ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 297 เจ้าเชื่อว่าเป็นฝีมือของแม่นางตู้ใช่หรือไม่
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม
- บทที่ 297 เจ้าเชื่อว่าเป็นฝีมือของแม่นางตู้ใช่หรือไม่
บทที่ 297 เจ้าเชื่อว่าเป็นฝีมือของแม่นางตู้ใช่หรือไม่
บทที่ 297 เจ้าเชื่อว่าเป็นฝีมือของแม่นางตู้ใช่หรือไม่
ณ จวนตู้
ตู้เหิงรู้เรื่องที่เหยาเฉาสืบหาคดีความตลอดทั้งคืน จึงส่งคนออกตามหาหยางซินอย่างเต็มที่ นางรู้สึกเครียดชนิดที่ว่าแทบกัดฟันสีเงินในปากจนแตกได้
แม้แต่อาหารเช้านางก็ไม่ยอมแตะ นั่งก็แทบจะไม่ติดที่
อาซู่เห็นดังนั้นจึงยกขนมจีบเข่งหนึ่งเข้ามาพลางกล่าวโน้มน้าว “คุณหนูมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเจ้าคะ กินของว่างเสียหน่อยเถิด วันนี้มีนัดจะออกไปชมทะเลสาบกับคุณชายลู่ไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ไม่กินของว่างได้อย่างไรกัน?”
ความกลุ้มใจที่ปรากฏขึ้นมาระหว่างหัวคิ้วของตู้เหิงไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนคลายแม้แต่น้อย นางโบกมือไปมา ปล่อยให้อาซู่วางขนมจีบเหล่านั้นลงตรงหน้าของตัวเอง
จากนั้นนางจึงส่ายหน้าพลางพูดว่า “ส่งคนออกไปบอกคุณชายลู่ด้วยว่าวันนี้ข้าไม่ค่อยสบาย ไปไม่ได้”
อาซู่ตื่นตกใจทันที “คุณหนูไม่ไปแล้วหรือเจ้าคะ? เมื่อวานคุณหนูยังเตรียมตัวจะออกไปทะเลสาบในวันนี้อยู่เลย เสื้อผ้าเครื่องประดับต่างก็ตระเตรียมไว้พร้อมแล้ว เหตุใดเช้าวันนี้ถึงได้เปลี่ยนใจเสียได้ละเจ้าคะ?”
คุณหนูไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน…
นัยน์ตาคู่งามของตู้เหิงฉายแววเย็นชาเล็กน้อยขณะมองมาทางอาซู่ “ข้าบอกไม่ไป ก็คือไม่ไป จะพูดไร้สาระเพื่อเหตุใด?”
อาซู่ก้มหน้างุด พลางตอบรับเสียงเบา “เจ้าค่ะ”
ในใจของตู้เหิงกระวนกระวายใจมาก นางไม่สนใจความรู้สึกของอาซู่แม้แต่น้อย ทำเพียงโบกมือไล่นางให้ออกไป
สายลมในยามเช้าตรู่ไม่สามารถปลอบประโลมจิตใจของตู้เหิงให้สงบลงได้ ความเขียวขจีรอบตัวกลับทำให้นางรู้สึกหนาวสะท้านเป็นระลอก
ความคิดที่วนเวียนอยู่ในสมอง ทำให้นางนั่งไม่ติดอีกต่อไป
“ถ้าหลินเหราสืบหาจนเจอล่ะ…” นางทั้งกังวล ทั้งครุ่นคิดด้วยความหวาดกลัว “ถ้าพบว่าหยางซินผู้นั้นเคยมาจวนตู้ ข้าจะทำอย่างไร?”
ตู้เหิงค่อย ๆ กำหมัดแน่นขึ้น หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่นยิ่งกว่าเดิม
ผ่านไปไม่นาน นางกัดริมฝีปากล่าง และตัดสินใจในที่สุด
“อาซู่!” ตู้เหิงตะโกนเรียกสาวใช้เสียงดัง จากนั้นจึงกล่าวกับสาวใช้ด้วยเสียงต่ำ “ไปจวนโจว พาตัวโจวหลายมาเดี๋ยวนี้”
จวนโจวคือครอบครัวฝ่ายมารดาของตู้เหิง เพราะผู้เป็นตาและยายจากโลกนี้ไปแล้ว ประกอบกับที่มารดาของตู้เหิงก็ตายจากไปก่อนแล้วเช่นกัน นางจึงไม่ค่อยสนิทกับครอบครัวฝ่ายแม่สักเท่าไร
เพียงแต่แม่โจวนั้นเหลือคนในตระกูลโจวให้แก่ตู้เหิง ซึ่งโจวหลายเป็นหนึ่งในนั้น
แม้อาซู่จะไม่เข้าใจความคิดคุณหนู แต่ก็ไปเรียกอีกฝ่ายตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
ก่อนจะย่างเท้าออกจากจวน ก็ได้ยินตู้เหิงพูดว่า “ช้าก่อน กลับมา”
อาซู่หันกลับมา แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “คุณหนูมีสิ่งใดจะสั่งหรือเจ้าคะ?”
