ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 307 องค์จักรพรรดิกำลังจะก่อปัญหาอีกครั้ง
บทที่ 307 องค์จักรพรรดิกำลังจะก่อปัญหาอีกครั้ง
บทที่ 307 องค์จักรพรรดิกำลังจะก่อปัญหาอีกครั้ง
เจ้าอาลักษณ์ตู้ยิ่งไม่เข้าใจ จึงแตกแถวออกมาคารวะองค์จักรพรรดิ “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ทราบ ว่าใต้เท้าเซี่ยจะกล่าวหาสิ่งใดกับกระหม่อมพะย่ะค่ะ?”
องค์จักรพรรดิหลุดพระสรวลออกมาหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ยื่นคำสารภาพให้ต๋ากงกง ส่งสัญญาณให้เขารับไป
ต๋ากงกงโค้งตัวรับอย่างนอบน้อม จากนั้นก็เดินลงบันไดยาวมาตรงหน้าเจ้าอาลักษณ์ตู้อย่างจำยอม แล้วยื่นคำสารภาพให้เขา
ท่านเจ้าอาลักษณ์ขมวดคิ้วแน่น หลังจากอ่านเนื้อหาในคำสารภาพนั้นจบ สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นขึงขัง
กระทั่งได้ยินองค์จักรพรรดิทรงตรัสถามอย่างหยอกเย้า “บุตรสาวในจวนท่านขุนนางตู้กล้าหาญเพียงนี้เชียวหรือ? ปกติแล้วกุ้ยเฟยก็มักจะอ่อนโยน ข้าเองก็เคยเจอเด็กน้อยตระกูลตู้ผู้นี้ ดูไม่ออกเลยว่านางจะมีจิตใจและความสามารถเช่นนี้”
ตึง!
เจ้าอาลักษณ์ตู้ทรุดตัวลงนั่ง ส่วนปากก็กราบทูลว่าตนถูกใส่ร้าย “บุตรีของกระหม่อมมีจิตใจที่ไร้เดียงสาเสมอ ไม่เคยทำเรื่องที่เหนือความคาดหมาย ได้โปรดฝ่าบาทช่วยไขความกระจ่างด้วยพะย่ะค่ะ!”
องค์จักรพรรดิขมวดพระขนง จากนั้นก็ทอดพระเนตรไปยังศีรษะของเจ้าอาลักษณ์ตู้ แล้วตรัสถาม “เจ้ากำลังบอกว่า ท่านขุนนางเซี่ยตั้งใจสร้างคำเท็จ ใส่ร้ายบุตรีของเจ้าเช่นนั้นหรือ? เขาและบุตรีของเจ้าไม่เคยมีความแค้นต่อกัน แม้แต่รู้จักก็ยังไม่เคยรู้จักกันสักครั้ง เหตุใดจะต้องทำเรื่องเช่นนี้ด้วย?”
ทุกคนในตำหนักใหญ่ต่างเกิดความประหลาดใจขึ้นภายใน อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแทบขาดใจ
ปกติแล้วเซี่ยเชียนมักจะไม่ค่อยพูดค่อยจา เหตุใดจู่ ๆ ถึงได้สร้างความลำบากใจให้แก่เจ้าอาลักษณ์ตู้เสียได้?
หรือว่าในนี้ ได้รับการชี้แนะจากองค์จักรพรรดิด้วย?
สีหน้าของเจ้าอาลักษณ์ตู้ดูหม่นหมองลง แต่ก็ยังคงคุกเข่า แล้วตะโกนเสียงดัง “ได้โปรดฝ่าบาททรงไขความกระจ่างด้วย! ชื่อเสียงของบุตรสาวตระกูลตู้ เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของพระสนมกุ้ยเฟย ได้โปรดฝ่าบาททรงไขความกระจ่างด้วยพะย่ะค่ะ!”
