ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 354 เสี่ยวเว่ยได้รับบาดเจ็บสาหัส
บทที่ 354 เสี่ยวเว่ยได้รับบาดเจ็บสาหัส
บทที่ 354 เสี่ยวเว่ยได้รับบาดเจ็บสาหัส
เหยาเฉาออกแรงอุ้มเสี่ยวเว่ยขึ้นมา พาเด็กหนุ่มที่เข้าสู่สภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นมายังห้องหนังสือที่ใกล้ที่สุด
มือทั้งสองข้างของเหยาเฉาที่อุ้มเสี่ยวเว่ยเต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดงสด ร่างกายสั่นระริก ภายในห้องมืดสลัว เขาพยายามอยู่หลายครั้งกว่าจะสามารถจุดไฟตะเกียงน้ำมันได้
เด็กหนุ่มเอนกายพิงพนักเก้าอี้มีเบาะในห้องหนังสือ ก่อนจะส่งเสียงไอสองครั้ง
เหยาเฉารีบเดินมาข้างกายของเขา แล้วมองด้วยสายตาเป็นห่วง “เสี่ยวเว่ย ได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง?”
เด็กหนุ่มส่งเสียง “อึก” หนึ่งเสียง มือขวากดตรงหน้าอก แสดงสีหน้าแห่งความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่พูดสิ่งใด
เหยาเฉารีบตัดสินใจทันที ทำการฉีกเสื้อผ้าด้านบนที่ถูกดาบฟันจนเกิดเป็นบาดแผลนับไม่ถ้วน อาศัยแสงไฟสีส้มเรืองรองมองดูแวบหนึ่ง แล้วสูดลมหายใจเย็นอย่างอดไม่ได้
ร่างกายซูบผอมของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เปรียบเทียบกับผิวพรรณที่ขาวเนียนเป็นเงาราวกับไม่ได้ต้องแสงอาทิตย์มานานก็ถึงกับตกตะลึงไม่น้อย
แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกชาไปทั่วทั้งศีรษะที่สุด คือบาดแผลที่เป็นแนวยาวบนหน้าอกของเขา เนื้อที่ปริออกมาภายนอก ทำให้เลือดสดทะลักออกมาไม่หยุด!
เหยาเฉาเดินอ้อมมาด้านหลังของเสี่ยวเว่ย ซึ่งบนแผ่นหลังของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผลที่สามารถมองเห็นได้เช่นเดียวกัน
มือคู่นั้นของเขาเริ่มสั่นระริก ใบหน้าซีดเผือดหันออกไปข้างนอก แต่กลับถูกเสี่ยวเว่ยรั้งไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง
เด็กหนุ่มเหมือนจะใช้พลังเฮือกสุดท้ายจับเขาไว้แน่น แล้วเอ่ยถาม “ท่านจะไปไหน?”
เหยาเฉาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามกลั้นไม่ให้น้ำเสียงสั่นเครือ “ไปตามหมอสิ! อาการบาดเจ็บของเจ้า ต้องห้ามเลือดโดยเร็วที่สุด”
มือของเสี่ยวเว่ยจับแน่นขึ้นกว่าเดิม แล้วกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ไปไม่ได้”
เหยาเฉาไม่อยากทะเลาะกับเขาในเวลานี้ จึงทำได้แค่กล่าวประนีประนอมด้วยเสียงที่อ่อนโยน “เสี่ยวเว่ย ข้าจะรีบไปรีบกลับ จะไม่ถ่วงเวลาแม้แต่น้อย”
เด็กหนุ่มส่ายหน้า แล้วยังยืนยันประโยคนั้น “ไปไม่ได้!”
เหยาเฉาร้อนใจ เบิกตากว้างมองบาดแผลอันน่าตกตะลึงพรึงเพริดบนหน้าอกที่ยังคงมีเลือดสดทะลักออกมา ชายหนุ่มจึงรีบเอ่ยทันที “หยุดวุ่นวาย! บาดแผลของเจ้าต้องรีบจัดการโดยเร็ว!”
