ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 30 ครอบครัวที่สมบูรณ์
บทที่ 30 ครอบครัวที่สมบูรณ์
เหยาซูเดินเคียงข้างไปกับป้าหูจนกระทั่งถึงหน้าบ้านของนาง ป้าหูพยายามที่จะรั้งเหยาซูและลูก ๆ ให้เข้ามานั่งในบ้าน หญิงสาวจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “พวกท่านกำลังยุ่งอยู่ ข้าไม่รบกวนพวกท่านดีกว่าเจ้าค่ะ ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลากินข้าวแล้ว เกรงว่าแม่ของข้าเองก็กำลังตามหาข้าและลูก ๆ เช่นกัน”
จากนั้นอาจื้อและอาซือก็กล่าวว่า “ต้าเป่า เอ้อเป่า จะไปช่วยยายหูนำของเข้าบ้าน”
เด็กทั้งสองคนรับคำ เข้าไปวางของในบ้านและวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเหยาซูก็กล่าวคำลา
ป้าหูเดินเข้าไปในบ้านที่มีเพียงลูกชายและลูกสะใภ้ หลานชายของป้าหูกำลังร้องไห้เสียงดัง สองสามีภรรยาหนุ่มสาวกำลังกล่อมอย่างวุ่นวาย
ป้าหูเดินเข้าไปในครัวอย่างปวดหัว พอเห็นหม้อเย็น ๆ ก็โมโหขึ้นมา นางออกมาจากห้องครัวและถามลูกชายของนาง “พ่อของเจ้าอยู่ที่ใด?”
“ออกไปเล่นไพ่แล้ว” ชายหนุ่มรับผ้าอ้อมที่ภรรยาส่งมาให้พลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ท่านแม่ท่านกลับมาเสียที! มาดูแลเจ้าตัวแสบนี้ทีเถิด ร้องไห้ตลอดตั้งแต่เช้าแล้ว!”
ป้าหูรับหลานมาจากลูกสะใภ้ นางทั้งกอดทั้งเขย่าปลอบใจ เด็กทารกจึงหยุดร้องไห้ นางอดทนถามลูกสะใภ้ว่า “ไม่ได้ทำกับข้าวไว้หรือ?”
ลูกสะใภ้ยิ้มขอโทษและกล่าวว่า “ลูกน้อยร้องไห้ตลอดเวลา…”
ใบหน้าของป้าหูหมองคล้ำลง นางกอดเด็กน้อยเอาไว้และไม่พูดอะไรอีก
ลูกสะใภ้ของนางเป็นคนท้องถิ่นของหมู่บ้านตระกูลเหยา ปกติแล้วนางเป็นคนอ่อนน้อมมาก ทว่างานการไม่ค่อยคล่องแคล่วมากนัก
เหยาเถียนเห็นแม่สามีแสดงความไม่พอใจออกมา นางก็แอบน้อยเนื้อต่ำใจ ขอบตาแดงก่ำ หากแต่ไม่ได้เอ่ยแก้ตัวให้กับตัวเอง ชายหนุ่มจับมือภรรยาอย่างเงียบ ๆ เพื่อปลอบใจนาง
ป้าหูไม่สามารถทนได้อีกต่อไปจึงพูดกับลูกสะใภ้ว่า “เจ้าเติบโตมาจากหมู่บ้านตระกูลเหยาและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาซู วันหน้าเจ้าสามารถถามนางได้ว่าควรเลี้ยงลูกอย่างไร ไม่ใช่ว่าเคยเห็นเปลที่ใช้กล่อมเด็กที่บ้านตระกูลเหยามาก่อนหน้านี้หรอกหรือ? แค่เอาเด็กใส่เข้าไปในเปลแล้วแกว่ง อย่างน้อยก็ได้ผ่อนมือ!”
คู่สามีภรรยารีบพยักหน้าทันที
ป้าหูทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะยุ่งกับการทำงานมาตลอดทั้งชีวิต ทว่าพอแก่เฒ่ากลับคิดไม่ถึงว่าในบ้านนอกจากนางแล้วกลับไม่มีใครพึ่งพาได้สักคน
นางอุ้มหลานและเรียกให้ลูกสะใภ้ไปจุดไฟทำอาหารพลางบ่นกับลูกชายว่า “เดิมทีบอกว่าจะเก็บกวาดบ้าน ทว่าเช้าตรู่พ่อเจ้าก็วิ่งไปเล่นไพ่อีกแล้ว! เจ้าไม่สนใจเขาได้อย่างไร? ข้าออกไปซื้อของปีใหม่แล้วยังต้องกลับมาทำความสะอาด ทำอาหารอีกหรืออย่างไร แล้วยังให้ข้าทำแม้กระทั่งเลี้ยงลูกของเจ้า ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว!”