ตู้เหิงกวักมือเรียกให้อาซู่เดินเข้ามา และสั่งนางว่า “ที่เจ้าออกไปวันนี้ ก็เพื่อไปซื้อขนมโก๋ชั้นให้ข้า คุณหนูไม่สบาย เลยอยากกินขนมโก๋ชั้นในวัยเด็กของท่านยาย เข้าใจหรือไม่?”
อาซู่ปรายตาขึ้น นัยน์ตาที่ดูโง่เขลานั้นฉายแววไม่เข้าใจ แต่ก็ยังพยักหน้า “เข้าใจเจ้าค่ะ อาซู่จะไปจวนโจว ให้โจวหลายมาส่งขนมโก๋ชั้นให้คุณหนู”
ตู้เหิงจึงพยักหน้า ให้นางไปทำภารกิจ
หลังจากที่อาซู่ออกไปแล้ว ตู้เหิงก็จิบชาหนึ่งอึกโดยที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนเผลอลวกปากตัวเอง
โจวหลายเป็นคนที่ท่านแม่เหลือไว้ให้นาง….ช่วยนางจัดการเรื่องราวต่าง ๆ โดยไม่ให้คนอื่นเห็นอยู่เสมอ
เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นอดีตชาติ หรือหลังจากที่ตู้เหิงกลับชาติมาเกิดใหม่ ก็ยังไม่เคยมีความคิดจะใช้เขาเลยสักครั้ง
นิ้วมือเรียวยาวเนียนละเอียดของนางบีบจอกน้ำชาแน่น ส่งผลให้ผิวเนื้อภายนอกโดนลวกจนแดงเถือกโดยไม่รู้ตัว ทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนจนต้องคลายมือ
คราวนี้นางเตือนตัวเอง ว่าจะใช้เขาเพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว
ขอแค่กำจัดหยางซินได้ ให้หลินเหราสืบหาตัวไม่เจอ วันข้างหน้านางจะไม่มีวันทำเรื่องเช่นนี้อีก
หลินเหรากินอาหารเสร็จก็ตรงไปยังศาลาว่าการทันที ถามไถ่ความคืบหน้าของคดี ทั้งยังช่วยข้าหลวงสวีจัดการเรื่องที่ตามมาหลังจากการลักพาตัวเด็กไปขายด้วย หลังออกไปไม่นานก็ได้รับข่าวคราวจากข้างนอก
ผู้รับผิดชอบหลักในการดูแลคดีนี้เดินเข้ามาในห้องโถงกลาง แล้วทำความเคารพต่อข้าหลวงสวี “รายงานใต้เท้า เราหาตัวหยางซินผู้นั้นเจอแล้วขอรับ”
ใบหน้าของข้าหลวงสวีไม่ได้แสดงสีหน้าดีอกดีใจแต่อย่างใด กระทั่งได้ยินลูกน้องของตนกล่าวเพิ่มเติม “เพียงแต่…เขาตายแล้วขอรับ”
“ว่าอย่างไรนะ? ตายแล้ว?” หัวคิ้วของข้าหลวงสวีขมวดเข้าหากันแน่นขึ้น “ตายได้อย่างไร? แล้วคนของเราไปพบศพได้อย่างไร? สองสามวันที่ผ่านมาเขาอยู่ที่ใดกัน?”
คนผู้นั้นรายงานกลับโดยละเอียด “สองสามวันนี้คนแซ่หยางไปซ่อนตัวอยู่แถวชานเมือง ไม่ได้หนีไปไหน ทหารของเราจึงคาดการณ์ว่าเขาคงรอใครบางคน… เช้าตรู่วันนี้ มีคนมารายงานว่าพบศพปริศนาในคูเมือง ทหารของเราจึงพาคนไปตรวจดู พบว่าเป็นหยางซินขอรับ”
คิ้วรูปดาบของหลินเหราขมวดเข้าหากัน ใบหน้าแสดงความสงสัยอย่างชัดเจน ก่อนจะพูดกับข้าหลวงสวีว่า “ใต้เท้าสวี เรื่องนี้ยังต้องสืบหาต่อไป”
ข้าหลวงสวีปวดหัวขึ้นมาในทันที
ถ้าหาหยางซินไม่พบ เรื่องนี้ก็ไม่มีทางจบได้ เพียงแต่บัดนี้เขาตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ตายภายใต้จมูกของทุกคน ข้าหลวงสวีจึงตั้งใจจะหลุดพ้นจากคดีนี้ แต่หลินเหราและเหยาเฉากลับไม่เห็นด้วย
เขาทำได้แค่ปลอบโยนหลินเหราว่า “ใต้เท้าหลินวางใจเถิด คดีความนี้ศาลาว่าการของเราจะรับผิดชอบให้ถึงที่สุดแน่นอน”
กระทั่งเห็นหลินเหราเอ่ยถามทหารของตน “ศพของหยางซินมีร่องรอยการขัดขืนหรือไม่? จมน้ำตั้งแต่เมื่อใด?”
