ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 392 ก็เพียงแค่สตรีสกุลตู้
บทที่ 392 ก็เพียงแค่สตรีสกุลตู้
บทที่ 392 ก็เพียงแค่สตรีสกุลตู้
เหยาเฉารีบสาวเท้าอย่างรีบร้อน ชายหนุ่มเดินเข้าไปห้องด้านหลังของร้านขายผ้าที่ทุกคนพักอยู่
ก่อนที่จะก้าวเข้าไปในห้อง ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
ได้ยินเพียงแค่เสียงของพี่สะใภ้ที่ดูอ่อนล้า กล่าวกับคนด้านนอก “อาเฉา นั่นเจ้าหรือ? เข้ามาเถอะ”
เหยาเฉาขมวดคิ้ว ก้าวเข้าไปในห้อง
ภายในห้องแม้จะเปิดหน้าต่าง แต่บรรยากาศกลับไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะกลิ่นยาอันฉุนโดดเด่น ยิ่งทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ
เหยาเฉามองไปบนตั่ง เห็นพี่สะใภ้ใหญ่ที่เอนตัวนอนอยู่ด้านบนอย่างอ่อนแรง ข้ากายมีสตรีคนหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นคอยอยู่ด้วยกับหญิงสาว
พี่สะใหญ่ได้รับการดูแลอย่างดี ใบหน้าของนางไร้สีเลือด ริมฝีปากก็ขาวซีด
เหยาเฉารุดขึ้นหน้าเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล “พี่สะใภ้ ท่านหมอมาที่นี่หรือยัง? ร่างกายท่านดีขึ้นแล้วหรือ?”
พี่สะใภ้ใหญ่พยักหน้า “ข้าไม่ได้เป็นอะไร ตอนนี้กินยาแล้ว ลูกก็ยังปลอดภัยดี…”
หญิงสาวกล่าว เหมือนกับว่านางไม่อาจเก็บกักความรู้สึกเอาไว้ไหว เนื้อตัวนางสั่นเทาเล็กน้อย และจับมือหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างไว้จนแน่น
เหยาเฉาขมวดคิ้ว ชายหนุ่มกล่าวขึ้นว่า “พี่สะใภ้ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วแม่นางท่านนี้คือ….”
พี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่ทันจะเอ่ยปาก หญิงสาวคนนั้นก็กุมมืออันสั่นเทาของสะใภ้ใหญ่เหยาเอาไว้ และเอ่ยกับเหยาเฉาว่า “อาซูและเถ้าแก่เนี้ยเซวียต่างก็เป็นเพื่อนของข้า วันนี้ร้านของเจ้ามีคนมาก่อความวุ่นวาย โชคดีที่ข้ามาพบเข้า ก็พอเข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวนี้”
เหยาเฉามองชุดอันประณีตงดงามของนาง นางน่าจะมาจากตระกูลมั่งคั่ง รูปร่างสูงสง่า ดวงตามั่นคง และดูเหมือนจะเป็นคนที่เด็ดขาด
หรือนางจะช่วยพี่สะใภ้ใหญ่เอาไว้?
