ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 306 กล่าวหาเจ้าอาลักษณ์ตู้ใช่หรือไม่
บทที่ 306 กล่าวหาเจ้าอาลักษณ์ตู้ใช่หรือไม่?
บทที่ 306 กล่าวหาเจ้าอาลักษณ์ตู้ใช่หรือไม่?
หลินเหราถือหลักฐานตรงไปหาเซี่ยเชียน ทั้งสองคนปรึกษากันราวครึ่งชั่วยาม แล้วจึงตัดสินเรื่องนี้
หลายวันต่อมา เซี่ยเชียนได้ออกราชกิจและกลับจากราชกิจเป็นปกติ หลินเหราก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเป็นพิเศษ แต่จะวิ่งไปยังจวนท่านแม่ทัพเป็นครั้งคราว ไม่ก็เปลี่ยนแผนตามเจียงหนิงไปยังค่ายทหาร
โจวหลายหายตัวไปได้เจ็ดวันแล้ว ตู้เหิงนั่งไม่ติดตั้งแต่วันแรก พลันค่อย ๆ คาดคิดสิ่งที่เป็นไปได้
คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับโจวหลายหรอกนะ?
อีกอย่าง โจวหลายก็จงรักภักดี ต่อให้ถูกใครจับได้ก็ไม่มีทางสารภาพว่าเป็นฝีมือนางแน่?
เมื่อครั้งอดีต ตู้เหิงมีชีวิตที่ราบรื่นเสมอ แต่หลังจากแต่งงานกลับไม่มีความสุข ต้องเจอกับความอิจฉาริษยาบาดหมางกับจวนหลังอยู่บ่อยครั้ง หากแต่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับเรื่องใหญ่ ๆ สักเท่าไร
เมื่อเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ ในใจของนางจึงเกิดความกระวนกระวายใจไม่น้อย แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้ยังต้องปิดบังต่อไปและเปิดเผยให้ใครรู้ไม่ได้
วันเวลาล่วงเลยไปสี่ถึงห้าวัน ตู้เหิงมีสีหน้าซีดเซียวลง ระหว่างนั้นก็ยังเจ็บไข้ได้ป่วย
สองสามวันนี้ลู่หัวพยายามส่งคนมาถามไถ่ สุดท้ายแม้แต่ฮูหยินลู่ก็ยังต้องส่งหญิงชราผู้หนึ่งมา บอกว่ามาส่งอาหารให้กับแม่นางตู้ และถือโอกาสเยี่ยมเยือนแม่นางตู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ตู้เหิงต้องสวมเสื้อคลุมลุกขึ้นมา เมื่อหญิงชราผู้นั้นเห็นสภาพของตู้เหิง จึงรีบกลับจวนไปรายงานฮูหยินลู่และลู่หัวทันที
“ป่วยจริง ๆ เจ้าค่ะ ใบหน้าของแม่นางตู้ซีดเซียวตลอดเวลา ส่วนปากก็ดูท่าทางจะร้อนในไม่น้อย ร่างกายก็อ่อนแอไม่มีเรี่ยวแรงเจ้าค่ะ”
ฮูหยินลู่ตำหนิลู่หัวทันที “ดูสิ ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะเป็นฝ่ายทำให้นางป่วยก็ได้! เห็นได้ชัดว่าเจ้านัดหมายคนพี่ไปทะเลสาบ แล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดถึงได้ไปมาหาสู่กับน้องสาวต่างมารดาของนางเสียได้! ถ้าไปมาหาสู่เป็นการส่วนตัว ผู้อื่นคงจะนินทาอะไรไม่ได้ นี่เจ้าเล่นให้ผู้อื่นเห็น…”
ลู่หัวปวดหัว “ท่านแม่! ท่านแม่สั่งให้คนไปเยี่ยมแม่นางตู้อีกครั้ง ดีหรือไม่ขอรับ?”
แม้ฮูหยินลู่จะค่อนข้างอาวุโสแล้ว แต่กลับได้รับการบำรุงอย่างดี จนไม่ใคร่มีรอยยับย่น ทว่าตอนนี้มีแต่สีหน้าจนปัญญา “วันนี้ข้าเพิ่งส่งคนไปเยี่ยมมา จะไปอีกได้อย่างไร?”