พระสนมกุ้ยเฟยอยู่เป็นสหายร่วมใจองค์จักรพรรดิในวังมานานหลายปี นางเคยตั้งครรภ์องค์ชาย
บัดนี้นางสูญเสียลูกไป ทั้งยังป่วยออด ๆ แอด ๆ มาตลอด องค์จักรพรรดิจึงไม่อยากให้เรื่องกวนใจเหล่านี้ไปถึงตัวนาง
องค์จักรพรรดิทรงสรวลด้วยเสียงเย็นชาหนึ่งครั้ง แล้วตรัสว่า “ยามที่กุ้ยเฟยได้สมรสเข้ามาในวังฝเมื่อครั้งอดีต บุตรสาวของเจ้ายังจำความไม่ได้ ทั้งสองคนเป็นป้าหลานกัน ไฉนเลยจะมีความเกี่ยวข้องกัน! เจ้าสั่งสอนบุตรสาวได้ไม่ดี ยังจะดึงกุ้ยเฟยมาเกี่ยวข้องอีกหรือ?”
เมื่อเจ้าอาลักษณ์ตู้ได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกย่ำแย่
เรื่องนี้ยังไม่กระจ่างชัด ไม่ว่าอย่างไรต้องไม่ทำให้องค์จักรพรรดิคิดว่าตู้เหิงนั้นกระทำเรื่องเลวร้ายโดยไร้เหตุผลเช่นนี้
เขาหลั่งน้ำตาออกมาในที่สุด จากนั้นก็ร้องไห้คร่ำครวญ “กระหม่อมโดนใส่ร้าย! บุตรสาวของกระหม่อมเสียแม่ไปตั้งแต่เยาว์วัย ติดตามอยู่ข้างกายผู้เป็นย่าจนเติบใหญ่ ได้รับการอบรมสั่งสอนเหมือนกับพระสนมกุ้ยเฟย กระหม่อมจึงกล้าพูดเช่นนี้ ได้โปรดฝ่าบาททรงไขความกระจ่างด้วย บุตรสาวของข้ายังมีชื่อเสียงบริสุทธิ์!”
การร้องไห้คร่ำครวญเช่นนี้ของเจ้าอาลักษณ์ตู้ ทำให้กลุ่มคนที่ดูความคึกคักอยู่ในราชสำนัก เริ่มคาดเดาอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้…
คุณหนูตู้มีชื่อเลืองลือว่าเป็นผู้ยึดมั่นในคุณธรรมอันดีงามในเมืองหลวง ไม่ว่าจะทำสิ่งใด จะยอมให้ผู้อื่นจับจุดอ่อนได้อย่างนั้นหรือ?
เจ้าอาลักษณ์ผู้นี้จึงส่งคนออกไป รู้ด้วยจิตใต้สำนึกว่าหลักฐานที่เซี่ยเชียนนำออกมาจะต้องไม่ใช่เรื่องโกหกเป็นแน่ เขาทำได้เพียงใช้สมองครุ่นคิดว่าจะปิดบังเรื่องนี้อย่างไร
กระทั่งท่านอ๋องน้อยที่เจ้าอาลักษณ์ตู้ปฏิบัติภารกิจแทนมาตลอดยืนขึ้น แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “กราบทูลฝ่าบาท บุตรสาวของเจ้าอาลักษณ์ตู้กระหม่อมเคยพบเจอ เห็นว่าเป็นบุตรสาวที่มีจิตใจกว้างขวาง ถ้าเข้าไปพัวพันกับปัญหาจริง ได้โปรดฝ่าบาททรงสืบหาความจริงอย่างละเอียดด้วย อย่าได้ใส่ร้ายเด็กสาวที่แสนดีเช่นนี้เลยพะย่ะค่ะ”
เขาเป็นบุตรกำพร้าของรัชทายาทองค์ก่อน จึงยังมีเงาของรัชทายาทองค์ก่อนตามติดตัว องค์จักรพรรดิทรงเมตตาหลานชายผู้นี้เสมอ ทั้งยังโอบอ้อมอารีอย่างมาก
ครั้นได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ องค์จักรพรรดิก็ไม่ได้ลดละแม้แต่น้อย เพียงกล่าวถามเซี่ยเชียน “ท่านขุนนางเซี่ยได้หลักฐานมาจากที่ใด?”
