ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 320 พบเจอบ้านที่เหมาะสม
บทที่ 320 พบเจอบ้านที่เหมาะสม
บทที่ 320 พบเจอบ้านที่เหมาะสม
สหายชาวเมืองหลวงในครั้งก่อนที่หลินเหรากล่าวถึงว่าเขาจะช่วยหาบ้านให้ เขาเองมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก ไม่รอให้ถึงวันพักครั้งต่อไป เขาก็สามารถหาที่พักดี ๆ ให้หลินเหราได้สามถึงสี่ที่
หลินเหราถือโอกาสที่เหมาะสมนี้ พาเหยาซูไปชมแล้วหนึ่งครั้ง
ทันใดที่เหยาซูย่างก้าวเข้าไปในลานบ้าน ก็ชื่นชอบบ้านหลังนั้นทันที
บ้านหลังนั้นเรียบง่าย หากมองจากข้างนอกดูไม่ได้มีขนาดใหญ่นัก แต่เมื่อก้าวเข้าไปแล้วก็มีทางเดินมากมาย การตกแต่งก็งดงาม
มีสระน้ำ ภูเขาเทียม นกและปลาที่แหวกว่ายอยู่ในสระ ทำให้ภายในบ้านเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา
เหยาซูเดินตามหลินเหราไปรอบ ๆ ยิ้มให้ชายหนุ่มแล้วกล่าวว่า “หากหาบ้านแบบนี้ได้ตั้งแต่แรก ก็คงไม่ต้องเหนื่อยเสียเวลาตามหาไปทั่วเช่นนี้หรอก”
หลินเหราเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเหยาซู สีหน้าเย็นชาก่อนหน้านี้ก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมา “เจ้าชอบที่นี่หรือไม่ อยากจะไปดูที่อื่นอีกไหม”
พ่อค้าคนกลางที่พาทั้งสองคนเดินชมบ้านเห็นสีหน้าที่พึงพอใจของเหยาซู จึงยิ้มและกล่าวขึ้นมาว่า “บ้านที่ข้าพาแม่นางมาดูวันนี้เป็นบ้านที่ดีที่สุดในบรรดาสี่หลังแล้ว หากฮูหยินไม่ถูกใจหลังนี้ บ้านหลังต่อไปก็คงจะไม่ชอบแน่ ๆ”
หลังจากที่เดินชมไปไม่นาน ร่างกายเหยาซูก็เริ่มมีเหงื่อผุดซึมออกมา จึงได้หยุดแวะพักใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่
ภายใต้แสงแดดที่เจิดจ้าในฤดูร้อน โชคดีที่มีร่มเงาของต้นไม้ทอดยาวคอยบดบังแสงอาทิตย์ไว้
เหยาซูที่เดินจนเหนื่อย นางเองก็ชอบบ้านหลังนี้มาก จึงกล่าวกับพ่อค้าคนกลางว่า “เจ้าของบ้านคนก่อนเขาทำอะไรหรือ ถึงต้องการขายบ้านหลังนี้”
พ่อค้าคนกลางเห็นว่าคู่สามีภรรยานี้ เหยาซูเป็นคนตัดสินใจ จึงทุ่มเทความสามารถการขายทั้งหมดให้กับนาง แนะนำถึงที่มาของสถานที่แห่งนี้อย่างกระตือรือร้น “ในอดีตที่แห่งนี้เคยเป็นบ้านที่องค์หญิงมณฑลของเราซื้อให้บุตรชายของนาง ต่อมาเมื่อองค์จักรพรรดิขึ้นครองบัลลังก์ ครอบครัวของพวกเขาย้ายออกจากเมืองหลวง และบ้านก็ว่างลง”
แววตาที่เป็นประกายของเหยาซูมองไปที่หลินเหรา “บ้านหลังนี้มีที่มาแบบนี้เองหรอกหรือ ไม่น่าแปลกใจเลยที่การตกแต่งภายในของบ้านจะประณีตงดงาม แม้ภายนอกจะดูธรรมดาแต่กลับไม่ธรรมดา”
พ่อค้าคนกลางหัวเราะร่วน “ใช่แล้ว คนทั่วไปไม่รู้ด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ซื้อเลย คนที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าของเก่าให้คอยดูแลบ้านหลังนี้เห็นว่าเป็นใต้เท้าหลิน ดังนั้นเขาจึงยินดีที่จะให้ท่านทั้งสองคนเยี่ยมชม”
เหยาซูรู้ว่าคำพูดของพ่อค้าคนกลางนั้นออกจะเกินจริงไปหน่อย แต่ว่าหลินเหราเป็นหนี้บุญคุณเพื่อนร่วมงานของเขาที่จัดหาหาสถานที่ที่หายากเช่นนี้ให้
