ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 334 อาจื้อจิตใจอ่อนไหว และใจกว้างไม่พอ
บทที่ 334 อาจื้อจิตใจอ่อนไหว และใจกว้างไม่พอ
บทที่ 334 อาจื้อจิตใจอ่อนไหว และใจกว้างไม่พอ
ในตอนค่ำขณะที่รอหลินเหรากลับมา เด็ก ๆ ล้วนเข้านอนหมดเเล้ว
เหยาซูยังคงทำเหมือนสมัยก่อนที่จะมาเมืองหลวง หญิงสาวนั่งอยู่ข้างตะเกียงน้ำมันรอชายหนุ่มกลับบ้าน ในตอนที่หลินเหราผลักประตูเข้ามา ชายหนุ่มก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
“อาซู ดึกขนาดนี้ทำไมเจ้าถึงยังไม่เข้านอน”
หญิงสาวง่วงนอนเล็กน้อย กำลังงัวเงียเเละคิดถึงเเต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้า ในตอนที่กำลังจะหันหน้าไปมอง ชายหนุ่มก็มายืนตรงหน้านางแล้ว
เหยาซูเหลือบมองชายหนุ่ม แล้วหาวหนึ่งรอบ “ท่านกลับมาแล้วหรือ ทำไมถึงกลับมาดึกเช่นนี้”
ใบหน้าที่ไม่ได้รับการเเต่งเเต้มภายใต้โคมไฟ เส้นผมที่อ่อนนุ่มทอดยาวลงมาตามไหล่ ชุดที่สวมตอนอยู่บ้าน เมื่อเทียบกับตอนกลางวันที่ถูกเติมแต่ง ยามนี้กลับมีความงามที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
หลินเหราเดินเข้ามาใกล้ กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ในวังเกิดเรื่องนิดหน่อยจึงทำให้กลับมาช้า วันนี้พี่รองก็ค้างที่วัง มีเพียงเเค่ข้าที่กลับมา”
หญิงสาวรู้สึกตื่นเต็มที่ นางขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวว่า “หืม เรื่องราวมันแก้ไขยากเพียงนั้นเลยหรือ”
หลินเหราตอบกลับเบา ๆ หนึ่งคำ “อืม”
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในพระราชวังไม่สามารถบอกต่อกันได้ เหยาซูเห็นชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรมากมาย จึงไม่ได้ซักไซ้ต่อ และได้กล่าวถามเรื่องอื่นขึ้น “หากครั้งหน้าไม่สะดวกท่านก็ค้างที่นั่นเสีย เดินทางไปกลับใช้เวลาไม่น้อย พรุ่งนี้ท่านก็ยังต้องเข้าวังแต่เช้าไม่ใช่หรือ”
หลินเหราที่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเย็นชา ครั้นเมื่อชายหนุ่มกลับถึงบ้านความเย็นชาเหล่านั้นก็มลายหายไปหมดสิ้น โดยเฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าเหยาซู จะเเสดงออกก็เพียงเเค่ความอบอุ่นเท่านั้น
ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้หญิงสาว ส่ายศีรษะเเล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มและอ่อนโยน “ถ้าหากว่าวันนี้ข้าไม่กลับมา จะไม่ทำให้เจ้ารออย่างเปล่าประโยชน์หรือ”
เหยาซูอดที่จะยิ้มไม่ได้
หญิงสาวกัดริมฝีปากเบา ๆ “หากรอนานแล้วท่านยังไม่กลับมา ข้าก็เพียงเข้านอน”
หลินเหราไม่ได้เอ่ยเอื้อนคำใด ได้เเต่จ้องมองดวงตาคู่งามของภรรยา
