข้าน้อยเองก็ไม่รู้จัก! เขามีรูปร่างสูงใหญ่ มีแซ่ว่าหยาง…”
หมัดที่กำแน่นมาตลอดของหลินเหรายังไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนคลาย เขากัดฟันจนเกิดเสียงกรอด เขารู้ดีว่าคนที่คิดลักพาตัวอาซือและซานเป่าภายใต้จมูกของเหยาซู ต้องไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียวแน่นอน
คิดว่านอกจากคนที่นอนตายอยู่ในศาลเจ้าแล้ว น่าจะมีหัวหน้าอีกคน!
เขาจะไม่มีวันปล่อยให้ลอยนวลเด็ดขาด!
หลินเหราถามอีกสองสามคำถาม ครั้นเห็นหญิงสาวตอบไม่ได้จริง ๆ จึงสงบสติลง
โชคดีที่ในตอนนี้สองสามีภรรยาที่เหยาซูเจอในโรงเตี๊ยมเป็นคนเรียกทหารจากจวนตรวจการในเมืองหลวงมา
สองสามวันนี้หลินเหราและเหยาเฉามีชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองหลวงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ตรวจสอบคดีที่องค์จักรพรรดิทรงตกจากหลังม้าได้กระจ่าง ชื่อเสียงของทั้งสองคนจึงเลื่องลือไปทั่วราชสำนักและในเมืองหลวง
เมื่อจวนตรวจการเมืองหลวงได้ยินว่าเป็นลูกของหลินเหราหายตัวไป ก็รีบส่งคนออกไปตามหาทันที ไล่ตามมาจนพบหญิงสาว ขณะเดียวกับที่หลินเหราสอบเรื่องการลักพาตัวเด็กมาขายเสร็จพอดี
“ใต้เท้าหลิน!” หัวหน้าในจวนตรวจการเมืองหลวงจำหลินเหราได้ จึงรุดขึ้นหน้าเข้ามาทำความเคารพเขา
แม้ว่าหลินเหราจะไม่แสดงอำนาจชัดเจน แต่สถานะราชองครักษ์ในฝ่าบาทบัดนี้ เป็นยศขุนนางระดับสูงอย่างเป็นทางการ ย่อมต้องได้รับการเคารพเช่นนี้
อีกฝ่ายแนะนำตัวเองกับหลินเหรา “ข้าน้อยแซ่เหอ ได้ยินชื่อเสียงของท่านและเลื่อมใสมานานแล้วขอรับ!”
หลินเหราไม่ใช่คนชอบพูดจามีพิธีรีตอง บัดนี้เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นแล้ว จึงยิ่งไม่อยากเสวนาพาทีกับผู้อื่นจนเกินความจำเป็น แค่เพียงพยักหน้าเป็นมารยาทเท่านั้น
หัวหน้าเหอมีสายตาบอกเป็นนัย ๆ จึงกล่าวถามเพียงสั้น ๆ ว่า “บัดนี้เจอกับใต้เท้าหลินแล้ว คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคงจะได้รับการแก้ไขแล้วกระมัง? ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังมีส่วนไหนให้เราช่วยเหลืออีกหรือไม่ขอรับ?”
หลินเหราเอ่ยปาก “คนผู้นี้คือคนที่ไอ้ชั่วนั้นเรียกตัวมาทำการค้ามนุษย์ คิดว่าคงเป็นนักโทษเช่นกัน ยกให้เป็นหน้าที่ของใต้เท้าเหอแล้วกัน”
แม้ว่าหัวหน้าเหอจะดูอ่อนเยาว์ แต่กลับมีมารยาทอย่างมาก รีบโบกมือไปมาพร้อมกล่าวว่า “มิกล้า” จากนั้นก็ตะโกนสั่งให้ลูกน้องคุมตัวหญิงสาวผู้นั้นไว้
หลังจากที่สั่งการเหล่านี้เสร็จสิ้น เขาก็เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า “ฮูหยินและเด็ก ๆ ยังปลอดภัยใช่หรือไม่ขอรับ?”
หลินเหราพยักหน้า “ทุกคนปลอดภัย ขอบคุณใต้เท้าที่นึกถึง”
หัวหน้าเหอใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตในจวนตรวจการเมืองหลวง ย่อมมีความไวต่อความรู้สึกมากกว่าผู้อื่น เขาได้กลิ่นคาวเลือดที่เหมือนจะไม่มีแต่ก็มีปะปนอยู่ในอากาศนานแล้ว
เมื่อสอดสายตาเข้าไปมองสถานการณ์ภายในศาลเจ้าหลักเมือง เขาก็พลันตื่นตกใจ โบกมือสั่งการลูกน้องที่อยู่ข้างกายให้ถอย จากนั้นก็กล่าวถามหลินเหราด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ใต้เท้าหลิน คนชั่วผู้นั้นถูกสังหารแล้วใช่หรือไม่?”
ถึงอย่างไรศพของคนชั่วผู้นั้นต้องส่งต่อให้พวกเขา เขาจึงตั้งใจซ่อนมันไว้ แต่คนอื่นสามารถมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นออกได้เพียงแวบเดียว
เขาบอกไปตรง ๆ “คนชั่วมีอย่างน้อยสองคน หนีไปได้หนึ่งคน อีกคนคิดจะทำร้าย จึงถูกภรรยาของข้าปลิดชีวิต”
หัวหน้าเหอตื่นตกใจ ถูกฮูหยินของหลินเหราจัดการอย่างนั้นหรือ?
