ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 312 การพึ่งพาตัวเองของตู้เหิง
บทที่ 312 การพึ่งพาตัวเองของตู้เหิง
บทที่ 312 การพึ่งพาตัวเองของตู้เหิง
ในเวลานี้แม่นมและอาซู่ได้แต่นิ่งเงียบ…
จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดีเล่า?
ทั้งสองคนมองเห็นสายตาอันเจ็บปวดและความรู้สึกผิดมากมายของหญิงสาว จนกระทั่งตอนนี้ถึงได้เข้าใจในสิ่งที่ผ่านมาว่าตัวคุณหนูนั้นมีไมตรีให้แก่คุณชายหลินเพียงใด
หลังจากที่แม่นมทำแผลให้ตู้เหิงเสร็จ นางก็หยิบยามาทาตามแก้มที่บวมแดงของตู้เหิงอย่างทะนุถนอมและเบามือ
ในไม่ช้า รอยบวมแดงบนใบหน้าของตู้เหิงก็ลดลงไปไม่น้อย
ในขณะที่แม่นมทายาให้ตู้เหิงนั้น นางพยายามกลั้นหยาดน้ำตาไม่ให้ไหลรินออกมา “คุณหนูเจ้าคะ ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ข้าน้อยและอาซู่ก็พร้อมที่จะอยู่ดูแลคุณหนูนะเจ้าคะ”
ใบหน้าของตู้เหิงเผยสีหน้าเศร้าหมองออกมาครู่หนึ่ง หลังจากที่เงียบอยู่ครู่ใหญ่ก็ได้พูดออกมาว่า “ตราบใดที่ไม่เข้าตาจนเสียก่อน เรื่องนี้จะต้องเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น”
อาซู่ที่ใสซื่อบริสุทธิ์ เมื่อได้ยินเจ้านายของตนกล่าวเช่นนั้น ดวงตาทั้งสองข้างก็เปล่งประกายขึ้นมาฉับพลัน “ที่คุณหนูพูด แสดงว่าพวกเรายังมีหนทางอยู่ใช่ไหมเจ้าคะ ที่ฮูหยินใหญ่เข้าวังไป ไม่ใช่ว่าไปขอให้พระสนมช่วยคุณหนูหรือเจ้าคะ”
ตู้เหิงส่ายหน้าและหัวเราะออกมา “ท่านย่าทำไปเพื่อตระกูลตู้ ไม่ได้ทำเพื่อข้าหรอก”
อาซู่ได้แต่กัดริมฝีปากเงียบไม่ได้พูดอะไร
ตู้เหิงดึงมือทั้งสองข้างออกมาวางไว้บนตักแล้วพูดขึ้น “เรื่องราวได้เกิดขึ้นแล้ว คนเดียวที่ข้าจะพึ่งพาเเละไว้ใจได้ในตอนนี้ ก็คือตัวข้าเอง”
สีหน้าของแม่นมเต็มไปด้วยความกังวล “คุณหนูหมายความว่า…”
แม่นมและอาซู่ก็อาศัยอยู่ในจวนนี้มาเป็นเวลานาน หากแต่ก็ไม่เคยพบเจอเรื่องใหญ่เช่นนี้มาก่อน
ครั้งนี้ตู้เหิงพบเจอเรื่องทุกข์ใจ สิ่งที่คนรับใช้ทั้งสองพอจะคิดได้ ก็มีเพียงแต่ให้จวนตู้ออกหน้าแก้ไขปัญหา
แต่ว่าตู้เหิงเคยมีชีวิตมาแล้วหนึ่งชาติ ได้พบเห็นเรื่องราวต่าง ๆ มาไม่น้อย
หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของนางก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังและเคร่งขรึม นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อเผยว่าคนที่จะไต่สวนคดีนี้คือท่านอ๋องน้อย เขาเติบโตมากับลู่หัวตั้งแต่เด็ก ระหว่างเขากับลู่หัวถือว่ามีมิตรภาพสนิทสนมกันดี หากว่าข้าได้พบหน้าเขา ข้าเองก็มีวิธีที่จะทำให้เขาปกป้องข้าได้”
แววตาของแม่นมและอาซู่เปล่งประกายทันใด
คุณหนูไปรู้จักกับท่านอ๋องน้อยตั้งเเต่เมื่อไร แต่ว่าถ้าไปคุยกับอ๋องน้อยเรื่องนี้แล้ว ตู้เหิงจะสามารถชนะได้หรือไม่?