ลู่หัวเป็นที่โปรดปรานของคนในบ้าน เขาเป็นหลานคนโตของตระกูลลู่ จวนลู่คาดหวังเรื่องการแต่งงานของเขากับตู้เหิง ซึ่งเขาสามารถร้องขอได้อย่างไม่ลังเล
“พรุ่งนี้ท่านแม่ต้องนำฉากกั้นที่ปักด้วยผ้าไหมสูจิ่นทั้งสองด้านที่ถูกส่งมาจากทางตอนใต้ไปด้วย แล้วไปเยี่ยมเยือนอาการป่วยของแม่นางตู้ ถือโอกาสนี้พูดคุยกับแม่นางตู้ มีสถานะของท่านแม่ แม่นางตู้คงไม่น่าจะเสียมารยาท”
ดวงตาคู่งามของฮูหยินลู่เบิกกว้าง “ฉากกั้นนั้นเพิ่งมาถึงคลังเก็บของของข้าได้ไม่กี่วัน? เจ้าคิดจะส่งต่อให้ผู้อื่นแล้วหรือ?”
ลู่หัวยิ้มกว้าง “ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งของตระกูลเรา ต่อให้ออกจากจวนของท่านแม่ไป ในอนาคตมันก็ต้องกลับมาอยู่ในถุงเงินของเราอยู่ดี…”
แม้ว่าในใจของฮูหยินลู่จะทำใจไม่ได้ แต่เมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียด ที่ลู่หัวพูดก็มีเหตุผล
นางลืมตาขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดกับลู่หัวว่า “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปแทนเจ้าอีกสักรอบ ขอเพียงเรื่องเดียว ก่อนที่คุณหนูตระกูลตู้จะแต่งงานเข้ามา ไม่ว่าอย่างไรเจ้าห้ามทำเช่นนี้อีก!”
ลู่หัวรีบพยักหน้าทันที
รอจนถึงวันที่สอง ฮูหยินลู่นำสิ่งของมากมายมาถึงจวนลู่จริง ๆ
ช่วงนี้ฮูหยินใหญ่จวนตู้ก็กำลังป่วยอยู่เช่นกัน จึงปิดประตูพักผ่อนตลอดเวลา ซึ่งในจวนไม่มีกฎเกณฑ์ห้ามอนุภรรยาต้อนรับแขก แม่กู่ในจวนรองจึงออกมาต้อนรับ
แม่กู่ไม่ค่อยปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นสักเท่าไร สามีก็เป็นขุนนางชั้นต่ำที่ไม่เป็นที่รู้จักผู้หนึ่ง และยังอาศัยบารมีของจวนตู้อยู่เสมอ กระทั่งเจอกับฮูหยินของเจ้ากรมทหารผู้นี้
นางนำทางอีกฝ่ายเข้ามาในห้องโถงสำหรับแขก แล้วสั่งให้คนรับใช้ไปยกชาและขนมเข้ามา พยายามตระเตรียมให้พร้อม แต่ใบหน้าของฮูหยินลู่ ยังคงนิ่งสงบตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้
นางกู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เหตุใดวันนี้ฮูหยินถึงมีเวลามาที่จวนได้ละเจ้าคะ?”
ฮูหยินลู่นึกว่านี่คือป้าของตู้เหิง จึงไม่อยากให้เสื่อมเสียชื่อเสียง นางสุภาพอ่อนน้อมกับอีกฝ่ายเต็มที่ “ได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ของจวนตู้ป่วยหลายวันแล้ว จึงมาเยี่ยมเยือน อาการป่วยของอาเหิงเป็นอย่างไรบ้าง?”
ทันทีที่แม่กู่ได้ยินว่ามาเยี่ยมตู้เหิง ในใจก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ทันใด เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าเท่านั้น
นางยิ้มและพูดว่า “เด็กคนนี้ร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก ปวดหัวเป็นไข้เป็นเรื่องธรรมดา ลำบากฮูหยินต้องมาเป็นห่วง”
ระหว่างนั้นก็สั่งคนรับใช้ว่า “คุณหนูสามกลับมาจากเรียนแล้วหรือยัง? เหตุใดถึงไม่มาอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินลู่อีก?”
