ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 382 อาจื้อถอนหายใจอย่างโล่งอก
บทที่ 382 อาจื้อถอนหายใจอย่างโล่งอก
บทที่ 382 อาจื้อถอนหายใจอย่างโล่งอก
ในสมัยราชวงศ์ต้าเยี่ยนไม่ได้ให้ความสำคัญกับกิริยาท่าทางของชายหญิงมากนัก กอปรกับอายุของเด็ก ๆ ที่ยังไม่มาก และยังมีคนรับใช้คอยสอดส่อง พวกผู้ใหญ่จึงสบายใจที่จะให้พวกเขาออกไปวิ่งเล่น
บนเรือมีคนรับใช้คอยดูแลไม่ให้เด็ก ๆ ตกลงจากเรือ ดังนั้นจึงถือได้ว่ามีความปลอดภัย
ไป๋หรูปิงพาอาซือนั่งที่บริเวณท้ายเรือ สั่งการให้อาจื้อเก็บฝักบัวที่ใหญ่ที่สุดและสมบูรณ์ที่สุด โดยที่สองพี่น้องตระกูลเหยาอาสาที่จะเป็นคนพายเรือ และเวลาในช่วงสายก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตะกร้าของพวกเขาเต็มไปด้วยน้ำและฝักบัวสีเขียว
เป็นครั้งแรกที่อาซือได้รับประทานเม็ดบัวสดใหม่ เด็กหญิงถือฝักบัวขนาดเท่าครึ่งใบหน้าและค่อย ๆ แงะเม็ดบัวออกมาแกะเปลือกทีละเม็ด เวลารับประทานจึงมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ
“พี่ไป๋ กินเม็ดบัวสิ” เด็กหญิงตัวเล็กแกะเม็ดบัวออก เผยให้เห็นเนื้อของเม็ดบัวสีขาว จากนั้นก็ยื่นเม็ดบัวให้ไป๋หรูปิง
อีกฝ่ายยิ้มแล้วกินลงไปหนึ่งคำ “หวานมาก!”
“ฮ่า ๆ” อาซือหัวเราะขึ้นมา เด็กหญิงตะโกนกล่าวกับอาจื้อที่ตอนนี้อยู่บริเวณหัวเรือและกำลังเก็บดอกบัวด้วยเหงื่อที่ไหลริน “ท่านพี่ พี่ไป๋บอกว่าบัวที่ท่านเก็บอร่อยมาก!”
อาจื้อกำลังพยายามเก็บฝักบัวลงตะกร้าทีละนิด ๆ
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมาสบตากับไป๋หรูปิง รอยยิ้มของเด็กชายกว้างมากขึ้น จู่ ๆ เม็ดเหงื่อก็ไหลเข้าตา
ความรู้สึกแสบทำให้เขาเผลอหลับตา เด็กชายกำลังจะยกมือขึ้นมาถู พลันมีเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นข้าง ๆ หู “ศิษย์พี่ อย่าใช้มือขยี้ตา มือของท่านมีโคลนติดอยู่”
เด็กชายยั้งมือตนเองและกำลังคิดว่าน่าจะต้องเช็ดด้วยแขน ทันใดนั้นเด็กชายก็ได้กลิ่นหอมบริเวณปลายจมูกของตน หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็ถูกกดลงเบา ๆ
ความนุ่มของเส้นไหมเลื่อนผ่านผิวหนัง ค่อย ๆ ซับเหงื่อจากรอบดวงตาของเขา และเสียงที่คมชัดก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ศิษย์พี่ แสบตาหรือไม่?”