เหยาซูใช้มือดึงเเขนชายหนุ่มให้ลงมานั่งข้าง ๆ ยิ้มเเล้วเอ่ยว่า “มานี่ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”
หลินเหรานั่งลงตามเเรงของภรรยา ชายหนุ่มเกิดความสงสัยต่อสิ่งที่ภรรยาของเขากล่าวขึ้น
เหยาซูกล่าวขึ้นเบา ๆ “เป็นเรื่องของอาจื้อ”
ถึงแม้ว่าเด็กชายจะกำชับเหยาซูเป็นพิเศษว่าอย่าบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้กับพ่อของตน เหยาซูกลับรู้สึกว่าจำเป็นต้องเอาเรื่องปัญหาการศึกษาของลูกมาปรึกษากับหลินเหรา
หลินเหราถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น”
เหยาซูถอนหายใจเบา ๆ หนึ่งครั้ง และพูดด้วยน้ำเสียงเบาที่สามารถได้ยินกันสองคน“เช้าวันนี้ข้าพาเอ้อเป่าไปที่ร้านอาหาร จึงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านนัก จึงทำให้ต้าเป่ารู้สึกน้อยใจ”
สีหน้าเเววตาที่ตั้งใจฟังของชายหนุ่มเป็นสัญญาณให้เหยาซูพูดต่อไป
หญิงสาวกล่าวต่ออย่างฉะฉาน “จริง ๆ มันก็เเค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ท่านปู่จะให้อาจื้อพักหนึ่งวัน เเละเขาเองก็อยากจะออกไปผ่อนคลายกับพี่ ๆ ใครจะไปนึกว่าตอนไปหาเอ้อหลางในตอนเช้า ตัวเองจะเผลอหลับที่ลานบ้าน ผลปรากฏว่าเอ้อหลางไปเรียกต้าหลาง สองพี่น้องออกไปวิ่งเล่นทั้งวัน แล้วลืมอาจื้อไว้ที่บ้าน….”
หลินเหราตกตะลึง ราวกับว่าชายหนุ่มไม่เข้าใจจุดสำคัญของเรื่องนี้
เหยาซูยิ้ม “ต่อมา อาจื้อรู้สึกโกรธพวกพี่ ๆ”
เเววตาของชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความสงสัย เขาขมวดคิ้วครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะกล่าวออกมา “นี่มันเป็นเรื่องที่น่าโกรธตรงไหน นิสัยของอาจื้อออกจะใจเเคบไปหน่อย”
เหยาซูดูไม่พอใจที่สามีของนางกล่าวออกมาเช่นนี้ หญิงสาวลุกขึ้น ทำท่าทางราวกับไม่อยากจะกล่าวอะไรต่อ
ประโยคที่ชายหนุ่มพยายามจะสื่อสารออกไปทำให้สีหน้าเหยาซูเปลี่ยนไป ภายในใจของชายหนุ่มนั้นรู้สึกขบขัน แล้วก็รีบกล่าวขึ้น “เอาละ ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรพูดเช่นนี้ เจ้าพูดเรื่องของอาจื้อต่อเถอะ”
เหยาซูจ้องมองสามีด้วยดวงตาคู่สวย “ข้าพูดว่าอาจื้อทำอะไรก็จะกังวลว่าพ่อจะไม่ชอบตน ท่านชอบมองข้อเสียของลูก เช่นนี้ไม่ถูก”
หลินเหราจนปัญญา จึงได้เเเต่กล่าวว่า “ทำไมข้าถึงจะไม่ชอบเขา ข้าอาจจะคิดไปเองและข้าก็ไม่ควรเอ่ยเช่นนั้น นอกจากนี้ ทุก ๆ วันข้าก็เป็นคนฝึกฝนเขา ข้าไม่เคยพูดคำหยาบคายออกมาซักประโยค เช่นนี้ไม่ดีอีกหรือ”
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เหยาซูคุยกับเขา ชายหนุ่มก็ไม่เข้มงวดกับอาจื้ออีกต่อไป พ่อและลูกชายก็เข้ากันได้ดีมาโดยตลอด
