ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 295 จดหมายจากหมู่บ้านตระกูลเหยา
บทที่ 295 จดหมายจากหมู่บ้านตระกูลเหยา
บทที่ 295 จดหมายจากหมู่บ้านตระกูลเหยา
เมื่อเอ่ยถึงสถานการณ์ในเมืองหลวง เหยาเฉาได้มองออกไปข้างนอก ครั้นมั่นใจว่าไม่มีใคร จึงหันกลับมาเผชิญหน้ากับหลินเหราและเหยาซูทั้งสองคน
แล้วพูดเสียงเบาว่า “บัดนี้ฝ่าบาทกำลังบรรทม มีการเคลื่อนไหวหลากหลายรูปแบบภายในราชสำนักเพิ่มมากขึ้น”
เหยาซูขมวดคิ้วเล็กน้อย และเอ่ยถาม “พวกกากเดนเหล่านั้นคงสร้างผลกระทบต่อสถานการณ์ในเมืองหลวงสินะ? แล้วเหตุใดถึงสร้างผลกระทบต่อพี่รองและอาเหราด้วย?”
เหยาเฉาแสยะยิ้มบาง ๆ ใบหน้ารูปงามแสดงสีหน้านิ่งเฉย “สำหรับข้ากับอาเหราแล้ว พวกมันคิดจะตัดแขนทั้งสองข้างของใต้เท้าเซี่ย บัดนี้ราชสำนักต่างรู้แล้วว่าข้ากับอาเหราอยู่ในจวนเซี่ย เรื่องที่อาเหรามีความสัมพันธ์กับตระกูลเซี่ยคงปิดไว้ไม่อยู่”
หลินเหรากล่าวเสียงราบเรียบ “เรื่องเช่นนี้ย่อมเกิดขึ้น”
เหยาซูนั้นฉลาด ต่อให้ไม่เคยอ่านนิยายมาก่อน และไม่เข้าใจสถานการณ์ของการเคลื่อนไหวในราชสำนัก แต่ก็มองออกถึงท่าทางลำบากใจยามอยู่ในราชสำนักของหลินเหราและเหยาเฉา
แล้วยิ่งนางเคยอ่านนิยายมาก่อนเช่นนี้ ก็ย่อมรู้แนวโน้มของการเคลื่อนไหวในอนาคต
แต่นางไม่สามารถเปิดเผยสิ่งใดมากไปกว่านี้ได้ และทำได้แค่ค่อย ๆ เอ่ยถามไปตามลำดับ “ได้ยินว่าฝ่าบาทมีพระโอรสเพียงพระองค์เดียว อำนาจนั้นจะไปไหนเสีย? ถึงอย่างไรก็ไม่พ้นคนในครอบครัว”
เหยาซูพูดอย่างมีเงื่อนงำ ซึ่งเหยาเฉาเข้าใจ หากแต่เขากลับส่ายหน้าและพูดว่า “จักรพรรดิองค์ปัจจุบันมีพระโอรสเพียงผู้เดียวไม่ผิด แต่ก็ยังมีพระนัดดาอีกไม่น้อย”
หลินเหราที่อยู่ด้านข้างได้อธิบายเพิ่มเติม “จักรพรรดิองค์ก่อนเป็นจอมเผด็จการ ละทิ้งองค์ชายไปไม่น้อยเมื่อหลายปีก่อน รัชทายาทองค์ก่อนก็ลงเอยไม่สวยนัก บัดนี้จึงรับทายาทของเหล่าพี่น้องของตนกลับมายังเมืองหลวง คอยเลี้ยงดูไปพร้อมกับองค์ชายใหญ่ในวังหลวง”
เหยาซูกล่าวเสียงเบา “เลี้ยงดูเหล่าหลาน ๆ ไม่มีปัญหา แต่กลัวว่าเลี้ยงไปเลี้ยงมาจะทุ่มเทให้ทั้งใจนะสิ….”