หญิงสาวจึงหัวเราะออกมา และกล่าวกับสามีของนางเบา ๆ “กลับไปท่านต้องไปขอบคุณเขาที่ลำบากหาที่อยู่ดี ๆ แบบนี้ให้พวกเรา”
หลินเหราพยักหน้า “ได้”
เหยาซูโปรดปรานที่นี่มาก จึงกล่าวกับพ่อค้าคนกลางว่า “วันนี้รบกวนท่านพ่อค้าที่พาพวกเรามาชมที่นี่ พวกเราถูกใจมาก เป็นไปได้ไหมถ้าต่อไปพวกเราจะพูดคุยกันถึงเรื่องอื่น”
พ่อค้าเห็นนางมีท่าทีว่าจะซื้อบ้านหลังนี้ รอยยิ้มจริงใจพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา และกล่าวอย่างกระตือรือร้น “ไม่มีปัญหา พรุ่งนี้ข้าจะนัดหมายคนที่ดูแลบ้านหลังนี้ให้มาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ ข้าจะเก็บบ้านหลังนี้ไว้ให้กับพวกท่านทั้งสองคน”
เหยาซูยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เวลาผ่านไปแล้วครึ่งค่อนวัน ทั้งสองคนก็ได้ดูบ้านเสร็จ ระหว่างทางกลับจวนตระกูลเซี่ย เหยาซูยังคงทอดถอนใจ “ต้องพึ่งพาโชคชะตาถึงจะได้บ้านหลังนี้มา ถ้าบ้านทางฝั่งตะวันตกของเมืองไม่ได้ถูกตู้เหิงซื้อไป พวกเราก็คงไม่สามารถหาที่ที่ดี ๆ เช่นนี้ได้”
หลินเหรายิ้มในใจ มองไปที่หญิงสาวแล้วกล่าวว่า “ยังคิดถึงบ้านหลังที่ไปดูก่อนหน้านี้อยู่หรือ”
บ้านหลังที่พวกเขาไปดูเมื่อครั้งก่อน เหยาเฉาไปสอบถามอย่างชัดเจนแล้วว่าคนที่ซื้อบ้านหลังนั้นคือตู้เหิง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นางหงุดหงิดอยู่พักใหญ่
เหยาซูเบ้ปาก “ไม่ใช่ว่าข้าใจแคบหรอกนะ นางใช้ชื่อเสียงช่วยพวกเราหาบ้านในวันนั้น และให้ท่านไปคนเดียว เฮอะ ดูไปครึ่งค่อนวัน ท้ายที่สุดนางกลับซื้อมันให้ตัวเอง”
เป็นเรื่องยากที่จะให้นางปล่อยวางกับเรื่องนี้ หลินเหราเพียงแค่รู้สึกว่าท่าทางหึงหวงของภรรยาดูน่ารักเสียเหลือเกิน
เขากุมมือเล็ก ๆ ของนางเอาไว้ พลางมองตาทั้งสองข้างของนางอย่างตั้งใจ แล้วกล่าวกับนางเบา ๆ “เป็นดังเช่นที่เจ้าพูดมาท้้งหมด ทุกเรื่องล้วนย่อมเป็นไปตามโชคชะตาที่ถูกลิขิตไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ้านหรือผู้คน ความหลงใหลของแม่นางตู้ แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจที่มาของความหลงใหลนั้น แต่ข้าก็รู้ว่าข้าไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับนาง”
เหยาซูเห็นว่าจู่ ๆ สามีก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ในเวลานั้นนางก็จริงจังขึ้นมาเช่นกัน
นางไม่ใช่คนที่มีนิสัยคิดเล็กคิดน้อย ในตอนแรกที่คิดจะกีดกันตู้เหิง ก็เพราะว่าตู้เหิงกลายเป็นภรรยาของหลินเหราในนิยาย
ถึงอย่างนั้น เหยาซูเองก็ไม่ได้วางแผนจะจัดการฝ่ายตรงข้ามอย่างไร
แต่เป็นตู้เหิงเองที่ล้ำเส้น พยายามคิดหาวิธีที่จะได้ใกล้ชิดกับหลินเหรา อีกทั้งยังทำเรื่องที่เกือบพลั้งพลาดทำร้ายนางและลูก ๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เหยาซูถึงขีดจำกัด
มันเป็นวิธีที่นางรับไม่ได้มากที่สุด
เหยาซูขมวดคิ้ว ส่ายหน้าเบา ๆ แล้วกล่าวกับหลินเหรา “บนโลกนี้ไม่มีความรักหรือความชังที่ไม่มีเหตุผล นางดื้อรั้นเช่นนี้อาจจะทำให้นางไปถึงทางตันที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ขืนนางยังยั่วยุต่อไป ข้าเองก็คงไม่สามารถปล่อยนางไปได้”