ทหารผู้นั้นเกิดความลังเล แต่สุดท้ายก็รายงานว่า “เรื่อง….เรื่องนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบจากศพ ข้าน้อยจึงไม่ทราบ”
หลินเหรายกมือขึ้นคารวะข้าหลวงสวี “ใต้เท้าสวี หากไม่เป็นการรบกวน ให้ข้าน้อยตรวจสอบได้หรือไม่?”
ข้าหลวงสวีอยากให้หลินเหราทำเช่นนี้ใจจะขาด แต่ก็ไม่อยากล่วงเกินเขาจึงกล่าวว่า “แน่นอน แน่นอน ใต้เท้าหลินเชิญตามสบาย”
เขาออกคำสั่งให้ทหารพาหลินเหราไปดูศพ ส่วนตัวเองก็รีบจัดการเรื่องอื่น เห็นได้ชัดว่าไม่อยากเสียเวลากับคดีความไปมากกว่านี้
หลังจากที่หลินเหราได้ตรวจสอบสภาพศพแล้ว ก็ตรงมายังจวนเซี่ยหมายปรึกษาหารือกับเหยาเฉา
เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้ให้กับเหยาเฉาฟังหนึ่งรอบ ซึ่งอีกฝ่ายได้ขมวดคิ้ว และกล่าวว่า “อาจเพราะเมื่อคืนข้าคงจะเคลื่อนไหวมากเกินไป จึงกระตุ้นความระมัดระวังของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง”
หลินเหรามีสีหน้าเย็นชาลงขณะกล่าว “ข้าเห็นศพแล้ว ไม่มีร่องรอยการถูกมัด คิดว่าหยางซินผู้นี้คงถูกคนทำร้ายโดยไม่ทันตั้งตัว จึงได้ถูกผลักลงไปในคูเมือง แล้วจมน้ำตาย”
เหยาเฉาครุ่นคิดถึงประสบการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดหนึ่งรอบ ซึ่งก็ได้ข้อสรุปเช่นเดียวกับหลินเหรา “คนที่ทำร้ายหยางซิน คือคนที่สั่งให้เขาทำเรื่องพวกนี้ แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดฆาตกรถึงต้องรีบทำลายหลักฐานเช่นนี้?”
หลินเหราเอ่ยเสียงต่ำ “เพราะกลัวว่าเราจะสืบได้น่ะสิ”
เหยาเฉาปวดหัวทันใด “เจ้าอย่าพูดเช่นนั้น นี่คือวิธีการที่ง่ายที่สุด แต่กลับได้ผลลัพธ์มากที่สุด คนตายพูดไม่ได้ บัดนี้เราหาตัวหยางซินเจอแล้ว แต่ก็หมดหนทางจะสืบหาต่อ”
นัยน์ตาสีดำทมิฬของหลินเหราฉายแววเย็นยะเยือก เขาส่ายหน้า “ต่อให้ไม่พบหลักฐาน แต่เราหาตัวฆาตกรผ่านเบาะแสร่องรอยได้”
เหยาเฉาทอดถอนใจ ใบหน้าเนียนดุจหยกขาวแสดงความสงสัย
เขากดเสียงต่ำ แล้วพูดกับหลินเหราว่า “ข้าคิดว่า บางทีคดีความนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูจวนตู้ก็เป็นได้ ถึงอย่างไรอาซูก็เพิ่งมาถึงเมืองหลวง นางไม่มีศัตรูที่ไหน ถ้ามีคนคิดอยากสร้างปัญหาให้ข้ากับเจ้า ไม่มีทางใช้วิธีการลักพาตัวเด็กไปแน่ และยิ่งไม่มีทางส่งคนไม่มีประสบการณ์ทั้งสองคนไปทำภารกิจนี้ มีแต่จะใช้วิธีการที่รุนแรงขึ้น”
หลินเหราฟังการวิเคราะห์ของเหยาเฉาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ส่งเสียง
เหยาเฉาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ถ้าข้อสรุปของข้าไม่ผิด คุณหนูคนนั้นคงจะร้อนใจ จึงส่งคนไปฆ่าปิดปากหยางซินเสีย”
หลินเหรามีสีหน้าเคร่งเครียด ไอเย็นเยือกแผ่รอบตัวไม่จางหาย และพูดกับเหยาเฉาว่า “พี่รองอยากให้ข้าตามสืบเรื่องนี้หรือไม่?”
เหยาเฉาไม่ตอบแต่ถามกลับว่า “เจ้าคิดว่า เรื่องนี้เป็นฝีมือของแม่นางตู้หรือไม่?”
นัยน์ตาของหลินเหราเย็นเยือกลง “ถ้าข้าสืบได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับจวนตู้ ข้าจะไม่มีวันปล่อยนาง!”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อำมหิตจริงๆ นังตู้ กลัวเรื่องมาถึงตัวเองเลยสั่งคนไปฆ่าปิดปาก สมควรโดนถอดจากบทนางเอกให้ไปเป็นนางร้ายปลายแถวจริงๆ ค่ะ
/สะบัดพัดโบกเบา ๆ รอดูคนกินปูนร้อนท้อง/
ไหหม่า(海馬)