เหยาซูอารมณ์เริ่มดีขึ้น เเต่คิ้วของหญิงสาวยังคงขมวดมุ่น เเล้วถอนหายใจออกยาว ๆ หนึ่งครั้ง
หลินเหรามองหญิงสาว เเล้วกล่าวเบา ๆ “เป็นอะไรไป มีอะไรผิดปกติ เจ้าถอนหายใจทำไมหรือ”
เหยาซูมองหลินเหรา เเล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ท่านบอกว่าอาจื้อควรไม่ใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ แต่ในฐานะของผู้เป็นพ่อ ท่านเองเคยได้สังเกตบ้างหรือไม่ว่าท้ายที่สุดเเล้วเขาใส่ใจอะไร”
หลินเหราตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าชายหนุ่มเองก็คาดไม่ถึงว่าภรรยาตนจะเอ่ยถามขึ้นมาเช่นนี้
เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวเริ่มโศกเศร้าเล็กน้อย ดวงตาของเขาก็เริ่มหรี่ลงเล็กน้อย
ชายหนุ่มไม่ต้องการให้หญิงสาวมีความรู้สึกและสีหน้าเช่นนั้น จึงกุมมือของนางขึ้นมาแล้วกล่าวว่า
“อาซู มีตรงไหนที่ข้ายังทำไม่ดีพอหรือไม่ เจ้าพูดมาได้เลยข้าจะปรับปรุงตัวเอง เจ้าบอกว่าข้าเข้มงวดกับอาจื้อมากเกินไป ทุกวันนี้ข้าก็ปฏิบัติกับเขาอย่างอ่อนโยนมากขึ้น เจ้าพูดว่าข้าใส่ใจพวกเขาได้ไม่มากพอ ต่อไปข้ากลับจากทำงานข้าจะคอยถามไถ่การบ้านพวกเขาให้มากกว่านี้….”
น้ำเสียงเย็นชาของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่นและนุ่มนวลขึ้น ไม่นานหญิงสาวก็เริ่มตาแดงก่ำ
“ไม่ใช่เรื่องที่ท่านถามไถ่หรือไม่ถามไถ่การบ้าน….”
หญิงสาวไม่ได้มีอารมณ์อ่อนไหว เเต่ภาพของอาจื้อที่กำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของนางในวันนี้ยังคงติดตานางอยู่ เหยาชูจะไม่รู้สึกเศร้าในใจได้อย่างไร
หลินเหราที่ไม่ชอบเห็นภรรยาโศกเศร้า ก็ได้รีบพูดขึ้น “อาซู เจ้าไม่ต้องร้อง มันเกิดอะไรขึ้น ข้าพูดไม่ถูกหรือ หรือว่าข้าทำอะไรไม่ดีหรือเปล่าเจ้าบอกข้าได้ไหม ไม่จำเป็นต้องปกปิดเอาไว้ในใจ ”
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ น้ำเสียงอู้อี้เล็กน้อยแล้วเหลือบมองไปที่หลินเหรา “ไม่ใช่ปัญหาของท่านและก็ไม่ใช่ท่านทำอะไรไม่ดี ข้าเเค่รู้สึกว่าข้าทำผิดต่อลูก ๆ”
เมื่อความรู้สึกในใจเริ่มระบายออกไป ก็เป็นการยากที่จะระงับความรู้สึกนั้นไว้ในใจได้
หยาดน้ำตาของหญิงสาวได้รินหลั่งออกมา
“สมัยก่อนที่อยู่กับตระกูลหลิน ไม่รู้ว่าอาจื้อและอาซือต้องทุกข์ยากลำบากขนาดไหน ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัวไป แต่ว่าภายในจิตใจของเขาเล่า ตอนนั้นเองเอ้อเป่าก็ยังเด็ก ไม่สามารถรับรู้ผลกระทบอะไรได้ แต่ว่ากับต้าเป่านั้นไม่เหมือนกัน ตอนที่อยู่บ้านตระกูลหลิน ต้าเป่าแปดขวบแล้ว ไฉนเขาจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยเล่า”