ในจวนแห่งนี้ตู้เหิงเป็นใหญ่ ส่วนตู้หวู่ที่เกิดจากอนุภรรยาในจวนใหญ่ เป็นคุณหนูร่วมสายเลือดของจวนรอง
แม่กู่คิดอยากให้บุตรสาวออกหน้ามาโดยตลอด จึงสั่งให้คนรับใช้ไปเรียกคุณหนูสามเข้ามา
คนที่ฮูหยินลู่ให้ความสำคัญคือสถานะของตู้เหิง แต่ไม่ว่าสุขภาพของนางจะดีหรือไม่ดี ก็ไม่อยากเจอคุณหนูในจวนรอง จึงพูดว่า “เด็กสาวที่ร่ำเรียนหนังสือเป็นเรื่องดี รีบเรียกนางกลับมาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน! ข้าไปเยี่ยมจวนอาเหิงดีกว่า ไม่ต้องเรียกคุณหนูสามมาให้วุ่นวายหรอก”
แม่กู่ยังอยากพูดอีกสองสามประโยค แต่ฮูหยินลู่กลับพาคนรับใช้ไปยังจวนของตู้เหิงเสียแล้ว เหตุการณ์นี้ทำให้นางกระทืบเท้าเร่า ๆ ด้วยความโมโหอยู่ที่เดิม
เมื่อตู้เหิงทราบเรื่องว่าฮูหยินลู่มาหา จึงสั่งให้คนรับใช้ไปจัดลานบ้านอยู่เงียบ ๆ ไม่ให้นางเข้ามาในห้อง
ครั้นฮูหยินลู่เห็นท่าทางซูบผอมของตู้เหิง ก็รีบรุดขึ้นหน้าเข้าไปกุมมือของนางทันที จากนั้นก็พูดด้วยความปวดใจ “ไอหยา ดูใบหน้าซีดเซียวของเจ้าสิ เหตุใดถึงป่วยเช่นนี้? ท่านหมอว่าอย่างไรบ้าง?”
เดิมทีอารมณ์ของตู้เหิงไม่คงที่อยู่แล้ว เมื่อถูกฮุหยินลู่กุมมือเช่นนี้ ความรู้สึกรังเกียจก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
ก่อนที่นางจะแต่งงานกับลู่หัวเมื่อครั้งอดีต ฮูหยินผู้นี้แสดงท่าทีเมตตาและเป็นกันเองเช่นนี้
แต่หลังจากเข้าจวนไปไม่นาน มารดาของลู่หัวผู้นี้ก็ตั้งกฎเกณฑ์ให้นาง ลู่หัวเองก็ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชาอยู่ด้านข้าง
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยในเวลาต่อมา สาวใช้ที่ฮูหยินลู่ยัดเข้ามาในห้องของลู่หัว แต่ละคนต่างกันท่านางทั้งนั้น
ตู้เหิงฝืนยิ้ม จนถึงตอนนี้สีหน้ายังคงห่างเหิน ก่อนจะพูดว่า “ขอบคุณฮูหยินที่เป็นห่วง หมอบอกว่าคงเพราะโดนอากาศเย็น อีกสองวันก็น่าจะดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินลู่เป็นคนเฉลียวฉลาด ย่อมมองออกว่าอาการป่วยของตู้เหิงคือการป่วยใจ และเห็นนางไม่ค่อยแสดงท่าทีสนิทสนมกับตน ในใจจึงยิ่งมั่นใจว่านางกำลังกังวลเรื่องของลู่หัว
นางจึงคลี่ยิ้มและเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “โดนลมก็ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ คนรับใช้ก็ควรปรนนิบัติรับใช้อย่างละเอียด เจ้าเด็กคนนี้ นับตั้งแต่ที่มารดาของเจ้าไม่อยู่เคียงข้าง มีสาวใช้คอยปรนนิบัติรับใช้ยังจะคิดสิ่งใดอีก? มีคนคอยเป็นห่วงเป็นใยคอยดูแลถึงจะถูก…”
ตู้เหิงรู้ว่าในคำพูดของนางมีความหมายแฝง แต่ทำเป็นไม่เข้าใจ นางตอบรับด้วยการพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ขอบคุณป้าสะใภ้มากเจ้าค่ะ”
ฮูหยินลู่เองก็ไม่ได้พูดหัวข้อนี้มากนัก ลากตัวตู้เหิงมาพูดคุยอย่างสนทสนม แล้วออกคำสั่งให้คนรับใช้ไปส่งของต่อ ส่วนตนก็นั่งคุยอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยเดินทางกลับ
หลังจากที่ออกมาจากจวนตู้แล้วก็นั่งรถม้าตรงกลับจวน สีหน้าของฮูหยินลู่จึงได้ผ่อนคลายลง
“ขาดแม่มาตั้งนมนาน ร่างกายก็ยังแย่เพียงนี้ แต่งงานเข้ามาอาจจะนำพาความโชคร้ายเข้ามาก็ได้! ยกยอปอปั้นคุณหนูใหญ่ไว้เช่นนี้ ให้ใครดูไม่ทราบ?”
