ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 286 สมแล้วที่ท่านและอาจื้อเป็นพ่อลูกกัน
บทที่ 286 สมแล้วที่ท่านและอาจื้อเป็นพ่อลูกกัน
บทที่ 286 สมแล้วที่ท่านและอาจื้อเป็นพ่อลูกกัน
“พี่รองคิดว่า เรื่องในวันนี้ มีความเกี่ยวข้องกับแม่นางตู้มากเพียงใด?”
หลินเหราไม่ได้โง่
หากเขาต้องเชื่อใจตู้เหิงอีกครั้ง จะต้องไตร่ตรองในทุก ๆ ด้าน ยิ่งไปกว่านั้นเขาและตู้เหิงก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอะไรต่อกัน
เมื่อเช้าเพิ่งเจอกับตู้เหิง ตกบ่ายก็เกิดเรื่องกับเหยาซู คนที่เขาสงสัยเป็นคนแรกจึงเป็น ‘ตู้เหิง’ ที่มักจะอยู่ข้างกายตนเองตลอดเวลาผู้นี้
เหยาเฉาพูดด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “แม่นางตู้? เจ้าไม่ได้คิดว่านางมีนิสัยดี ตระกูลดี ทำสิ่งใดก็ล้วนดีไปหมดอย่างนั้นหรือ?”
หลินเหราขมวดคิ้วทันใด จากนั้นก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “พี่รอง เรื่องหยอกล้อทำนองน้ันไว้เล่นกันวันหลัง ข้าไม่เคยบอกเช่นนี้ และไม่เคยคิดเช่นนี้ด้วย ถ้าอาซูรู้เรื่องไร้สาระนี้เข้าจะยิ่งทำให้ความกลุ้มใจของนางเพิ่มขึ้น”
เหยาเฉาส่งเสียงหึออกมา ก่อนจะเบ้ปาก “เอาเถอะ”
หลินเหราปวดหัวมาก “พี่รอง ข้ากำลังพูดจริงจังกับพี่อยู่นะ”
เหยาเฉารีบดึงสีหน้าจริงจัง เก็บรอยยิ้มหยอกเย้าและอารมณ์เมื่อครู่ทันที
เขามองหลินเหราพลางเอ่ยถามว่า “อาเหรา เจ้าต้องรับปากข้าตรง ๆ ว่าเจ้ากับแม่นางตู้จะไม่ติดต่อกันเป็นการส่วนตัวอีก?”
หลินเหราตอบอย่างเด็ดเดี่ยว “ข้าจะไม่ติดต่อกับนางอีก”
เหยาเฉาจ้องเขม็งไปทางหลินเหราครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พูดว่า “เยี่ยม ข้าเชื่อใจเจ้า”
คิ้วรูปดาบของหลินเหราขมวดเข้าหากัน ในใจกลับยังไม่เข้าใจ “เหตุใดพี่รองถึงถามเช่นนี้?”
นิ้วมือเรียวยาวของเหยาเฉาได้ลูบปลายคาง พลางนึกย้อนกลับไปในห้วงความทรงจำก่อนจะพูดว่า “บางทีอาจเพราะเจ้ามองไม่ออกยามที่อยู่กับนาง แต่ในสายตาของคนภายนอก…แม่นางตู้ผู้นั้น ค่อนข้างดูคุ้นเคยกับเจ้ามาก กระทั่งข้าสังเกตเห็นว่านางเข้าใจเจ้ามากกว่าใคร ๆ ”
ใบหน้าที่นิ่งสงบของหลินเหราได้แสดงความประหลาดใจ ก่อนจะโพล่งออกไปด้วยความงุนงง “ข้า…ไม่เคยเห็นนางเช่นนั้นมาก่อน”
เหยาเฉาแค่นเสียงหึออกมาก่อนจะแสดงสีหน้ารังเกียจ “ความสามารถในการสังเกตสีหน้าและคำพูดของเจ้าช่างเหมือนเด็กน้อยยิ่งนัก”
หลินเหราคิดในใจ แม่นางตู้ผู้นั้นมักจะปกปิดใบของตนเองหน้าเสมอ เขาจะสังเกตสีหน้าและคำพูดของนางได้อย่างไร? จ้องตาของแม่นางผู้นั้นก็ไม่ได้ เขาคงจะมองออกอยู่หรอก
คำพูดเหล่านี้เขาได้กลืนมันลงคอ ไม่พูดออกมาจนสร้างความขุ่นเคืองให้เหยาเฉา
ตระกูลเหยาเป็นคนอย่างไรกันแน่? เหยาซูและเหยาเฉาเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ ยามโกรธเกรี้ยวช่างเหมือนกันไม่มีผิด
ครั้นเห็นหลินเหราไม่ตอบรับ เหยาเฉาจึงคร้านจะเสวนามากความกับเขา ทำได้แค่พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “กลับมาประเด็นหลัก เรื่องในวันนี้ จะต้องลากตัวมือมืดที่บงการอยู่เบื้องหลังออกมาให้จงได้”
หลินเหราพยักหน้า “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
ในใจของเหยาเฉาเดาได้ว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับแม่นางตู้ผู้นั้นแน่นอน จึงแสยะยิ้มเย็นชา พลางพูดกับหลินเหราว่า “เรื่องนี้ข้าไม่ขอร่วมสืบหากับเจ้านะ เราต่างคนต่างหา”
ไม่ทันรอให้หลินเหราขมวดคิ้ว เหยาเฉาก็เบ้ปากเอ่ยถาม “คนที่ตายแล้วผู้นั้นจัดการอย่างไร?”