ปรากฏว่าสะใภ้ใหญ่เอ่ยปากขึ้นก่อน “ท่านนี้คือแม่นางลู่ ต้องชื่นชมนางที่ช่วยข้ากับลูกไว้”
ชายหนุ่มคำนับหญิงสาวหนึ่งรอบ แล้วกล่าวอย่างจริงใจ “สำนึกในบุญคุณของท่านยิ่งนัก ตระกูลเหยาจะไม่ลืมบุญคุณนี้”
แม่นางลู่ท่านนั้นไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝง หญิงสาวรับการโค้งคำนับของเหยาเฉา “เหตุการณ์ในวันนี้อีกฝั่งทำเกินไปจริง ๆ ข้าไม่อาจทนมองได้ จึงต้องเข้ามาจัดการ ในเมื่อท่านมาแล้ว ข้าก็ไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ต่อ คงต้องขอตัวลา”
พูดเสร็จ หญิงสาวก็ลูบมือของพี่สะใภ้ใหญ่แล้วกุมไว้แน่น
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าอายุของนางไม่ได้มาก แต่การกระทำและคำพูดนั้นกลับทำให้รู้สึกน่าเชื่อถือ
เมื่อเหยาเฉาเห็นหญิงสาวต้องการจะไป ชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้น “ไม่ทราบว่าแม่นางอาศัยอยู่จวนไหน? วันข้างหน้าตระกูลเหยาจะได้ไปเยี่ยมเยียนและกล่าวขอบคุณ”
แม่นางลู่ยิ้มแล้วกล่าวว่า “จวนขุนนางกรมกลาโหม ท่านไม่ต้องมาเยี่ยมเยียนจะเป็นการดีที่สุด เพราะเหตุใดนั้นให้ฮูหยินใหญ่เหยาอธิบายให้ท่านเถอะ”
กล่าวเสร็จหญิงสาวก็กล่าวเบา ๆ กับสะใภ้ใหญ่ต่อไม่กี่ประโยค ก่อนที่จะจากไป
เวลานี้ในห้องเหลือแค่ทั้งสองคนเท่านั้น เหยาเฉานั่งลงตรงเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง และเอ่ยขึ้นอย่างกังวล “พี่สะใภ้ใหญ่ ร่างกายของท่าน หมอว่าอย่างไรบ้าง เหตุใดจึงอาเจียน?”
ใบหน้าของสะใภ้ใหญ่เหยาซีดเซียว แม้นางยังคงอ่อนแรงอยู่ แต่กลับยิ้มให้เหยาเฉาอย่างผ่อนคลาย “ไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไร ท่านหมอเอายาให้ข้าดื่ม ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว เพียงแต่เหตุการณ์เรื่องราวของวันนี้ ข้าก็ยังไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร…”
เหยาเฉารินชาร้อนให้กับพี่สะใภ้ และวางเอาไว้บนโต๊ะเล็ก ๆ บริเวณด้านหน้า แล้วกล่าวอย่างผ่อนคลาย “พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวล พักรักษาตัวก่อนเถิด เรื่องราวเป็นมาอย่างไรกลับบ้านไปค่อยว่ากันก็ไม่สาย”
สะใภ้ใหญ่เห็นว่ามีแค่เหยาเฉามาเพียงแค่คนเดียว จึงเอ่ยถามขึ้น “แล้วอาเวยละ? นางกลับบ้านไปเอาของใช่หรือไม่? จะเจอเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
เหยาเฉาส่ายศีรษะ “อาเวยกลับบ้านไปแล้วหนึ่งรอบ หลังจากนางกลับออกมาได้ไม่นาน ก็มีคนส่งข่าวเรื่องที่ร้านขายผ้า บอกว่าเกิดเรื่องกับพี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเลยรีบขี่ม้าออกมา น่าจะมาถึงเร็วกว่านางเล็กน้อย”
เหยาเฉาเห็นสีหน้าของสะใภ้ใหญ่ไม่ค่อยสู้ดีนัก จึงไม่ต้องการให้นางกังวลไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้น “พี่สะใภ้ พักผ่อนสักครู่ก่อนเถิด หลังจากที่พักเสร็จแล้ว ข้าจะส่งรถมารับท่านกลับบ้าน”
ยาที่สะใภ้ใหญ่ได้ดื่มลงไปเดิมทีแล้วมีผลทำให้ง่วงนอน จึงพยักหน้าแล้วนอนลงจากความช่วยเหลือของเหยาเฉา
เหยาเฉาปิดหน้าต่างลงครึ่งหนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นอย่างอบอุ่น “อีกไม่นานอาเวยก็น่าจะมาถึงแล้ว พี่สะใภ้พักผ่อนให้สบาย อีกสักครู่ข้าจะให้นางมาดูแลท่าน”
พี่สะใภ้ใหญ่ค่อย ๆ ยิ้มขึ้น หญิงสาวพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้น “ได้ อาเฉาเจ้าไปเถอะ”
หลังจากที่รอให้พี่สะใภ้ใหญ่นอนหลับ เหยาเฉาจึงค่อย ๆ ปิดประตูและออกไปอย่างเงียบ ๆ
เมื่อมาถึงห้องโถงของร้านขายผ้า ใบหน้าที่เคยอบอุ่นของชายหนุ่มก็ฉายแววเย็นชา จนกระทั่งความอ่อนโยนที่หลงเหลืออยู่ค่อย ๆ จางหายไปหมดสิ้น
เถ้าแก่อู๋ที่อยู่ในห้องโถงมาตั้งแต่ต้นกำลังรอคอยให้เหยาเฉาออกมา ทันทีที่เห็นเงาของชายหนุ่ม เขาก็รีบปรี่เข้าไปหา “คุณชาย ฮูหยินใหญ่ดื่มยาหมดหรือไม่ขอรับ?”
เหยาเฉาพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้น “วันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น เดิมทีครรภ์ของพี่สะใภ้ก็ปกติมาตลอด เหตุใดนางจึงอาเจียนออกมาได้ง่าย ๆ”
เถ้าแก่อู๋ถอนหายใจ กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “คุณชายนั่งลงก่อนเถอะขอรับ พวกเราค่อย ๆ คุยกัน…”
เถ้าแก่อู๋ไม่เคยเห็นภาพลักษณ์เช่นนี้ของเหยาเฉานอกจากสีหน้าอันอบอุ่นมาก่อน ตอนนี้เห็นเพียงความเย็นชาที่ฉายออกมาทั้งใบหน้าและแววตาของเขาแล้ว ก็พาให้รู้สึกขยับมือเท้าไม่ใคร่สะดวกนัก
เถ้าแก่ครุ่นคิด หากวันนี้ไม่อธิบายให้กระจ่าง เกรงว่าจะโดนเหมือนกับชายหนุ่มเมื่อสักครู่ ถูกใต้เท้าผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่จับเข้าตะราง
“ใต้เท้าเหยา…” เถ้าแก่อู๋เปลี่ยนชื่อของชายหนุ่มอย่างไม่รู้ตัว “เรื่องราวของวันนี้ มันเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ขอรับ”
เหยาเฉาไม่ได้สนใจชาที่เถ้าแก่รินให้เขาตรงหน้า ชายหนุ่มเพียงแค่นั่งฟังด้วยสีหน้าที่เย็นชา
เถ้าแก่อู๋กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเหยเก “วันนี้ฮูหยินทั้งสองมาที่ร้านเพื่อตรวจสอบบัญชี คิดไม่ถึงว่าจะมีคนจากร้านผ้าเพิ่งเปิดใหม่ครึ่งเดือนก่อนที่อีกฝั่งของถนนมาหา…”
เหยาเฉากวาดสายตามองเถ้าแก่อู๋ “มาหาเรื่องหรือ?”
เถ้าแก่อู๋พยักหน้าและกล่าวด้วยความโศกเศร้า “ใช่ขอรับ ฮูหยินทั้งสองวางแผนว่าจะไปร้านอาหารในช่วงสาย ฮูหยินรองบอกว่าจะกลับไปเอาของที่บ้าน ข้าน้อยเห็นว่าฮูหยินใหญ่เดินเหินไม่ค่อยสะดวกจึงคอยดูแลอยู่ที่ร้านด้วย คาดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็จะเอาตัวฮูหยินใหญ่ไปให้ได้ ระหว่างการทะเลาะกันนั้นฮูหยินใหญ่ก็อาเจียนออกมา”
เมื่อเหยาเฉาที่ได้ยินเช่นนี้ โทสะก็ปะทุขึ้นมาในใจ แม้แต่ส่วนลึกของดวงตายังเต็มไปด้วยเมฆฝนดำทะมึนที่กำลังเคลื่อนตัวมา
ชายหนุ่มถามเบา ๆ “แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านั้น?”