เสี่ยวเว่ยพยายามลืมตา มองเหยาเฉาและพูดว่า “ที่ข้าต้องบาดเจ็บมากมายเช่นนี้ ก็เพื่อไม่ให้สาวมาถึงจวนเหยาได้ จึงต้องใช้วิธีทางอ้อมจัดการและฆ่าพวกมันทีละคน หากท่านไปเรียกหมอตอนนี้ แล้วข้าจะยอมเจ็บตัวเช่นนี้ไปเพื่ออะไร?”
สุ้มเสียงของเด็กหนุ่มเย็นชา ราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใด ๆ จากบาดแผลนั้น
เหยาเฉาสัมผัสได้อย่างชัดเจน มือที่กุมข้อมือของตนนั้นเย็นเฉียบ น้ำเสียงระหว่างที่พูดก็ยังสั่นเครือเล็กน้อย
กระทั่งได้ยินเสี่ยวเว่ยเอ่ยเสียงแผ่วเบา “บาดแผลของข้า ข้ารู้ดี คงถูกฟันไม่กี่แผลหรอก เลือดออกเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ถึงตาย”
นัยน์ตาของเหยาเฉาร้อนผ่าว แล้วใช้พลังทั้งหมดข่มให้ตัวเองสงบลง
อีกฝ่ายพยักหน้าพลางพูดว่า “ก็ได้ ข้าจะไม่เรียกหมอ แต่จะเอายามาทาให้เจ้า ตกลงหรือไม่?”
ครั้นเสี่ยวเว่ยเห็นเขายอมถอยหนึ่งก้าว จึงค่อย ๆ คลายมือออก
เหยาเฉามองเขาด้วยสายตาลึกซึ้งแวบหนึ่ง แล้วก้าวเท้าออกจากประตูไปโดยพลัน
อีกฝ่ายเร่งฝีเท้าอย่างเต็มที่ ย่างตามแสงจันทร์กลับมาในห้องนอน หยิบยาจินชวง[1] และผ้าสะอาด จากนั้นก็อ้อมมายังห้องครัวเล็ก ๆ ตักน้ำอุ่นหนึ่งอ่าง แล้วกลับมายังห้องหนังสือ
ตะเกียงน้ำมันในห้องหนังสือเกิดการแผดเผาอย่างเงียบ ๆ เปลวไฟที่ส่องแสงสว่างโบกไสวตามการมาถึงของเหยาเฉา จากนั้นก็กลับสู่สภาวะปกติ
เหยาเฉาวางอุปกรณ์พวกมีดกรรไกรในมือลง แล้วคุกเข่าลงบนเบาะ ก่อนจะกล่าวกับเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ว่า “เสี่ยวเว่ย ลืมตา แล้วมองข้า หือ?”
