ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 319 อวี๋จือได้เป็นจอหงวน
บทที่ 319 อวี๋จือได้เป็นจอหงวน
บทที่ 319 อวี๋จือได้เป็นจอหงวน
หลังจากที่องค์จักรพรรดิว่าราชการในช่วงเช้าเสร็จสิ้น ก็มีพระราชโองการเลื่อนตำแหน่งหลินเหราและเหยาเฉาเป็นราชองครักษ์ส่งไปยังจวนตระกูลเซี่ย ให้ทั้งคู่ทำหน้าที่แทนเซี่ยเชียน
เมื่อเป็นเช่นนี้ เหล่าขุนนางที่ต้องการจะเอาผิดเซี่ยเชียนต่างก็หน้าดำคร่ำเครียด
กระทั่งยื้อเวลามาได้ครึ่งค่อนวัน ก็ไม่มีบุคคลใดสามารถกล่าวโทษเพื่อจะเอาผิดเซี่ยเชียนได้ แต่กลับทำให้เขาได้รับการสนับสนุนมากยิ่งขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ ขุนนางที่รอดูเซี่ยเชียนตกต่ำอย่างเพลิดเพลินก็ได้เงียบลง
ตรงกันข้ามกับคนในจวนตระกูลเซี่ยไม่กี่คน ที่มีทั้งความปีติยินดีกับและความคับข้องใจที่อธิบายไม่ถูกกับราชโองการครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหยาซูที่ไม่รู้ว่าจะทำให้จิตใจตนเองสงบลงได้อย่างไร
เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตู้เหิงพ้นโทษ นางก็ได้แต่ครุ่นคิดด้วยความรู้สึกโมโหเล็กน้อย “เรื่องราวได้จบลงไปแล้ว หลายวันมานี้พวกเราเองก็เหน็ดเหนื่อยกันมาก แต่การพิจารณาคดีกลับสูญเปล่า”
หลินเหราเก็บพระราชโองการและขมวดคิ้วช้า ๆ ชายหนุ่มไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดคุยกับเหยาซูอย่างไร
เหยาเฉาเอ่ยปลอบใจน้องสาวของเขาว่า “อาซู ตู้เหิงมีคนปกป้องนาง ครั้งนี้พวกเราทำอะไรไม่ได้”
เหยาซูสูดหายใจเข้าลึก ๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วส่ายหน้า พลางพูดว่า “หญิงสาวที่เกิดจากอนุภรรยา มีชีวิตที่ปราศจากความสุขเช่นนี้เชียวหรือ”
เหยาเฉาเห็นเเบบนี้ก็ได้ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “อาซู บางทีเจ้าอาจจะใจดีเกินไปหน่อย การที่ลูกของอนุภรรยารับโทษแทนเช่นนั้นอาจจะเป็นการกระทำที่เสแสร้ง นั่นเป็นเจตนาของตู้เหิง ขึ้นอยู่กับว่าชีวิตใครจะมีค่ามากกว่ากัน”
เหยาซูกัดริมฝีปาก ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
หลินเหราจับมือของหญิงสาวเบา ๆ ฝ่ามืออุ่นได้กุมมือที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังเอาไว้ เขาจ้องมองที่ดวงตาของนางและกล่าวเบา ๆ ว่า “อย่าคิดมากไปเลย เจ้าวางใจเถอะ เรื่องของตู้เหิงให้ข้าและพี่รองจัดการเอง จะต้องไม่ทำให้เจ้าและลูก ๆ ถูกเอาเปรียบแน่”
ภายในใจของเหยาซูรู้ดีว่ามันไร้ซึ่งหนทาง ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจและกล่าวออกมาว่า “ช่างมันเถอะ คิดมากไปแล้ว อยู่เฉย ๆ จะคิดหาเรื่องทำให้ตัวเองกลุ้มใจด้วยเหตุใด ยังดีที่พวกเราได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้ ถ้าหากคดีนี้ผิดพลาด ท่านกับพี่รองคงยากที่จะตั้งหลักในเมืองหลวงในเวลาสั้น ๆ เช่นนี้”
เหยาเฉาลูบศีรษะน้องสาวของเขาเบา ๆ “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก พี่รองยังติดค้างลมบูรพากับพวกเจ้าอยู่ นี่ก็ได้เป็นขุนนางในเมืองหลวงเเล้ว เมื่อคิดถึงการทำงานหนักของคนอื่นมายี่สิบปี ยังไม่แน่ว่าจะเลื่อนขั้นได้เร็วเช่นข้า”
เห็นพี่ชายกล่าวแบบนี้ นางก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ “ฮ่า ๆ พี่รองจริงจังหน่อยสิ ”
เมื่อเห็นเหยาชูก็หัวเราะ เหยาเฉาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เห็นท่าทางของน้องสาวเหมือนเด็กน้อยบริสุทธิ์ ชายหนุ่มก็ได้แต่อมยิ้มและไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