แม่นมยังเอ่ยขึ้นด้วยความกังวลใจ “คุณหนูเจ้าคะ คนในราชสำนักนี้มีมโนธรรมไม่ใช่น้อย… ”
ตู้เหิงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “แล้วอย่างไรเล่า ข้าในตอนนี้มีหนทางอื่นให้เลือกด้วยหรือ”
แม่นมไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใด ท้ายที่สุดก็ทำได้เเค่ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก และเก็บซ่อนหยดน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา “ถ้าหากว่าฮูหยินและนายท่านโจวยังอยู่ ตระกูลโจวคงไม่ละทิ้งคุณหนูอย่างแน่นอน”
ตู้เหิงส่ายหัว “แม่นม ข้าปล่อยวางเรื่องนี้ได้แล้ว พ่อแท้ ๆ ของข้าเองยังไม่คิดปกป้องข้าเลย นับประสาอะไรกับตระกูลโจว ท่านตาจากโลกนี้ไปแล้ว ตระกูลโจวเองนั้นถดถอยลงไปมาก ท่านพ่อก็ห่างเหินกับตระกูลโจวไปนานแล้ว ส่วนแม่ของข้าก็จากไป ข้ากับท่านน้าก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กัน แทนที่จะพึ่งพาคนอื่น ไยถึงไม่พึ่งพาตนเองเล่า”
แม่นมยังไม่ทันเอ่ยปาก ทว่ากลับมีเสียงฝีเท้าที่ดูเร่งรีบดังขึ้นมาจากข้างนอก พลันสาวใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามา “คุณหนูเจ้าคะ! คุณหนู! คุณชายลู่ส่งคนมาบอกว่าต้องการจะขอพบคุณหนูที่ร้านขายสีวาดภาพที่เคยไปครั้งก่อนเจ้าค่ะ”
ตู้เหิงขมวดคิ้ว
เวลานี้นะหรือ ตู้เหิงคงจะมีอารมณ์พลอดรักกับลู่หัวได้อย่างไร
ลู่หัวนับได้ว่ามาได้ประจวบเหมาะ ชายหนุ่มถือเป็นคนสำคัญอีกคนหนึ่งที่จะทำให้นางได้เข้าไปเจอกับอ๋องน้อย
ก็แค่เพียงจิตใจที่ว้าวุ่น อย่างไรต้องหาหนทางดี ๆ ได้แน่นอน
เมื่อเห็นสาวใช้ไม่ออกไปสักทีพร้อมกับทำท่าทางราวกับว่าอยากจะรู้อะไรเพิ่มเติม ใบหน้างดงามของตู้เหิงก็ดูจริงจังขึ้น “ยังมีเรื่องอะไรอีก?”
สาวใช้แย้มยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหนูจะตอบรับเลยหรือไม่เจ้าคะ หรือว่าที่จวนมีปัญหาอะไรหรือไม่เจ้าคะ”
ตู้เหิงยิ้มอย่างเย็นชา “ที่จวนจะมีปัญหาหรือไม่มีปัญหา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า เสือยังไม่ออกจากเขา ลิงก็ก่อกบฏเสียเเล้ว”
เมื่อเห็นตู้เหิงไม่สบอารมณ์ สาวใช้ร่างเล็กทำได้เพียงยักไหล่ไม่กล้าเอ่ยเอื้อนอะไรอีก
หลังจากอาซู่ไล่สาวใช้ออกไป ก็ถามออกมาด้วยความลังเล “คุณหนูจะตกลงหรือไม่เจ้าคะ”
ตู้เหิงพยายามสงบสติอารมณ์ คิดพิจารณาอย่างรอบคอบว่าลู่หัวต้องการอะไร
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ลู่หัวมักจะส่งคนมาไถ่ถามอย่างไม่ขาดสายเกี่ยวกับสุขภาพของนาง อย่างไรก็ตามไม่ควรส่งเด็กรับใช้ที่อายุยังน้อยไปส่งข้อความเพื่อขอพบโดยตรง
และก็ถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้ง เป็นไปได้หรือไม่ที่เขารู้อยู่แล้วว่าเกิดเรื่องขึ้นในราชสำนัก
หลังจากนั้นไม่นาน ตู้เหิงก็ตัดสินใจพยักหน้าและพูดว่า “อาซู่ แต่งตัวให้ข้า ข้าจะไปพบลู่หัว”
เมื่อรู้ว่าจะสามารถเจออ๋องน้อยได้ หญิงสาวจึงเลือกไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่ดูเรียบง่ายแต่สง่างามดังเก่า ครานี้นางตั้งใจจะเลือกเครื่องประทินโฉมและอาภรณ์ที่สวยงาม
อาซู่แต่งตัวให้ตู้เหิงอย่างละเมียดละไม ตอนสวมผ้าคลุมหน้าให้คุณหนูของตนอดที่จะส่งเสียงกระซิบออกมาไม่ได้ “ทุกคนในจวนต่างยกย่องพระสนมผู้สูงศักดิ์ว่ามีความงดงามมาตั้งเเต่กำเนิด อีกทั้งยังเป็นชนชั้นสูง มีหน้ามีตาในสังคม แต่อาซู่คิดว่าเวลาคุณหนูแต่งตัวเช่นนี้งามกว่านางเหล่านั้นเสียอีกเจ้าค่ะ”
ตู้เหิงไม่ได้เเสดงความรู้สึกอะไรออกมา “งามแล้วจะมีประโยชน์อย่างไรเล่า อีกไม่กี่ปีร่างกายก็ต้องร่วงโรยไปตามกาลเวลา”