เสี่ยวเว่ยลืมตาอย่างที่พูดจริง ๆ จากนั้นก็แบะปาก แกล้งพูดอย่างสบาย ๆ “วางใจเถอะ ชีวิตข้ามันแกร่ง ตายยาก”
เหยาเฉายิ้มอย่างขมขื่น แล้วใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นจนเปียกชุ่ม เริ่มเช็ดคราบโลหิตเหนียวหนืดบนร่างกายของเขา
ครั้นเช็ดคราบเลือดเสร็จก็เหลือเพียงต้องจัดการบาดแผลที่ปริแตก เหยาเฉาใช้ผ้าฝ้ายในมือชุบสุรา จากนั้นก็กระซิบข้างหูของเสี่ยวเว่ยด้วยเสียงต่ำ “เจ็บหน่อย อดทนไว้”
เสี่ยวเว่ยตอบ “อื้อ” ด้วยเสียงต่ำหนึ่ง
นิ้วมือเรียวยาวที่ถือผ้าฝ้ายไว้แน่นนั้นแข็งแรงนัก แต่ในเวลานี้กลับแตะลงบนบาดแผลของเสี่ยวเว่ย เช็ดคราบเลือดสีดำทั้งหมดออกอย่างอ่อนโยน
แต่เมื่อบาดแผลโดนสุรา แม้แต่คนเหล็กที่ว่าแน่ก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ทะลุขึ้นหัวใจ ต่อให้กำลังมือของเหยาเฉาจะเบาเพียงใด เสี่ยวเว่ยก็ยังมีเหงื่อผุดซึมออกมา
แต่เด็กหนุ่มกลับกัดฟันแน่น ไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย
เหยาเฉาจัดการทุกอย่างในมืออย่างรวดเร็ว พลางกล่าวกับเสี่ยวเว่ยว่า “เช็ดเรียบร้อย ตอนนี้ข้าใส่ยาแล้ว อีกไม่นานก็ดีขึ้น”
โชคดีที่หลินเหราและเหยาเฉาอยู่ในฐานะองครักษ์รักษาฝ่าบาท มักไปมาหาสู่กับหมอหลวงอยู่บ่อยครั้ง ในจวนจึงมักมียาจินชวงเตรียมไว้เสมอ
ผงสีขาวได้กระจายลงบนบาดแผลที่หน้าอกของเสี่ยวเว่ย ไม่นานนักเลือดก็หยุดไหล
ในที่สุดเหยาเฉาก็ค่อย ๆ ผ่อนคลาย แล้วเริ่มจัดการบาดแผลอื่น ๆ ที่มีขนาดต่างกันบนหน้าอกของเสี่ยวเว่ยอย่างรวดเร็วและเบามือที่สุด
เหยาเฉาหยิบตะเกียงน้ำมันมาไว้ข้างตัว เพื่อส่องให้เห็นบาดแผลอาบด้วยโลหิตสดแดงฉานบนร่างกายของเด็กหนุ่ม เห็นกระทั่งรอยแผลเป็นที่หลงเหลือไว้จากอดีตอย่างชัดเจน
บาดแผลใหม่และบาดแผลเก่าตัดสลับกันไป ทำให้ไม่อยากจะเชื่อว่า นี่คือบาดแผลของเด็กหนุ่มที่ยังไม่สวมกวาน[2]
ระหว่างทายานั้น เหยาเฉารู้สึกปวดใจและโทษตัวเองอย่างอดไม่ได้ ก่อนกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “เรื่องในวันนี้ ทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของข้า ข้าชะล่าใจเกินไป…ไม่น่าให้เจ้าไปเสี่ยงเพียงลำพังเลย”
เสี่ยวเว่ยเจ็บปวดมากจนนอนไม่หลับ เมื่อได้ยินดังนั้นก็พลันปรือตาขึ้นมองเหยาเฉาแวบหนึ่ง
ครั้นเห็นเขาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของตน สีหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ เด็กหนุ่มจึงหลุดหัวเราะหนึ่งเสียงแล้วพูดว่า “จะอะไรกันนักหนา? แผลเล็กเท่ามด ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่ใส่ใจของเสี่ยวเว่ยทำให้เหยาเฉาขุ่นเคือง แต่จุดเริ่มต้นของความโมโหนี้ มากที่สุดก็คือการตำหนิตัวเขาเอง
เหยาเฉารู้ว่าเสี่ยวเว่ยเป็นเด็กที่เข้มแข็ง ปฏิญาณตนไม่สำเร็จไม่ยอมเลิกรา! แต่กลับให้เขาซุ่มโจมตีอยู่รอบตัวเหมิงฉิง เขาคงไม่ได้จะเอาชีวิตของเด็กหนุ่มมาล้อเล่นหรอกนะ?
เหยาเฉาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สีหน้าฉุนเฉียวเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “สองสามวันนี้เจ้าจงอยู่รักษาตัวอย่างว่าง่ายแล้วกัน ห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด”
เสี่ยวเว่ยขมวดคิ้ว “พันแผลให้ดีก็พอ ไม่ได้แขนขาดขาขาดเสียหน่อย เหตุใดต้องถึงขั้นไม่ออกนอกประตูใหญ่ไม่ล้ำเข้าประตูสองด้วย? แล้วอีกอย่าง เหมิงฉิงฝั่งนั้นเพิ่งจะหาของบางอย่าง….”