พูดไปพลางคิดอีกว่า… หากวันนั้นได้เหยาซูมาเป็นลูกสะใภ้ ทั้งภายในและภายนอกก็ไม่ต้องให้นางต้องห่วง มิใช่ชีวิตนางจะมีความสุขหรอกหรือ!
ในขณะที่โกรธอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงลูกสะใภ้จากด้านนอกดังขึ้น “ท่านแม่วันนี้ไก่ออกไข่มา สองฟอง ท่านชอบกินไข่ทอดใช่หรือไม่? ข้าจะใช้น้ำมันหมูที่ท่านซื้อกลับมาไปทอดไข่ให้นะเจ้าคะ”
ป้าหูใจอ่อนลง จากนั้นจึงบอกให้ลูกชายไปช่วยจุดไฟ พลางตอบกลับไปว่า “ทอดสามฟอง พวกเราจะกินกันสามคน ทว่าไม่ต้องเผื่อให้พ่อสามีของเจ้า!”
พูดไปก็คิดอีกว่าตอนนี้ไม่ใช่ว่านางก็มีสะใภ้ที่กตัญญูอย่างนั้นหรือ? ช่างเถอะ ชีวิตของคนเราจะอิจฉาคนอื่นไปด้วยเหตุใดกัน? ต่อให้เป็นเหยาซู เมื่อก่อนอยู่ตระกูลหลินก็เคยถูกขัดเกลาจนเป็นแบบนี้ ทว่าตอนนี้เรื่องก็ผ่านพ้นไปแล้วไม่ใช่หรือ? ขอแค่มีชีวิตที่ดีก็พอ!
……
เหยาซูพาลูกทั้งสามกลับบ้านและเจอพี่สะใภ้ทั้งสองพอดี
พี่สะใภ้ใหญ่เดินออกมาจากห้องครัวแล้วพูดกับเหยาซูว่า “อาซูกลับมาพอดีเลย วันนี้ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ของเจ้าได้ไปเจาะน้ำแข็งที่ทะเลสาบ แล้วจับปลาอ้วนกลับมาได้สองตัว พี่สะใภ้รองของเจ้ามีฝีมือในการทำอาหาร ข้าจึงให้นางเอาไปทอด ประเดี๋ยวก็ได้กินแล้ว!”
ในวันที่อากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ เหยาซูพบว่าบนศีรษะของพี่สะใภ้ยังมีเหงื่อผุดออกมา จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วยื่นให้ “ลำบากพี่สะใภ้ทั้งสองแล้ว ท่านไปนั่งพักกับเด็ก ๆ เถอะเจ้าค่ะ”
พี่สะใภ้ใหญ่รับผ้าเช็ดหน้ามาพลางยิ้มและกล่าวว่า “ทำกับข้าวจะไปลำบากอะไร เจ้าพาลูก ๆ ของเจ้าเข้าไปล้างมือแล้วเตรียมกินข้าวก็พอ”
ต้าเป่าและเอ้อเป่าเดินเข้าไปในครัวช่วยยกจานออกมาอย่างรู้ความ เหยาซูอุ้มซานเป่าที่หลับแล้วไปวางไว้ในเปลที่อยู่ในห้องโถงด้านหน้า
ด้วยวิธีนี้ทุกคนสามารถมองเห็นเด็กในขณะที่กินข้าวกันได้ ชาวนาไม่มีงานทำในฤดูหนาวเพราะอากาศหนาวจัด จึงไม่ค่อยออกไปไหน
เมื่อถึงวันสิ้นปีครอบครัวส่วนใหญ่ในหมู่บ้านตระกูลเหยาจะเตรียมตัวสำหรับต้อนรับปีใหม่อยู่ที่บ้านของพวกเขา
ในตอนเที่ยงของวันนี้ นอกจากเหยาเฉาที่ไม่ได้กลับมาบ้านแล้ว คนในครอบครัวคนอื่น ๆ ก็มากันพร้อมหน้า
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ครอบครัวนี้อบอุ่นเหลือเกินค่ะ คิดถูกแล้วที่อาซูกลับมาอยู่บ้านเดิม
ไหหม่า(海馬)