แต่ทันทีที่ได้เอ่ยปากพูดเขาก็ได้ทำลายบรรยากาศทั้งหมดลง “เจ้าลองถามพี่สะใภ้รองดูสิ ว่าข้าจริงจังหรือไม่จริงจัง”
เหยาซูได้เเต่หัวเราะ
หลินเหราที่เห็นสองพี่น้องหยอกล้อคุยกัน ใบหน้าที่เมินเฉยเย็นชาก็ค่อย ๆ อ่อนลง
ทันทีชายหนุ่มจ้องมองดวงตาของหญิงสาว หัวใจของเขาก็เต้นรัวขึ้นมา “จริงสิอาซู เจ้ายังจำเด็กหนุ่มอวี๋จือที่อยู่ที่ชิงถงได้หรือไม่ ถ้าเจ้าไม่ได้ทำอะไร เจ้าสามารถไปหาเขาได้”
ในที่สุดความคิดของเหยาซูที่มัวเเต่คิดกังวลเเต่เรื่องของตู้เหิงก็ถูกเบี่ยงเบนความสนใจออกไป
สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความดีใจ นางมองตาหลินเหราแล้วถามว่า “อวี๋จือหรือ ตอนนี้เขาอยู่ที่เมืองหลวงหรือ ช่วงนี้มีเเต่เรื่องราวมากมายเกิดขึ้น จนข้าเองก็ลืมถามเรื่องของเขาไปเสียสนิท”
แววตาอันลึกซึ้งของหลินเหราเผยให้เห็นความอ่อนโยนออกมา “ข้าเองก็ลืมบอกเรื่องนี้กับเจ้า ข้ากับพี่รองมาถึงเมืองหลวงได้ไม่นาน เจ้าเด็กอวี๋จือก็มาเยี่ยมบ้าง เขาเองก็งานยุ่งเช่นกัน บางทีก็ให้คนส่งจดหมายมา”
“ผลสอบของเขาเป็นอย่างไรบ้าง ได้มาอยู่เมืองหลวง แสดงว่าผลสอบของเขาต้องไม่เลวเลยใช่ไหม” เหยาซูถาม
เหยาเฉาหัวเราะและพูดแทรกขึ้นมา “ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าสองคนโชคดีหรือสายตาเฉียบแหลม ไปช่วยเหลือเด็กข้างถนนในวันนั้น กลับกลายเป็นจอหงวนเสียได้”
“อ๋า” เหยาซูตอบกลับ ทุบเเขนของหลินเหราเบา ๆ เเล้วพูดด้วยความโมโห “ข่าวดีแบบนี้ เหตุใดท่านถึงลืมบอกข้า ข้าจะพาลูก ๆ ไปแสดงความยินดีกับเขา”
หลินเหรากล่าวอย่างนุ่มนวล “อาจื้อเคยไปมาแล้ว เพียงเเต่ว่าก่อนหน้าที่เจ้าหนุ่มอวี๋จือจะมาอยู่ที่สำนักฮั่นหลิน จวนตระกูลเซี่ยเองก็ไม่ได้อยู่ใกล้เขา ข้าและพี่รองจึงไม่ได้ไปเยี่ยมเยียนเขาเลย อีกทั้งไม่ได้ให้ท่านน้าออกหน้า”
เหยาซูเอียงหน้าเล็กน้อย ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วกล่าว “ข้าไม่เคยคิดเเบบนี้เลยแม้เเต่ครั้งเดียว”
เหยาเฉาเห็นสีหน้าที่ดูลังเลของนาง จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องกังวล การว่าราชการเช้าวันนี้ จักรพรรดิได้กล่าวถึงเจ้าหนุ่มสกุลอวี๋ และให้เขาไปอยู่กับใต้เท้าเซี่ย การไปมาหาสู่ของพวกเราในวันข้างหน้าจะต้องเปิดเผยตรงไปตรงมาแน่”
เหยาซูหัวเราะ “จริงหรือ เหตุใดบังเอิญเช่นนี้”
ดวงตาของเหยาเฉาฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา “บนโลกนี้ไฉนจะมีเรื่องบังเอิญ มีเพียงคนจงใจที่เอ่ยอย่างไม่ตั้งใจ จึงเป็นเรื่องบังเอิญ”
เหยาซูอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก กระทั่งเรื่องตู้เหิงที่รบกวนใจนางอยู่ก็ถูกโยนทิ้งไปเรียบร้อยเเล้ว
หญิงสาวหัวเราะพลางเกาะที่แขนขวาของหลินเหรา ไหล่ของนางสั่นเล็กน้อย นางไม่สามารถหยุดหัวเราะแล้วคุยกับชายหนุ่มได้ “ดูเหมือนว่าพี่รองจะมาสามารถจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้ อาเหรา ท่านเรียนรู้จากพี่รองไว้นะ”
หลินเหราฉวยโอกาสโอบหญิงสาว ส่ายหน้าและกล่าวอย่างตั้งใจ “ความสามารถของพี่รอง คนธรรมดาไม่มีวันเรียนรู้ได้หรอก”
เมื่อเหยาเฉาเห็นลักษณะท่าทางเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยของคู่สามีภรรยา จึงหัวเราะออกมา “ดี เจ้าสองคนล้อเลียนพี่รองของพวกเจ้า คอยดูเถอะว่าวันหลังข้าจะจัดการพวกเจ้าสองคนอย่างไร”
เหยาซูกะพริบตาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อ่อ เช่นนั้นรอพี่สะใภ้รองเข้าเมืองหลวงเสียก่อน เราจึงจะรวมพลังกันได้!”