เหยาเฉาขึ้นเสียงสูง แล้วออกคำสั่งด้วยสีหน้าโกรธเคือง “ข้าบอกไม่ให้ไป ก็คือไม่ให้ไป!”
เขาดูเป็นคนอบอุ่น แทบจะไม่เคยอารมณ์เสียมาก่อน ประโยคนี้จึงทำให้เสี่ยวเว่ยตกตะลึงไปชั่วขณะ
นัยน์ตาของเด็กหนุ่มฉายแววไม่เข้าใจ “พี่รอง…”
เหยาเฉาหลับตา ยามที่ลืมตาอีกครั้ง ความสับสนที่ฉายชัดในดวงตาดอกท้อคู่นั้นถูกเขาข่มกลับไปได้อีกครั้ง
เขาเดินอ้อมมาด้านหลังของเสี่ยวเว่ย แล้วเริ่มจัดการบาดแผลบนแผ่นหลังของเขา โดยไม่พูดสิ่งใด
ทั้งสองคนตกสู่ความเงียบระลอกหนึ่ง สุดท้ายก็เป็นเสี่ยวเว่ยที่คิดสับสนวุ่นวาย จนอดร้องเสียงหลง “ซี๊ด” ออกมาหนึ่งเสียงไม่ได้
มือของเหยาเฉาที่กำลังเคลื่อนไหวก็พลันหยุดชะงักลง แล้วเอ่ยถามเขาเสียงต่ำ “เจ็บหรือ?”
เสี่ยวเว่ยส่ายหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงอู้อี้ “เปล่า…”
อีกฝ่ายจึงจัดการบาดแผลเล็กใหญ่บนแผ่นหลังของเด็กหนุ่มต่อ แต่มือที่กำลังเคลื่อนไหวนั้น กลับเบายิ่งกว่าเดิมอย่างชัดเจน
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เหยาเฉาก็จัดการกับบาดแผลบนตัวของเสี่ยวเว่ยจนเสร็จ จากนั้นก็ลงยาจินชวงอย่างละเมียดละไมรอบหนึ่ง แล้วทำการพันแผล
เขาพ่นลมหายใจออกมา เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “ข้าไปตักน้ำสะอาดมาอีกถังดีกว่า จะได้เช็ดตัวให้เจ้าด้วย”
เด็กหนุ่มมีสภาพเหมือนถูกสาดน้ำใส่ ศีรษะ หน้าผาก ใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยเหงื่อ
เขาตอบรับอย่างหดหู่ แล้วยืนส่งเหยาเฉาออกไป
เมื่อแผ่นหลังของอีกฝ่ายลาลับไปแล้ว เสี่ยวเว่ยจึงค่อย ๆ ขมวดคิ้ว
พี่รองหมายความว่าอย่างไร? ไม่ให้ตัวเองสืบหา คิดว่าวันนี้เขาดันแหวกหญ้าให้งูตื่นแล้วหรือ?
เขาโมโหตัวเองไม่น้อย มือชวาชกใส่เบาะอย่างแรง แต่ก็ยังไม่อาจขจัดความขุ่นเคืองได้
……………………………………………………………………………………………………….
[1] ยาจินชวง ยาห้ามเลือด
[2] สวมกวาน เด็กวัยยี่สิบปีขึ้นจะต้องเข้าพิธีสวมกวาน เป็นการบ่งบอกสถานะอย่างชัดเจนว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว
สารจากผู้แปล
ทำไมบรรยากาศตอนนี้มันละมุนจังเลยคะ เข้าใจแหละค่ะว่าเป็นพี่น้อง แต่มันก็อดไม่ได้ ฮือออ
ไหหม่า(海馬)