หลินเหราเห็นน้ำเสียงที่เริ่มผ่อนคลายมากขึ้นก็เอ่ยขึ้นว่า“อาซู เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
เหยาซูจ้องมองหลินเหราแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้เป็นแบบนี้ ก็ยังดีที่ไม่ได้ทำอันตรายเด็ก ๆ มีคนคอยปกป้องนางอยู่ แต่ข้าเองก็ไม่ต้องการเอาอนาคตของท่านกับพี่รองไปเสี่ยงเช่นกัน”
หลินเหราจ้องลึกเข้าไปในดวงตาทั้งคู่ของเหยาซู และกล่าวอย่างจริงจังว่า “อาซู ข้าให้สัญญาว่าจะทวงคืนความยุติธรรมให้เจ้ากับลูก ๆ”
รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหยาซู ดวงตาคู่เปล่งประกายเอ่ยถามอย่างนุ่มนวลว่า “ข้ารู้ แต่ว่าช่วงนี้ข้าเองก็คิดมาก ข้าชอบชีวิตที่สงบสุขแบบตอนนี้ ชอบที่ครอบครัวเรากับพี่รองได้อยู่ด้วยกัน ชอบที่ท่านน้าเล่นหยอกล้อเล่นกับเด็ก ๆ ไม่อยากให้เรื่องอื่นใดมาทำลายความสุขง่าย ๆ ของพวกเรา ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป อย่าเพิ่งอคติไปเลย”
แสงแดดที่อบอุ่นส่องลงบนใบหน้าขาวผ่องของเหยาซู สะท้อนความรู้สึกอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสุขของนางออกมา
ในเวลานี้หลินเหรารู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าปราการที่เย็นเยือกราวกับน้ำแข็งที่เกาะกุมหัวใจของเขาไว้ค่อย ๆ ละลายและแตกออก และสุดท้ายก็ปล่อยให้แสงแดดที่อบอุ่นส่องเข้ามา
ทำไมทุกครั้งที่อยู่ข้าง ๆ นาง ท่าทางที่แสนจะธรรมดานั้นกลับมีแรงที่ดึงดูดผู้คนให้หยุดชะงัก และปรารถนาที่จะอยู่กับนางไปชั่วนิรันดร์
เขาหยุดเดินแล้วจ้องมองหญิงสาวอย่างตั้งใจ เวลานั้นเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมา
หญิงสาวชะงักอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้เอ่ยถามชายหนุ่ม “เป็นอะไรไปหรือ”
หลินเหราส่ายหัว และกล่าวเบา ๆ “ไม่ได้เป็นอะไร แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย อาซู… ชีวิตที่เจ้าพรรณนาออกมา คือสิ่งที่ข้ารอคอยและปราถนาที่จะได้มาเช่นกัน ”
เหยาซูคลี่ยิ้มแล้วพยักหน้า “งั้นพวกเรามาพยายามด้วยกันเพื่อชีวิตในแบบที่เราต้องการกันเถอะ”
หลินเหรากุมฝ่ามือของเหยาซูอีกครั้ง ถอนหายใจยาว ๆ แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ได้”
ระหว่างทางกลับจวนของตระกูลเซี่ย ทั้งสองเคียงข้างกันพูดคุยเกี่ยวกับการศึกษาของอาจื้อ ความสนใจของอาซือ และการละเล่นต่าง ๆ ระหว่างซานเป่าและเซี่ยเชียน
ภายใต้แสงแดดที่สาดส่อง ทั้งสองเดินเคียงข้างกันบนถนนในเมืองหลวง ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเดินต่อไปข้างหน้าบนเส้นทางที่มีกันและกัน…
……………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ได้บ้านใหม่ดีกว่าหลังเดิมที่ไปดูอีก ต้องขอบคุณตู้เหิงแล้วที่ชิงซื้อไปก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่เจอบ้านดีๆ แบบนี้
ไหหม่า(海馬)