หลินเหราฟังหญิงสาวอย่างเงียบ ๆ พลางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้ภรรยาแผ่วเบา
สีหน้าของเหยาซูดูโศกเศร้าเป็นพิเศษภายใต้เเสงสลัว และไม่นานมันก็ปักเข้ามากลางใจของหลินเหรา
“ท่านเพียงเเค่พูดว่าอาจื้อจิตใจอ่อนไหวและใจกว้างไม่พอ เขาไม่ใช่เอ้อหลาง ไม่ได้เติบโตที่บ้านตระกูลเหยาอย่างไร้ความกังวล ท่านก็รู้ว่าตั้งเเต่เล็กจนโตเขาถูกทุบตีมามากน้อยเพียงใด พ่อแม่ไม่รัก อีกทั้งยังมีย่าที่ไร้เหตุผลเช่นนั้นอีก ต้องขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้เขาโตมาได้ในทุกวันนี้”
หลินเหราที่รู้สึกอึดอัดอยู่ภายในใจ หลังจากที่ได้ยินเหยาซูกล่าวเช่นนี้ ก็อดที่จะรู้สึกอยากจะหัวเราะไม่ได้
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “พ่อแม่ไม่รักหรือ ก็เห็นอยู่ว่ารักอย่างสุดหัวใจ เจ้ายังรักไม่พออีกหรือ”
ดวงตาของเหยาซูเบิกกว้างจนลืมไปเเล้วว่าตนเองร้องไห้ และกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ข้าหมายถึงเมื่อก่อน”
เรื่องราวระหว่างทั้งสองคนในอดีต ทั้งสองมีข้อตกลงกันว่าทุกครั้งที่เจอกันจะหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
หลินเหราเห็นหญิงสาวร้องไห้เช่นนี้ ชายหนุ่มจึงเช็ดน้ำตาเเล้วกล่าวกับนางว่า “ข้าเข้าใจเเล้วว่าเหตุใดวันนี้เจ้าถึงได้ร้องไห้เสียใจเช่นนี้ เป็นเพราะนิสัยที่อ่อนไหวของอาจื้อในปัจจุบัน เป็นเพราะเมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านตระกูลหลินได้รับความไม่เป็นธรรมมากมาย จึงรู้สึกละอายใจต่อลูก ”
เหยาซูไม่ได้ต่อต้านที่ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ สิ่งที่ชายหนุ่มวิเคราะห์ออกมาก็นับว่าไม่ผิด หญิงสาวตอบกลับไปหนึ่งคำ “อืม”
และฟังชายหนุ่มตอบกลับ “ข้าคิดว่าเจ้าให้ความสนใจผิดจุด เรื่องราวของวันนี้เป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ ความคับข้องใจและความทุกข์ยากของเราในอดีตล้วนเป็นเรื่องของอดีตที่ผ่านมาเเล้ว อาจื้อควรเป็นคนใจกว้างมากขึ้น เป็นลูกผู้ชาย และไม่ควรติดอยู่กับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ”
หญิงสาวเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็ตะลึงไปชั่วหนึ่ง เเล้วจ้องมองชายหนุ่ม
ชายหนุ่มที่หล่อเหลาราวกับว่าเขาออกมาจากภาพวาด คิ้วและตาที่อ่อนโยน และเขาพูดด้วยเสียงเบา ๆ “อาซู เจ้าใส่ใจเด็ก ๆ มากเกินไปแล้ว บางครั้งมันจะทำให้เจ้าเสียความรู้สึกไป ลองพิจารณาให้ดี ๆ ที่ข้าพูดมันมีเหตุผลหรือไม่”
…………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หาทางออกร่วมกันอย่างสันตินะคะ เพื่อให้อาจื้อเติบโตอย่างมีความสุขไร้กังวล
ไหหม่า(海馬)