เซี่ยเชียนมองเจ้าอาลักษณ์ตู้ที่ตีหน้าซื่อด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง แล้วทูลกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นี่คือคำสารภาพของโจวหลายจากตระกูลโจวที่หลินเหราไต่สวนมาได้จากในจวนท่านแม่ทัพ ส่วนจวนโจวก็เป็นครอบครัวฝ่ายมารดาของคุณหนูตู้พะย่ะค่ะ”
เจ้าอาลักษณ์ตู้รีบหันขวับ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ใต้เท้าเซี่ยมีสหายกว้างขวางโดยแท้จริง ท่านแม่ทัพเจียงหนิงจากกองทัพซีเป่ย ก็มีสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าเช่นนี้”
เซี่ยเชียนไม่แสดงความเห็นแต่อย่างใด กลับเป็นองค์จักรพรรดิที่ขมวดพระขนงแน่น ไม่รู้ว่าเพราะประโยคที่ท่านเจ้าอาลักษณ์ตู้พูดหรือว่าเพราะเซี่ยเชียนดึงเจียงหนิงเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่นั่นทำให้พระองค์ขัดพระทัยเป็นอย่างมาก
องค์จักรพรรดิโบกพระหัตถ์ไปมา แล้วทรงตรัสโดยไม่คิดว่า “พอ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เรื่องเล็กดุจขนไก่และเปลือกกระเทียม ให้คนไปสืบก็จบ ท่านขุนนางเซี่ยยังมีสิ่งใดจะโทษกล่าวอีกหรือไม่?”
เซี่ยเชียนมองท่าทางขององค์จักรพรรดิด้วยสายตาเย็นชา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่แล้วพะย่ะค่ะ”
องค์จักรพรรดิแย้มพระสรวลอย่างไม่ทราบสาเหตุ สังเกตเห็นว่าเซี่ยเชียนนั้นมีความกลุ้มใจ กลับตั้งใจตรัสว่า “บุตรสาวของท่านเจ้าอาลักษณ์ตู้ หลานสาวของกุ้ยเฟย ถึงกระนั้นก็ยังถือว่ามีความสัมพันธ์กับเชื้อราชวงศ์ ในเมื่อเป็นคดีความของนาง เหมิงฉิงเจ้ามาสืบหาแล้วกัน”
เหมิงฉิงก็คือชื่อของท่านอ๋องน้อย
เขาทำความเคารพ แล้วกล่าวด้วยความนอบน้อม “กระหม่อมรับพระบัญชา”
จากนั้นเขาก็ถอยออกจากตำหนักไป
แต่จู่ ๆ องค์จักรพรรดิก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้ ต๋ากงกงจึงเรียกเซี่ยเชียนไว้
“ใต้เท้าเซี่ย คงต้องรบกวนใต้เท้าเซี่ยไปกับเราอีกสักรอบ ฝ่าบาททรงตรัสไว้ว่าองครักษ์เบื้องหน้าพระพักตร์แย่จนใช้การไม่ได้ความ…”
เซี่ยเชียนรู้ว่าองค์จักรพรรดิกำลังจะก่อปัญหาอีกครั้ง จึงทำได้แค่หยุด แล้วหมุนตัวเดินตามต๋ากงกงไปด้านหลังตำหนัก….
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เรื่องไปถึงในวังขนาดนี้คือหนักอยู่นะ เพราะความเง่นอยากได้พี่เหรามาเป็นสามีของเธอแท้ๆ เลยนังตู้
ฮ่องเต้จะก่อเรื่องอะไรให้เซี่ยเชียนตามเช็ดตามล้างอีกกันนะ
ไหหม่า(海馬)