เมื่อเห็นว่าตู้เหิงมองโลกในเเง่ร้ายเกินไป แม่นมก็รีบหยุดอาซู่ทันที เพื่อไม่ให้หัวข้อของประโยคสนทนาไปไกลมากกว่านี้
แม่นมหัวเราะและกล่าวว่า “ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว คุณหนูเองก็รีบไปได้แล้วเจ้าค่ะ รถม้าพร้อมแล้ว ให้อาซู่ไปด้วยอีกคนจะดีมาก”
ตู้เหิงตอบกลับแม่นมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เอาของมีค่าทั้งหมดในเรือนของข้าออกมานับให้หมด นอกจากนี้ยังมีร้านค้า และบ้านที่แม่ของข้าทิ้งไว้ให้ ตรวจสอบให้ชัดเจน ไม่กี่วันก่อนข้าเห็นบ้านมากมายที่ตั้งอยู่ในเมือง ถ้าหากครั้งนี้ได้พบอ๋องน้อยจริง เเละเรื่องราวทุกอย่างผ่านไปด้วยดี พวกเราก็จะย้ายออกจากจวนตระกูลตู้”
แม่นมแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็รีบตอบรับอย่างรวดเร็ว
ครั้นเห็นใบหน้าอันเด็ดเดี่ยวของตู้เหิง แม่นมก็เข้าใจแล้วว่านี่คือจุดเชื่อมต่อความเป็นและความตาย เพียงแค่ทำตามที่คุณหนูบอก ทุก ๆ สิ่งก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
ตู้เหิงมอบหมายงานทุกอย่างที่เสร็จเรียบร้อยก็ออกจากจวนไปกับอาซู่
บนรถม้ากำลังเคลื่อนไปข้างหน้า อาซู่ยังคงกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตู้เหิง จะมีคนร้ายอยู่ทางข้างหน้าหรือไม่ หากแต่ตู้เหิงกลับดูนิ่งสงบ ไม่เเสดงความกังวลใด ๆ ออกมา
ในบางครั้งที่รถม้าสั่นสะเทือน ผ้าคลุมหน้าของตู้เหิงก็ขยับไปตามแรงกระแทก เผยให้เห็นรอยแดงบนแก้มของหญิงสาว
อาซู่เอ่ยอย่างเป็นกังวล “คุณหนูเจ้าคะ หน้าของคุณหนูต้องทายาอีกนิดหน่อยนะเจ้าคะ”
ตู้เหิงส่ายหัว “ไม่จำเป็น แบบนี้ก็ดีแล้ว”
อาซู่ไม่ได้กล่าวอะไรอีก
ไม่นานทั้งสองคนก็ถึงสถานที่ที่นัดกับลู่หัวไว้ เมื่อก้าวลงจากรถก็พบว่าหน้าร้านขายสีมีคนคอยคุ้มกัน
อาเหลียงเด็กรับใช้ข้างกายลู่หัวไม่รู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น คิดว่าก่อนหน้านี้คุณชายทำให้คุณหนูตู้ไม่พอใจ การที่นัดพบกันวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นจึงเอาใส่ใจเป็นพิเศษ
“แม่นางตู้ อาการป่วยของท่านเป็นอย่างไรบ้าง ข้างนอกแดดร้อน รีบเข้าด้านในเถอะขอรับ”
สีหน้าของตู้เหิงไม่ได้เเสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา และเดินตามอาเหลียงเข้าร้านไป
อาเหลียงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “แม่นาง นายน้อยของเราสั่งไว้ เมื่อแม่นางมาถึง ให้เชิญไปที่ชั้นสามเลยขอรับ”
ตู้เหิงพยักหน้าเล็กน้อย
ชั้นสามหรือ? ปกติแล้วลู่หัวไม่เคยพาตู้เหิงขึ้นไปที่ชั้นสาม…
พบเจอกันในวันนี้ หรือจริง ๆ แล้วท่านอ๋องน้อยก็อยู่ที่นี่ด้วย?
ตู้เหิงเดินขึ้นไปด้านบนโดยมีอาซู่ติดตามไปด้วย เพิ่งขึ้นไปถึงเพียงแค่ชั้นสอง อาซู่ก็ถูกองครักษ์ขวางไว้
องครักษ์คนนั้นรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาน่าเกรงขาม มองดูแล้วก็ไม่เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป แต่เหมือนกับทหารรักษาพระองค์ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจากในวัง
“เจ้าโปรดรออยู่ตรงนี้”
อาซู่มองตู้เหิงด้วยความลังเล ทันทีที่เห็นคุณหนูหยักหน้าก็หยุดรออยู่ตรงนี้ไม่ได้ตามขึ้นไป
ตู้เหิงมองดูลักษณะท่าทางขององครักษ์ ก็รู้ในทันทีว่าไม่ใช่คนของลู่หัว
นางเดินขึ้นไปชั้นบน ภายในใจก็ได้คิดถึงแผนการที่วางเอาไว้
………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โดนเทจากตระกูลแล้วก็คอยดูค่ะว่านังตู้จะดิ้นอย่างไรต่อ ไม่ใช่ยิ่งดิ้นรนยิ่งถลำลึกนะ
ไหหม่า(海馬)