เขาไม่ได้แสดงท่าทีตกใจออกมา ครั้นเห็นหลินเหราแสดงความจริงใจ จึงรู้ว่าเขาไม่ตั้งใจจะปิดบัง ทำได้แค่พยักหน้าและพูดว่า “ข้าน้อยพาคนมาช้าเกินไป เป็นความหละหลวมของเราเอง เรื่องศพของคนชั่ว จวนตรวจการจะเป็นฝ่ายจัดการขอรับ”
ในใจของหลินเหรายังคงเป็นห่วงเหยาซูและพวกเด็ก ๆ จึงทำได้แค่พยักหน้า จากนั้นก็ยกมือแสดงความเคารพต่อหัวหน้าเหอ “เรื่องในวันนี้ ไว้ข้าจะไปปรึกษาหารือกับใต้เท้าวันหลัง ตอนนี้ภรรยาของข้ากำลังอยู่ในอาการตื่นตกใจ ต้องประทานอภัยที่ไปกับท่านไม่ได้ วันหน้าข้าจะไปกล่าวขอบคุณถึงที่”
หัวหน้าเหอโบกมือไปมา “มิกล้า มิกล้า! เรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ของข้าน้อย ใต้เท้ารีบไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยาเสียเถอะขอรับ!”
ขณะกล่าว เขาได้ชี้ไปยังรถม้าที่ลูกน้องบังคับอยู่คันหนึ่ง แล้วยกให้หลินเหราใช้งาน
หลินเหรายกมือขึ้นมาคารวะ จากนั้นก็หมุนตัวกลับเข้าไปในศาลเจ้าหลักเมือง
ภายในศาลเจ้าเหยาซูยังคงนั่งอยู่ในที่ที่แสงอาทิตย์สาดส่องไม่ถึง กำลังตั้งใจเช็ดมือซ้ายให้สะอาด จากนั้นก็ลูบแก้มของเด็ก ๆ ที่กำลังหลับไหลอย่างอ่อนโยนและอบอุ่นแผ่วเบา
หลินเหราเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดไร้เลือดฝาดของนาง ก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ ก่อนจะขานเรียกด้วยเสียงแหบแห้งอย่างอดไม่ได้ “อาซู เรากลับกันเถอะ”
เหยาซูเพิ่งได้ตระหนักได้ในตอนที่เขาเดินเข้ามาแล้ว
นางปรายตามอง สายตาคู่นั้นซ่อนความรู้สึกที่หลินเหราไม่เข้าใจไว้ ก่อนจะกล่าวถามด้วยเสียงแหบแห้ง “คนผู้นั้นเป็นใคร? เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มีคนบงการอยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่? ใครกันที่อยากจะทำร้ายลูกของเรา?”
หลินเหราย่างเดินเข้ามาใกล้ จากนั้นก็นั่งยองลงตรงหน้าของนาง และเอ่ยเสียงต่ำว่า “เอาละ อาซู เราไปกันก่อนเถอะ ….ตอนนี้คนของจวนตรวจการเมืองหลวงมาถึงสถานที่เกิดเหตุแล้ว ไว้กลับไปถึงจวนข้าจะค่อย ๆ อธิบายให้เจ้าฟัง ตกลงหรือไม่?”
เหยาซูค่อย ๆ กำหมัด
นางไม่ได้คาดหวังว่าจะเค้นเอาตัวของตู้เหิงออกมาวันนี้ เพียงแต่คนที่บงการอยู่เบื้องหลัง จะต้องเป็นนางแน่นอน!
คิดได้ตรงนี้ ความโกรธภายในใจของเหยาซูก็สกัดกั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไป นางมองหลินเหรา พลางเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งว่า “เรื่องนี้จะเป็นเช่นนี้ไม่ได้”
ครั้นเห็นนางเสแสร้งทำเป็นแข็งแกร่งและดื้อรั้น ในใจของหลินเหราก็อ่อนยวบลง พลางให้สัญญาด้วยเสียงเบาว่า “แน่นอน คนที่กล้าทำกับภรรยาของข้า ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เขาลอยนวลแน่นอน อาซู เรื่องนี้ข้าจะเป็นคนสืบหาเอง เจ้าวางใจเถอะ”
หลินเหราอุ้มเด็กทั้งสองคนที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่บนฟางข้าวขึ้นมา พลางขานเรียกนางอย่างแผ่วเบา “อาซู ไปกันเถอะ”
เหยาซูไม่อยากอยู่ที่นี่นานนัก เด็ก ๆ อาจจะตื่นได้ตลอดเวลา นางไม่อยากให้พวกเขาเห็นภาพที่น่ากลัวเพียงนั้น จึงลุกขึ้นตามหลินเหราไปติด ๆ
ทั้งสองคนเดินออกมาจากศาลเจ้าหลักเมืองอย่างช้า ๆ ภายนอกศาลเจ้าทุกคนกำลังยืนอยู่ไกล ๆ มีเพียงรถม้าคันเดียวที่จอดอยู่ตรงหน้าประตู
หลินเหราพาภรรยาขึ้นไปบนรถม้า จากนั้นก็บังคับตรงไปยังจวนเซี่ย
แววตาของเขาหนักแน่น แต่ในใจกลับสาบานอยู่เงียบ ๆ
จะต้องลากตัวคนแซ่หยาง และมือมืดที่บงการอยู่เบื้องหลังออกมาให้จงได้!
……………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอาแล้ว…พี่เหราตามล้างแค้นให้เมียแล้ว นังตู้เตรียมตัวตายคามือพี่แกได้เลย ต่อให้เป็นผู้หญิง แต่ถ้ามาทำร้ายอาซู พี่แกก็ไม่เว้น บอกเลยยย
ไหหม่า(海馬)