เถ้าแก่อู๋ส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง “ข้าน้อยไม่รู้ขอรับ ตอนแรกข้าน้อยคิดว่าเป็นร้านตรงข้ามที่เห็นว่ากิจการของพวกเราดีขึ้น แต่เมื่อเห็นท่าทางของฮูหยินใหญ่ ก็เห็นได้ชัดว่านางรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร หลังจากนั้นคนพวกนั้นก็ลงมือทะเลาะวิวาทกัน ข้าน้อยได้ยินมาแต่ไม่ค่อยชัดเจนนักว่าเจ้าของร้านนั้นคือสกุลตู้”
เหยาเฉาตกใจเป็นอย่างมาก “เป็นสตรีสกุลตู้คนหนึ่งหรือ?”
เถ้าแก่อู๋พยักหน้า “ใช่ขอรับ ใช่ขอรับ ได้ยินมาว่าเจ้าของร้านผ้าร้านนั้นเป็นสตรี”
เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องราวก็ชัดเจนขึ้น
ตอนนี้เหมิงฉิงที่ร่วมมือกับตู้เหิงก็เริ่มจะเคลื่อนไหว และไม่หยุดนิ่งอีกต่อไป
หัวใจของเหยาเฉาชาวาบ สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มเพียงเอ่ยพูดกับเถ้าแก่ “ทั้งสองฝ่ายมีเรื่องขัดแย้งมานานแล้ว แต่วันนี้อีกฝั่งทำเกินไปเป็นอย่างมาก”
คำพูดนี้ของเหยาเฉา ทำให้เถ้าแก่อู๋ไม่สบายใจ
ถ้าหากสองร้านทะเลาะกันจนภรรยาของนายท่านอาเจียนออกมา ก็คงไม่พ้นความรับผิดชอบของเถ้าแก่อู๋ แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายเคยมีเรื่องกันมาก่อน อย่างน้อยก็ไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องราวของวันนี้ทั้งหมด
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ฮูหยินและบุตรก็ไม่ได้ประสบอุบัติเหตุอะไร นับว่าเป็นเรื่องที่ดีในเรื่องเลวร้าย
เถ้าแก่อู๋รู้ดีว่าหากวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริง ๆ เหยาเฉาคงไม่แสดงกิริยาวาจาที่ดีเช่นนี้
เถ้าแก่ไม่กล้าเอ่ยอย่างเต็มเสียง เพียงแค่ขมวดคิ้วแล้วกล่าวขึ้น “ถึงแม้จะเป็นการขัดแย้งกันระหว่างสองบ้าน แต่ก็ไม่ควรเอาความปลอดภัยของเด็กในครรภ์มาเล่นสนุก…”
เดิมทีเหยาเฉาไม่ใช่คนที่คิดจะสร้างปัญหาก่อน แต่ถ้าเขาถูกรังแก เขาก็จะไม่ระงับอารมณ์อีกต่อไป
ชายหนุ่มจ้องมองเถ้าแก่อู๋ บนหน้าผากของชายชราเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่ คิดไปคิดมาเขาเองก็คงจะรู้สึกกังวลไปตลอดเช้านี้ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเถ้าแก่ ข้าจะจัดการเอง”
เถ้าแก่อู๋ปาดเหงื่อ ก้อนหินหนักอึ้งในใจก็พลันถูกยกออกไป
…………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เอาอีกแล้วนะนังตู้ นังหมาลอบกัด นังแม่สุนัขเดือนสิบสอง อยู่กันดี ๆ ไม่ได้เลยชะ? เดี๋ยวเจออิทธิฤทธิ์ของบ้านตระกูลเหยาแน่
ไหหม่า(海馬)