เหยาเฉาจิบชาหนึ่งอึก แล้วพยักหน้าเบา ๆ “ไม่หรอก บัดนี้สายเลือดในเชื้อพระวงศ์ก็เติบโตกันหมดแล้ว ปกติแล้วฝ่าบาททรงรักและพระราชทานตำแหน่งให้พวกเขาเหมือนกันไม่มีขาดตกบกพร่อง”
เหยาซูตื่นตกใจ พลันนึกถึงลู่หัวสามีที่ตู้เหิงต้องแต่งงานด้วยเมื่ออดีตชาติขึ้นได้ เขาแอบรับใช้องค์ชายเพียงผู้เดียวในองค์รัชทายาทองค์ก่อนอย่างเงียบ ๆ
นางเอ่ยถาม “ได้ยินว่าเมืองหลวงมีท่านอ๋องน้อยอยู่ผู้หนึ่ง ว่ากันว่าเป็นทายาทของรัชทายาทองค์ก่อน?”
เหยาเฉาทอดถอนใจ ก่อนจะพยักหน้ารับ “ใช่”
เขามองหลินเหราแวบหนึ่ง และอธิบายให้เหยาซูฟังด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เรื่องในตอนนั้นใคร ๆ ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นมาอย่างไร รัชทายาทองค์ก่อนถูกโค่นอำนาจฉับพลัน พาให้ตระกูลเซี่ยพินาศทั้งตระกูล….รัชทายาทองค์ปัจจุบันมีสัมพันธ์ที่ดีกับองค์ก่อนเมื่อครั้งวัยเยาว์ หลังจากขึ้นครองบัลลังก์จึงได้รับเลี้ยงองค์ชายเพียงพระองค์เดียวในรัชทายาทองค์ก่อนให้อยู่ใต้อาณัติ หลังจากที่เขาเติบใหญ่ ก็ทรงพระราชทานตำแหน่งให้เขา”
เหยาซูกัดริมฝีปากเบา ๆ ก่อนจะส่ายหน้าและพูดว่า “องค์ชายใหญ่ยังเด็กนัก ลูกพี่ลูกน้องของเขากลับโตกันหมดแล้ว….”
เหยาเฉากล่าวเสียงเบา “เป็นเช่นนี้”
หลินเหราวิเคราะห์ต่อจากเหยาซู “จวนเซี่ยเป็นสถานที่ที่ฝ่าบาททรงสร้างมากับมือ ขุนนางทั่วทั้งราชสำนักต่างรู้ดี ท่านน้าเป็นขุนนางอิสระ คอยปฏิบัติภารกิจแทนฝ่าบาทเสมอ หากต้องการตัดกำลังทางสายเลือดของฝ่าบาท ก็ต้องเริ่มจากลูกน้องใต้อาณัติอย่างจวนเซี่ยจะได้ผลลัพธ์ดีที่สุด”
เหยาซูขมวดคิ้วเล็กน้อย…ในนิยายเขียนไว้ว่าหลินเหราในเวลานี้ยังไม่เข้าเมืองหลวง และไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเซี่ยเชียน
แต่การดำเนินเรื่องในตอนนี้ ไม่รู้ว่ามันเกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร?