เมื่อเหยาเฉาเห็นน้องสาวกล่าวถึงภรรยาของเขา สีหน้าของเขาก็เริ่มนิ่งงัน
“ฮ่า ๆ”เหยาซูหยุดหัวเราะไม่ได้ แม้แต่สีหน้าที่เย็นชามาตลอดของหลินเหราก็เริ่มอ่อนโยนลง
บางครั้งพวกเขาทั้งสามคนก็นั่งดื่มชาและพูดคุยกับสมาชิกในครอบครัวในยามว่าง ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้ผ่อนคลายมากทีเดียว
หลินเหราถามเหยาซูเสียงแผ่วเบาเกี่ยวกับบ้านที่เขาไปดูเมื่อช่วงก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง หญิงสาวส่ายหน้า “ไม่ดี ในสายตาข้าแล้วยังดูไม่เหมาะสม”
ชายหนุ่มจับมือหญิงสาวและเอ่ยปลอบนาง “มีสหายในวังเป็นราชองครักษ์ ได้ยินข้าพูดถึงการหาที่อยู่ เขาก็เต็มใจช่วย ตอนที่เราอาบน้ำเมื่อวันก่อนข้าขอให้เขาพาเราไปดู”
เหยาซูรีบพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “เช่นนี้ดีมากเลย มีคนเมืองหลวงพาพวกเราไปดู คงจะสบายขึ้นไม่น้อย”
หลินเหราถามขึ้นมาอีก “ท่านพ่อท่านแม่หาวันที่จะมาเมืองหลวงแล้วหรือยัง?”
เหยาซูกล่าว “พวกพี่ใหญ่จะมากันก่อน จะพาลูก ๆ ของพวกเขามาด้วย รอพวกเราลงตัวสักพัก จากนั้นค่อยพาท่านพ่อท่านเเม่มา”
“อืม” ชายหนุ่มตอบ และกล่าวต่อว่า “ข้าจะจัดการโดยเร็วที่สุด จะต้องจัดการเรื่องที่พักให้เรียบร้อยก่อนที่พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ทั้งสองคนจะมาถึง”
หลายวันมานี้เหยาซูเดินทางไปหลายที่ ค่อนข้างลำบากไม่ใช่น้อย เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มรับเรื่องนี้ไปจัดการเอง นางจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่วงสองสามวันนี้ข้าอยากจะผ่อนคลายบ้าง พาเอ้อเป่า ซานเป่าเข้าไปเล่นในเมือง เรื่องหาที่พัก ขอไหว้วานให้ท่านจัดการ”
หลินเหราคลี่ยิ้มน้อย ๆ “ย่อมได้”
เหยาเฉานั่งอยู่บนม้านั่งหินจิบชาร้อนในมือพลางฟังคู่สามีภรรยาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในอนาคตก็ได้แต่อมยิ้มและไม่กล่าวอะไรออกมา
ไม่รู้ว่าอาเว่ยจะมาตอนไหน หากนับวันดูแล้วสองสามีภรรยาไม่ได้เห็นหน้ากันมาสองเดือนแล้ว
นางจะสบายดีไหม ได้ยินมาว่าเอ้อหลางเขียนตัวอักษรได้ดีขึ้นมากแล้ว คงจะเป็นเพราะพี่ใหญ่กลับมาเห็นว่าเขาไม่ตั้งใจ คงจะถูกบังคับให้เขียนอักษรเป็นแน่
พอนึกถึงตรงนี้ สีหน้าของเหยาเฉาก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น
แม้แต่ลานกว้างที่เรียบง่ายและเขียวขจีนี้ก็ยังสว่างไสวไปด้วยแสงแห่งรอยยิ้มของเขา
………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ดีแล้วค่ะที่คิดเรื่องอื่น อย่าไปให้ค่านางร้ายตัวประกอบอย่างนังตู้เลยค่ะ เปลืองสมองเปล่า ๆ
ครอบครัวเหยาจะอยู่กันพร้อมหน้าแล้วสินะ
ไหหม่า(海馬)