หลินเหราตอบตามตรง “คนของจวนตรวจการเมืองหลวงพาตัวไปแล้ว”
ช่วงนี้พวกเขาสองคนไม่มีภารกิจต้องทำ องค์จักรพรรดิก็วุ่นอยู่แต่กับการให้เซี่ยเชียนจัดการปัญหากวนใจในวัง จึงลืมพวกเขาไปชั่วขณะ หลินเหราและเหยาเฉาจึงไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ
เหยาเฉาพยักหน้าและพูดว่า “คดีนี้ทำคนเดียวไม่ได้ ตอนนี้อาซูต้องการคนดูแล เจ้าอยู่ที่นี่เสีย ข้าจะไปดูศพในจวนตรวจการ ดูว่าจะมีเบาะแสอะไรเพิ่มเติมบ้าง”
หลินเหราไม่ได้ประหลาดใจ หลังจากที่บอกข้อมูลที่เขาเข้าใจให้เหยาเฉากระจ่างแล้ว ก็ยืนส่งเขาจากไป
เมื่อหลินเหราหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง กลับเห็นเหยาซูนั่งอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางเหม่อลอย ราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
เขาเดินเข้ามาข้างกายนางอย่างเชื่องช้า ลูบศีรษะของเหยาซูเพื่อปลอบโยนเบา ๆ “อาซู เป็นอะไรหรือ?”
เหยาซูขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ท่านนั่งสิ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”
เหยาซูนั่งอยู่หน้าโต๊ะอย่างเงียบ ๆ ดวงตาดอกท้อเรียวงามที่ดูสุกสกาว บัดนี้ไร้ซึ่งความอบอุ่นเหมือนในวันปกติ แต่เพิ่มความเคร่งขรึมเข้ามา
ครั้นหลินเหราเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของนาง จึงอดนั่งตัวตรงไม่ได้ ได้แต่รอนางเอ่ยปาก
“ข้าจะปรึกษากับท่านเรื่องอนาคต” นางเผยอริมฝีปากเล็กน้อย เสียงที่เปล่งออกมาแหบแห้ง นางเอ่ยถามหลินเหราว่า “ท่านหาที่อยู่อาศัยสำหรับเราแม่ลูกแล้วใช่หรือไม่?”
หลินเหรามองเข้าไปในดวงตาของนางอย่างจริงจัง แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำ “ก่อนหน้านั้นเราปรึกษากันแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าจะหาบ้านที่ดีที่สุดในเมืองหลวง รับเจ้า อาซือ และซานเป่ามาที่นี่ ต่อไปอาจื้อจะต้องเรียนหนังสือในจวนเซี่ย ไม่ก็ต้องเข้าสถาบันกว๋อจื่อเจี้ยน เราจะอยู่ด้วยกันที่นี่ตลอดไป”
ที่เขาพูดคือทั้งสองคนจะต้องนึกถึงอนาคตที่สวยงาม และมีชีวิตที่เงียบสงบดั่งที่เหยาซูฝันไว้
เพียงแต่…ยังดูไร้อนาคตอยู่เลือนราง
นางเก็บความรู้สึก ก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “ข้าหวังว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่อาเหรา ข้าอยากจะขอร้องท่านสักเรื่อง”
หลินเหราวางมือทั้งสองข้างลงบนเข่าแน่น นัยน์ตานิ่งสงบ “อาซู เจ้าว่ามาได้เลย”
ดวงตาคู่นั้นของนางหวั่นไหวเล็กน้อย สุดท้ายก็ยังพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ข้าอยากให้ท่านรับปาก ว่าต่อไปจะไม่ไปมาหาสู่กับแม่นางตู้อีก”
หลินเหรานิ่งอึ้งเล็กน้อย
ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปาก เหยาซูก็พูดเสริมว่า “ข้าไม่อยากให้ท่านเจอนางอีก ข้าหึง”
เมื่อนางพูดจบ หลินเหราพลันรู้สึกว่าความห่างเหินระหว่างพวกเขาสองคนเหมือนจะคลี่คลายลง รู้สึกปลอดโปร่งในทันใด
เขาพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “อาซู ข้ารับปากเจ้า ต่อไปจะไม่เจอนางอีก”
ความตึงเครียดของเหยาซูผ่อนคลายลงในทันใด
หลินเหราไม่เคยให้สัญญาง่าย ๆ เรื่องที่เขารับปาก เขาจะต้องทำมันได้แน่นอน
เช่นนั้นเค้าโครงเรื่องในนิยายต้นฉบับ จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกชั่วชีวิต?