อาจื้อหลับตาอย่างไม่รู้ตัว หลังจากนั้นเด็กชายก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น “ไม่แสบแล้ว”
สิ่งแรกที่เห็นได้อย่างชัดเจนในสายตาของเขาคือรอยยิ้มที่ชัดเจนของไป๋หรูปิง จนอาจื้อเองก็ตกใจเล็กน้อย
ไป๋หรูปิงใช้ผ้าเช็ดเหงื่อจากหน้าผากของเด็กชายอีกครั้ง เด็กหญิงยิ้มและกล่าวขึ้น “ศิษย์พี่ เลิกเก็บได้แล้ว พวกเรามีฝักบัวเยอะมากแล้ว ตอนนี้แดดร้อนมาก รีบมานั่งรับลมท้ายเรือเถอะ”
เด็กหญิงว่าพลางจับมือของอาจื้อ พาเด็กชายไปนั่งพักใต้ร่มเงาบริเวณท้ายเรือ
อาซือค่อย ๆ แกะเม็ดบัวออกทีละเม็ดแล้วยื่นให้กับอาจื้อ “ท่านพี่ กินเม็ดบัวสิ”
ไป๋หรูปิงที่นั่งอยู่อีกฝั่งใช้ผ้าสะอาดชุบกับน้ำชาเช็ดมือให้กับอาจื้อ เด็กหญิงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ลำบากศิษย์พี่แล้ว รีบ ๆ ลิ้มลองผลงานของพวกเราวันนี้สิ”
นางกล่าวพลางทักทายสองพี่น้องตระกูลเหยาที่พายเรืออยู่ “ท่านพี่ทั้งสอง มากินเม็ดบัวสิ ตรงนั้นแดดร้อนแล้ว”
ต้าหลางและเอ้อหลางที่พายเรืออย่างสนุกสนาน ทั้งคู่ล้วนปฏิเสธที่จะไปท้ายเรือ ไป๋หรูปิงเห็นดังนั้นจึงไม่เรียกพวกเขาอีก
ทั้งสามคนนั่งตรงข้ามกัน ดื่มชาและกินเม็ดบัว และเพลิดเพลินกับสายลมในทะเลสาบ
อาซือกินเม็ดบัวเข้าไปครึ่งหนึ่ง รู้สึกว่าท้องเริ่มอิ่มขึ้นมา เด็กหญิงจึงหยุดลงแล้วกล่าว “บ้านของพี่ไป๋สบายที่สุด ทั้งใหญ่ทั้งสวย สถานที่เล่นก็มีมากมาย วันนี้ที่ข้าบอกว่าจะพาท่านไปเป็นแขกของบ้านเราเห็นทีว่าคงไม่มีความจำเป็นแล้ว”
ไป๋หรูปิงเหลือบมองคนใช้ที่นั่งอยู่อีกฝั่งของเรืออู๋เผิง เมื่อเห็นว่าพวกเขาอยู่ไกลเกินกว่าที่จะได้ยินการสนทนา เด็กหญิงจึงกล่าวขึ้น “ข้าจะได้มีโอกาสเล่นก็ต่อเมื่อมีแขกมาที่บ้าน วันปกติท่านแม่เข้มงวดมาก ข้าไม่มีทางได้มานั่งเรือเช่นนี้หรอก อาซือ เรื่องไปเป็นแขกของบ้านเจ้าข้าไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปแน่ ๆ ข้ายังอยากไปเดินเล่นร้านอาหาร และลิ้มลองเถียนจิ่วชงตั้นที่เจ้าพูด”
อาซือที่ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มขึ้นมา หญิงสาวพยักหน้า “ไม่มีปัญหา”
อาจื้อเอ่ยถามไป๋หรูปิงด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ศิษย์น้อง วันนี้ที่เจ้าพาพวกเราออกมาเที่ยวเล่นเช่นนี้ จะไม่โดนท่านแม่ตำหนิหรือ?”
ไป๋หรูปิงเม้มริมฝีปาก ใบหน้าของเด็กหญิงย่นยู่อย่างไม่พอใจ “ก็เป็นเพราะว่าท่านแม่อยากพบฮูหยินหลิน ก็เลยหาข้ออ้างให้ลูก ๆ ออกมาเที่ยวเล่นกัน เพียงข้าเชื่อฟังคำพูดของท่านแม่เมื่อกลับไป นางก็จะไม่ว่าอะไรข้า”
อาซือถอนหายใจ “พี่ไป๋ ท่านแม่ของท่านเข้มงวดเกินไปแล้ว”
ไป๋หรูปิงกล่าวบ่น “ใช่ ศิษย์พี่รู้ดีว่าแม่ของข้าน่ารำคาญมากแค่ไหน ข้าไม่อาจทำให้ท่านแม่ไม่พอใจ ไม่อย่างนั้นท่านแม่จะไปฟ้องท่านพ่อ ลงโทษด้วยการคัดตำราเลยนะ”
จิตใต้สำนึกของอาจื้อรู้สึกว่าศิษย์น้องไม่ควรพูดถึงผู้ใหญ่ลับหลังเช่นนี้ แต่ศิษย์น้องเองก็ต้องอดทนมาตลอด ภายในใจของนางก็คงจะเจ็บปวด จึงได้ปล่อยให้นางพูดต่อไป
อาซือเกิดความคิดขึ้น “พี่ไป๋ก็มาเล่นที่บ้านข้าบ่อย ๆ แบบนี้สิ มาที่บ้านข้าก็จะไม่มีคนใช้คอยดูพวกเรา”
คิ้วของไป๋หรูปิงค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน เด็กหญิงกล่าวขึ้นเสียงเบา “เช่นนั้นก็คงต้องหาเหตุผลที่จะไป ไม่อย่างนั้นท่านแม่คงไม่อนุญาตให้ข้าออกนอกบ้าน”
อาจื้อครุ่นคิด เด็กชายจึงกล่าวขึ้นมาว่า “ศิษย์น้องรู้วิธีเล่นหมากรุกหรือไม่?”