หลินเหราเติมน้ำชาให้แก่พวกเขาสองพี่น้อง ก่อนจะกำชับกับเหยาซูอีกครั้ง “เรื่องดูบ้านไม่ต้องรีบร้อน ถ้าเจ้าอยากไปดู เราสองคนค่อยไปด้วยกัน ห้ามออกไปข้างนอกเพียงลำพังเด็ดขาด”
นางรีบพยักหน้าตอบรับทันที “ข้ารู้แล้ว วางใจเถอะ”
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยกันนั้น ก็ได้เอ่ยถึงความคืบหน้าของคดีความในศาลเจ้าหลักเมือง เหยาเฉาได้เล่าถึงเบาะแสที่สืบหามาได้ให้ทั้งสองฟังหนึ่งรอบ สุดท้ายก็นวดขมับ “หยางซินผู้นี้ซ่อนตัวได้เก่งยิ่ง จนถึงตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอแม้แต่เงาของเขา เราต้องรีบหาตัวเขาก่อนที่เรื่องราวจะเกิดการเปลี่ยนแปลง มิเช่นนั้นการลากมือมืดที่อยู่เบื้องหลังออกมาคงเป็นไปได้ยากแน่”
เหยาซูเห็นท่าทางเหนื่อยล้าของเหยาเฉา จึงพูดอย่างปวดใจ “พี่รอง ท่านพักผ่อนก่อนเถอะ เรื่องหาตัวคนร้าย ไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องทุ่มเทมากเพียงนี้”
เหยาเฉาเป็นตัวอย่างของการเป็นคุณชายที่ดีอย่างเปิดเผยในสายตาของคนภายนอก บัดนี้ต่อหน้าน้องสาวและน้องเขย กลับอ้าปากหาวหวอดใหญ่และขยี้ตาอย่างไม่สนใจใคร
หางตาของเขารื้นด้วยหยาดน้ำตาเล็กน้อย จากนั้นก็หาวหวอดอีกครั้งก่อนจะเอ่ยว่า “น่าเสียดายที่นี่คือเมืองหลวง เราไม่คุ้นชินกับสถานที่แห่งนี้ ถ้าเป็นเมืองชิงถง ข้าคงหาตัวเขาเจอนานแล้ว ต่อให้เขาซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน แค่ได้กลิ่น ข้าก็ขุดลากเอาหัวมันออกมาได้แล้ว…”
เหยาซูคลี่ยิ้ม หลินเหราจึงพูดว่า “ความสัมพันธ์ของเมืองหลวงค่อนข้างสลับซับซ้อน อาศัยเพียงข่าวคราวจากศาลาว่าการเท่านั้น ถ้าอยากเจอคนประเภทนี้คงจะยากน่าดู พี่รองพักผ่อนก่อนเถอะ วันนี้ข้าจะออกไปสืบหาเอง”
เหยาเฉาและหลินเหราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมาพอสมควร จับมือปฏิบัติภารกิจด้วยกันมาเนิ่นนาน ระหว่างที่อยู่ด้วยกันจึงคุ้นชินกับวิถีการปฏิบัติของกันและกัน
เขาเห็นหลินเหราพูดเช่นนี้ จึงมอบหมายภารกิจสืบหาคนร้ายให้กับหลินเหราอย่างวางใจ และพยักหน้า “รอข้าตื่น ค่อยออกไปช่วยเจ้าหาแล้วกัน”
หลินเหราตอบรับ
เมื่อเหยาซูเห็นทั้งสองคนเอ่ยถึงการสืบหาข้อมูล ในใจก็พลันเกิดความคิดแวบหนึ่ง จึงพูดกับทั้งสองคนว่า “คราวนี้นับตั้งแต่จากเมืองชิงถงมา ข้าและลูก ๆ ต้องร่อนเร่ไปอยู่ในโรงเตี๊ยมไม่น้อย กิจการที่บ้านล้วนไปได้สวย ถ้าเราเปิดโรงเตี๊ยมสักแห่ง ข่าวสารจากใต้จรดเหนือ คงจะผ่านหูผ่านตาเราไม่น้อยเชียวนะ?”
เหยาเฉาตะลึงงัน ก่อนจะถามอย่างอดไม่ได้ “เปิดโรงเตี๊ยม? อาซู เจ้าอยากเปิดโรงเตี๊ยมหรือ?”