ครั้นเห็นหลินเหราโน้มตัวลงมาตรงหน้าทีละน้อย แล้วใช้มือกุมมือเล็ก ๆ ของเหยาซู เขามองเข้าไปในดวงตาของนางพลางพูดสุ้มเสียงจริงจังว่า “อาซู ก่อนหน้านั้นข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรติดต่อกับแม่นางตู้ ไม่ควรไปดูบ้านกับนางด้วยกัน…ข้าทำให้เจ้าเสียใจ อาซู ข้าขอโทษ”
ฝ่ามือใหญ่และแข็งแรงของเขา แฝงไปด้วยความอบอุ่นและแห้งกร้าน แต่มันกลับช่วยปลอบประโลมหัวใจของเหยาซูทีละน้อย
นางยิ้ม ฟันสีขาวสะอาดกัดริมฝีปากเบา ๆ ก่อนจะพูดหนักแน่นว่า “ต่อไป ถ้าข้าทะเลาะกับนาง ท่านจะช่วยข้างไหน?”
ท่าทางเจ้าเล่ห์ของนางนั้นทำให้หลินเหราหลงรักมากขึ้น เขาตอบโดยไม่คิดว่า “ต้องช่วยเจ้าแน่นอน”
หลินเหราพูดกับเหยาซูอย่างจริงจังโดยไม่ต้องให้ผู้ใดมาชี้แนะ “อาซู เจ้าวางใจเถอะ ไม่ว่าวันหน้าเจ้าจะมีเรื่องบาดหมางกับใคร ข้าจะอยู่ข้างเจ้าเสมอ”
เหยาซูยิ้ม “แล้วถ้าข้าผิดเล่า?”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่มีทาง ต่อให้เจ้าผิด ข้าจะผิดไปพร้อมกับเจ้า”
เหยาซูตื่นตกใจที่เขาพูดเช่นนี้ จึงอดถามไม่ได้ “พี่รองสอนให้พูดเช่นนี้หรือ?”
หลินเหราตะลึงงัน คิ้วรูปดาบขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “นี่คือสิ่งที่พูดออกมาจากใจของข้า”
มุมปากของชายหนุ่มยังคงมีคราบเลือด เหยาซูยื่นหน้าเข้าไป แล้วแตะบาดแผลของเขาด้วยมือที่ไม่ได้ถูกเขากุมไว้อย่างแผ่วเบา
บางทีอาจเพราะนั่งนานเกินไป ปลายนิ้วของเหยาซูจึงเย็นเล็กน้อย นางกดลงบริเวณบาดแผลตรงมุมปากของเขาด้วยแรงที่เบาหวิวดุจขนนก ทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้ ตรงบาดแผลก็รู้สึกสบายมากขึ้นด้วย
“เจ็บหรือไม่?” นางถามเสียงต่ำ
หลินเหราส่ายหน้า “ไม่เจ็บ แผลเล็กไกลหัวใจ”
เหยาซูพูดอย่างทอดถอนใจ “พี่รองต่อยท่าน ท่านก็ต้องหลบสิ เหตุใดต้องยืนให้เขาต่อยเอาๆ ด้วยเล่า?”
น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยการตำหนิ ซึ่งทำให้คนฟังได้ยินถึงความสำคัญที่เจือปนอยู่ในนั้นอย่างง่ายดาย
หลินเหรากระตุกมุมปาก แล้วตอบรับว่า “พี่รอง พี่รองคือพี่รองของเจ้า และถือว่าเป็นพี่รองของข้า”
ดังนั้นเขาจึงไม่หลบ
เหยาซูจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ในใจอ่อนโยนลงเล็กน้อย จากนั้นก็เพ่งมองใบหน้าของหลินเหราอย่างละเอียด “สมแล้วที่ท่านและอาจื้อเป็นพ่อลูกกัน ดูท่าเขายิ่งโตคงยิ่งเหมือนท่านทุกที”
ขณะพูด ก็ได้ยินเสียงของเด็กชายดังขึ้น “ท่านแม่”
เหยาซูคลี่ยิ้มทันที ก่อนจะใช้มือข้างหน้าเท้าคางแล้วหันมองทางประตู และพึมพำเสียงต่ำ “พูดถึง ก็มาพอดีเลยนะ?”
………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เดาถูกแล้วอาเหรา มาถูกทางแล้วล่ะ เหลือแค่จะเก็บหลักฐานมัดตัวยังไงให้อยู่เท่านั้นแหละ
ลูกผู้ชายสัญญาหนักแน่นแล้วต้องทำให้ได้น้า
ไหหม่า(海馬)