ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 393 ลูกไม่ได้เป็นอะไร
บทที่ 393 ลูกไม่ได้เป็นอะไร
บทที่ 393 ลูกไม่ได้เป็นอะไร
ไม่นานสะใภ้รองก็มาถึงร้านขายผ้า เมื่อนางก้าวเข้าไปในห้อง สีหน้าก็ฉายแววประหลาดใจ
หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องโถงอันว่างเปล่า และเห็นเถ้าแก่อู๋ที่อยู่บริเวณหลังโต๊ะมีสีหน้าโศกเศร้าเล็กน้อย จึงเอ่ยถามขึ้น “เถ้าแก่อู๋ วันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ยังไม่ทันจะเที่ยงวันเลย ลูกค้าสักคนก็ไม่มี เมื่อครู่ตอนข้าออกไป ยังมีลูกค้ามากกว่านี้อีกไม่ใช่หรือ?”
เถ้าแก่อู๋เงยหน้าขึ้นมองสะใภ้รองเหยา ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ใต้เท้าเหยาโดยปกติมีสีหน้าอ่อนโยน แต่พอชายหนุ่มเย็นชาขึ้นมา ความน่าเกรงขามที่แผ่จากกายของชายหนุ่มก็ทำให้เถ้าแก่เหงื่อไหลโซมออกมาโดยไม่รู้ตัว
เถ้าแก่รีบกล่าวทักทายอย่างเร่งรีบ “ฮูหยินรอง ท่านมาแล้ว เกิดเรื่องขึ้นที่ร้านเล็กน้อย…คุณชายรองเข้ามาแล้วรอบหนึ่ง เมื่อครู่เพิ่งออกไปเองขอรับ”
สะใภ้รองเหยาหยุดฝีเท้าของตนและคลี่ยิ้ม “ข้าเพิ่งออกมาจากบ้านเอง คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมาเร็วกว่าข้า”
แต่เมื่อเห็นท่าทางของเถ้าแก่อู๋ที่ดูเศร้าสร้อย สะใภ้รองก็ตระหนักได้ว่าเรื่องราวคงจะไม่ง่ายเพียงนั้น จึงเอ่ยถามขึ้น “มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดเถ้าแก่จึงได้ทำหน้าตาเช่นนี้”
เถ้าแก่ลุกยืนขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “เอ่อ…วันนี้หลังจากฮูหยินรองออกไปได้ไม่นาน ก็มีคนมาก่อเรื่องขึ้นที่ร้าน ได้ยินว่าเป็นบุรุษจากร้ายขายผ้าของสตรีสกุลตู้ที่เปิดตรงอยู่ฝั่งตรงข้ามขอรับ”
หญิงสาวชะงักงัน เมื่อเห็นสะใภ้รองเหยาขมวดคิ้ว เถ้าแก่ก็กล่าวต่อ “นายหญิงไม่อยู่ ฮูหยินใหญ่ก็ตั้งครรภ์ ข้าเลยคิดจะไล่เขาให้ออกไป….คาดไม่ถึงว่าชายคนนั้นจะไม่ยอมจบสิ้น เขายังบอกอีกว่าร้านของเราทำลายกิจการของพวกเขา แย่งลูกค้าของพวกเขา จึงเข้ามาหาเรื่องที่ร้าน เมื่อฮูหยินใหญ่ได้ยินเสียงดังโวยวายก็ออกมาดูสถานการณ์”
สีหน้าของสะใภ้รองเปลี่ยนไป “เกิดเรื่องกับพี่สะใภ้ใหญ่หรือ?”
หากว่าพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้เป็นอะไร เหยาเฉาคงไม่รีบมาก่อนตน เรื่องนี้หญิงสาวไม่อาจหยุดนึกรำคาญใจได้ เหตุใดจึงปล่อยให้พี่สะใภ้ใหญ่ที่ตั้งครรภ์ให้อยู่ที่ร้าน!