ในสายตาที่เรียบเฉยของหลินเหรา ได้ปรากฏความประหลาดใจเจือจาง
เหยาซูยิ้มเล็กน้อย และพูดกับทั้งสองคนว่า “ก่อนหน้านั้นแค่อยากจะทำกิจการหาเงินเท่านั้น เมื่อเทียบกับร้านอาหาร กิจการซื้อขาย โรงเตี๊ยมถือว่าเบาที่สุด กำไรก็สูงกว่า โชคดีที่ข้าพอจะมีเงินเก็บครอบครองบ้าง มากพอจะเปิดโรงเตี๊ยมสักแห่ง หรือสร้างขึ้นใหม่”
ขณะกล่าวนั้น นางได้จิบน้ำชาล้างคอหนึ่งอึก แล้วพูดต่อ “เมื่อครู่ได้ยินพวกท่านเอ่ยถึงเส้นสายในเมืองหลวง ข้อมูลยังไม่มากพอ ข้าเลยคิดว่า ถ้าเรามีกิจการเช่นนี้สักแห่ง ต่อไปจะทำอันใดก็คงจะราบรื่นมากขึ้น”
หลินเหราไม่ได้แสดงความคิดเห็น เหยาเฉาคลี่ยิ้มก่อนพูดกับเหยาซูว่า “มิน่าเล่าพี่สะใภ้ของเจ้าถึงได้เอ่ยเรื่องกิจการของเจ้าทั้งวัน ชมว่าสมองของเจ้าดีกว่านาง บัดนี้อาซู เจ้าช่างกล้าแสดงความคิดมากจริง ๆ”
เหยาซูยิ้ม “กล้าอะไรกันเล่า? แค่โรงเตี๊ยมหลังเดียวเอง เข้าเนื้อน่ะสิไม่ว่า แถมเข้าเนื้อด้วยทุนจำนวนมากด้วย ขอแค่อาเหราเห็นด้วย ถึงอย่างไรข้าก็มีเงินของเขาอยู่แล้ว”
ขณะพูดเหยาซูได้มองหลินเหราแวบหนึ่ง
เมื่อถูกดวงตาคู่งามของภรรยากวาดมองมา นัยน์ตาของหลินเหราก็ฉายรอยยิ้ม พลางพยักหน้าและพูดว่า “อาซู ข้าสนับสนุนเจ้า”
เหยาเฉาสำลักกับความหวานของทั้งสองคน จึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรไปชั่วขณะ
อือ เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นก้างขวางคออย่างไรก็ไม่รู้…
กระทั่งได้ยินหลินเหราถามว่า “อาซู เจ้าคิดจะซื้อร้านที่ไหน? เงินเพียงพอหรือไม่? อยากได้สหายร่วมหุ้นหรือไม่? เรื่องเหล่านี้เจ้าพูดกับข้าได้เลย อย่าแบกรับความลำบากอยู่เพียงผู้เดียว”
ยากนักที่จะได้เห็นเขาพูดมากเพียงนี้ เหยาซูรู้สึกอบอุ่นในใจ แล้วตอบรับคำเดียว จากนั้นก็พูดกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง “ข้ารู้ ท่านวางใจเถอะ”
เหยาเฉานวดขมับเล็กน้อย พลางครุ่นคิดในใจว่าสองคนนี้เพิ่งจะทะเลาะบึ้งตึงใส่กันเมื่อสองสามวันก่อน วันนี้ขจัดความห่างเหินนั้นเสียแล้ว…
นี่แหละหนาสามีภรรยา ทะเลาะกันหัวเตียงคืนดีกันปลายเตียง
หลินเหรามักจะยั่วโมโหให้เหยาซูโกรธอยู่หลายเรื่อง เพียงแต่เขามีจิตใจดี ยินดีรับผิด ยอมแก้ไข เหยาซูก็ไม่ดึงดันจะชวนทะเลาะต่อแล้ว
น้องเล็กของเรา เป็นคนขี้ใจอ่อนเสียด้วย….
เขาเห็นสามีภรรยาปรึกษาหารือกันราวกับไม่มีใครอยู่ด้วย จึงคิดจะพูดแทรก แต่ก็ต้องเงียบปากและไม่พูดสิ่งใดอีก
ทั้งสองคนกำลังคุยเรื่องความคิดที่จะสร้างโรงเตี๊ยมในอนาคต แต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าจากภายนอกอย่างฉับพลัน จากนั้นเสียงที่อ่อนหวานของฝูจู๋ก็ดังขึ้น “คุณชายเหยา มีจดหมายของคุณชาย จากหมู่บ้านตระกูลเหยาเจ้าค่ะ”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ตั้งแต่อาซูเข้ามาในนิยายเรื่องนี้ เนื้อเรื่องก็เปลี่ยนไปหลายอย่างเลย ที่แน่ ๆ เบาใจไปได้อย่างหนึ่งแล้วล่ะค่ะว่าถึงยังไงอดีตนางเอกอย่างนังตู้ก็เขมือบพี่เหราไม่ได้
หมู่บ้านตระกูลเหยามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันนะ
ไหหม่า(海馬)