ไป๋หรูปิงพยักหน้า “พอจะรู้บ้าง”
เด็กชายฉีกยิ้ม “งั้นข้าก็มีวิธีดี ๆ แล้ว ท่านยายของข้าเล่นหมากรุกเก่งมาก แม้แต่ในเมืองหลวงก็มีไม่กี่คนที่พอจะสู้ท่านได้ วันข้างหน้าถ้าเจ้าอยากมาเล่นที่บ้านข้า ข้าจะขอให้ท่านยายส่งจดหมายถึงเจ้า เชิญเจ้ามาเล่นหมากรุกที่บ้าน”
อาซือยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “เป็นความคิดที่ดี”
ใบหน้าของไป๋หรูปิงปรากฏรอยยิ้มออกมา “ถ้าเป็นผู้ใหญ่เอ่ยชวน ท่านแม่ต้องไม่สงสัยแน่ ๆ”
กล่าวเช่นนั้น เด็กหญิงก็ขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง “ต่อให้จะคิดหาวิธีที่ดี ๆ เช่นนี้ได้ ข้าเองก็คงจะออกไปเล่นบ่อย ๆ ไม่ได้ บทเรียนที่ท่านแม่ให้ข้าศึกษานั้นมากมายเหลือเกิน”
อาจื้อและอาซือสบตากันก่อนถอนหายใจออกมา
ทั้งคู่ได้ยินเรื่องบทเรียนที่ฮูหยินไป๋จัดสรรให้ไป๋หรูปิง นอกจากศิลปะทั้งสี่แขนงแล้ว นางยังต้องเรียนรู้สิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นเรื่องจริงที่นางมีเวลาเล่นน้อยนัก
เด็กทั้งสองคนหมดหนทาง ใบหน้าของพวกเขาก็สลดลงเล็กน้อย
เห็นเช่นนั้นไป๋หรูปิงจึงยิ้มให้กับสองพี่น้องแล้วกล่าวขึ้น “เอาละ! วันนี้เป็นวันที่สนุกมาก ๆ พวกเราจะไม่พูดถึงเรื่องที่น่าผิดหวังพวกนั้น ตราบใดที่ข้าเชื่อฟังคำพูดของท่านแม่ ข้าก็จะไม่โดนทำโทษ และข้าก็จะสามารถออกไปเล่นได้เป็นครั้งคราว”
อาซือคิดภายในใจ นี่มันยากเกินไปแล้ว
เหยาซูเองก็ไม่เคยเข้มงวดเลยเวลานางจะทำอะไร เพียงแค่ศึกษาตำราที่ควรจะศึกษาเสร็จแล้ว อยากจะไปเล่นที่ไหน อยากจะเล่นอะไร เหยาซูก็ให้ทำหมด
เมื่อมองดูไป๋หรูปิงแล้ว
ทั้งอาจื้อและอาซือไม่สามารถเปลี่ยนความคิดที่เข้มงวดของฮูหยินไป๋ที่มีต่อไป๋หรูปิงได้ เด็กชายคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพูดว่า “ไม่เช่นนั้น วันข้างหน้าให้อาซือมาหาเจ้าที่จวนตระกูลไป๋…มาเรียนเป็นเพื่อนเจ้า ถ้าหากมีเพื่อนเรียนด้วย ก็คงจะไม่ลำบากขนาดนั้นแล้ว”
ไป๋หรูปิงยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “ถ้าแบบนั้งก็คงจะดีมากแน่ ถ้าหากอาซือยินยอม จะมาตอนไหนก็ย่อมได้”
เด็กน้อยพยักหน้าตอบกลับว่า “ได้! วันหน้าข้าจะมาจวนตระกูลไป๋บ่อย ๆ”
อาจื้อมองดูทั้งสองก็ยิ้มขึ้นมา หัวข้อนี้ก็ได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
อาซือที่นิสัยอ่อนโยนและไป๋หรูปิงที่ไม่ใช่คนนิสัยไม่ดี ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน ต้องพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเป็นแน่
ความตั้งใจก่อนหน้านี้ของเด็กชาย ที่จะช่วยศิษย์น้องของเขาให้เข้าร่วมกลุ่มกับน้องสาวของตนนั้นถือได้ว่าบรรลุผลแล้ว
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มาเล่นกับน้องไป๋บ่อยๆ นะ ที่บ้านกดดันน้องมากเหลือเกิน
มีแววว่าอาจื้อกับน้องไป๋จะได้เป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่กันแล้วล่ะ
ไหหม่า(海馬)