หญิงชราที่รับใช้อยู่ข้างกายคลี่ยิ้ม “ฮูหยินอย่าเพิ่งโกรธสิเจ้าคะ นิสัยของแม่นางตู้ผู้นี้ ขึ้นชื่อในเรื่องคุณธรรมไม่ใช่หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นนายน้อยเองก็ทำให้นางต้องกลุ้มใจ ฮูหยินจึงต้องได้รับความไม่ธรรมแทนนายน้อยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินลู่ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็หลับตาเก็บแรงไว้
หลังจากที่ฮูหยินลู่จากไป ตู้เหิงก็ชำเลืองไปมองสิ่งของที่วางอยู่ในลานบ้านเหล่านั้น แม้ว่ามันจะสวยแต่รูปจูบไม่หอม แต่ในชีวิตที่แล้ว นางนึกว่าคำลวงหลอกของคนนั้นเป็นความจริงใจ
ชีวิตนี้ จึงมีคนปฏิบัติกับนางอย่างจริงใจเช่นนี้หรือ?
ชีวิตชาติที่แล้วหลินเหราผู้ที่เคยช่วยชีวิตนางและใจดีกับนางด้วยใจจริง ตอนนี้กำลังสงสัยนางและส่งคนมาตามสืบนาง
ถ้าเขาสืบหาข้อมูลมาได้จริง ๆ นางควรจะทำอย่างไรดี?
นางยกหัวใจเพียงดวงเดียวนี้ผูกติดกับเขาไปแล้ว ถ้าเขาเกลียดนางเล่า…
ตู้เหิงคิดได้เช่นนี้ก็พลันรู้สึกเสียใจ ยกมือปิดหน้าแล้วร้องไห้เงียบ ๆ ออกมา
….
ทันใดนั้นหลินเหรากับคนอื่นก็ต้องพบกับความยุ่งยาก เป็นวันที่สิบแล้วที่โจวหลายหายตัวไป
วันนี้เขาและเหยาเฉาต้องเข้ารับราชการเป็นวันแรก อาการบาดเจ็บหลังตกจากหลังม้าขององค์จักรพรรดิก็ได้รับการดูแลจนดีขึ้นไม่น้อยแล้ว จึงได้ออกว่าราชกิจ
หลินเหรานำคำสารภาพจากการไต่สวนในจวนท่านแม่ทัพออกมา ให้เซี่ยเชียนนำไปให้แก่ราชสำนัก
เมื่อพูดคุยเรื่องสำคัญจบลง เซี่ยเชียนก็แยกตัวออกจากแถว แล้วคารวะต่อหน้าจักรพรรดิที่ประทับอยู่บนบัลลังก์ “กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะรายงานพะย่ะค่ะ”
เซี่ยเชียนไม่ชอบพูดยามที่อยู่ในวัง ไม่เคยมีความคิดที่จะออกมายืนข้างหน้าเช่นนี้ ส่วนองค์จักรพรรดินั้นก็เดาไม่ออกว่าเขาจะสร้างปัญหาอะไร แค่ปรายพระเนตรขึ้น “เชิญ”
เซี่ยเชียนหยิบหลักฐานออกมา ต๋ากงกงที่อยู่ต่อหน้าพระพักตร์เป็นอันเข้าใจก็ลงบันไดไป ใช้สองมือประคองขึ้นไปถวายแด่จักรพรรดิ
จักรพรรดิกวาดพระเนตรมองแวบหนึ่งด้วยสายตาเกียจคร้าน ตัวอักษรบนกระดาษนั้นมีจำนวนไม่มากนัก พระองค์สามารถอ่านจบได้อย่างรวดเร็ว
ดูท่าทางจักรพรรดิจะทรงสนใจไม่น้อย จู่ ๆ ก็ทรงยืดตัว แล้วตรัสถามด้วยน้ำเสียงเจือแววขบขันอย่างกระตือรือร้น “นี่เจ้ากำลังกล่าวหาเจ้าอาลักษณ์ตู้ใช่หรือไม่?”
เขานั่งอยู่บนบัลลังก์สูง น้ำเสียงจึงดังก้องกังวานไปทั่วทุกมุมของตำหนักใหญ่
ทันใดนั้นก็มีเสียงฮือฮาขึ้นในตำหนัก
……………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เรื่องถึงพระกรรณของจักรพรรดิแล้ว นังตู้เตรียมแบนได้เลยค่ะ
ไหหม่า(海馬)