เถ้าแก่อู๋เห็นหญิงสาวมีท่าทางร้อนใจ จึงรีบกล่าวขึ้น “ฮูหยินรอง ฮูหยินรองขอรับ ฮูหยินใหญ่ไม่ได้เป็นอะไรมาก เมื่อครู่หมอมาดูอาการและให้ยาแล้วขอรับ ตอนนี้ฮูหยินใหญ่กำลังนอนอยู่”
ใบหน้าของสะใภ้รองเย็นชาขึ้น นางขมวดคิ้วจนคิ้วทั้งสองแทบจะพลิกกลับออกมาอีกด้าน หญิงสาวกล่าวขึ้นมาด้วยความโกรธเคือง “เถ้าแก่อู๋! วันนี้ไม่ว่าจะมีใครมาก่อเรื่องอะไรหรือว่าจะมีจุดประสงค์อะไร หน้าที่ที่สำคัญที่สุดคือท่านต้องดูแลพี่สะใภ้ใหญ่ของข้าและลูกในท้องของนาง เรื่องอื่นนั้นเป็นเรื่องรองลงมา ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ถ้าหากว่าพี่สะใภ้เป็นอะไรไป ข้าจะไม่มีทางปล่อยท่านไปแน่นอน”
เถ้าแก่คิดไม่ถึงว่าภรรยาของคุณชายรองที่ดูอ่อนโยน เวลาเกิดเรื่องขึ้นจะทำให้คนรับมือได้ยากเช่นนี้
เหยาเฉาเพียงแค่แสดงสีหน้าที่เย็นชา แต่อารมณ์ของภรรยาของเขานั้นชัดเจนเป็นอย่างมาก นางแทบจะเปล่งถ้อยคำรุนแรงออกมา
เถ้าแก่อู๋ละอายใจเป็นอย่างมาก ทำได้แค่เพียงฝืนยิ้มแล้วกล่าวขอโทษ “ฮูหยินรอง ฮูหยินรอง ท่านหยุดโมโหก่อนเถอะขอรับ เรื่องราววันนี้เกิดจากความประมาทเลินเล่อของข้าน้อยเอง ยังโชคดีที่ฮูหยินใหญ่ไม่ได้เป็นอะไรขอรับ…”
สะใภ้รองถอนหายใจ แววตาเก็บความรู้สึกที่โกรธเคืองไว้ หญิงสาวเอ่ยถามขึ้น “ตอนนี้พี่สะใภ้ใหญ่อยู่ที่ไหน”
เถ้าแก่อู๋รีบกล่าวตอบ “เมื่อครู่กินยาไป ตอนนี้หลับอยู่ขอรับ หลังจากที่คุณชายรองเข้ามาดู ก็พาคนที่ก่อเรื่องไปแล้วขอรับ…”
สะใภ้รองได้ยินเช่นนั้นก็รู็สึกสบายใจขึ้นมาเป็นอย่างมาก หญิงสาวเพียงขมวดคิ้วกล่าวกับเถ้าแก่อู๋ “เถ้าแก่อู๋โปรดเข้าใจข้าด้วย ข้าไม่ได้ตำหนิท่าน เพียงแต่ไม่มีอะไรสำคัญกว่าคนในตระกูลเหยาของพวกเราอีกแล้ว ถ้าหากว่ามีคนมาก่อเรื่อง แม้ว่าร้านจะถูกปล้น ถูกวางเพลิง ถูกทำลายให้เสียหาย เพียงแค่พี่สะใภ้ใหญ่ไม่เป็นอะไร ท่านก็นับว่าเป็นผู้มีพระคุณอย่างมากต่อตระกูลเหยาของพวกเรา”
เถ้าแก่อู๋ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ยืนนิ่งอยู่กับที่โดยไม่เอื้อนเอ่ยคำใด
ตอนนั้นเขาเพียงสนใจแค่สั่งให้คนไปจัดการข้าวของเท่านั้นและยุ่งเกินกว่าจะเอ่ยคำขอโทษและอธิบายต่อลูกค้า เขาเลยต้องส่งแขกออกจากร้าน เมื่อนั้นถึงจะสังเกตได้ว่าสีหน้าของฮูหยินเริ่มทนไม่ไหวแล้ว
เมื่อหญิงสาวเห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของเถ้าแก่ก็ไม่ได้กล่าวปลอบใจชายชราแต่อย่างใด ภายในใจของสะใภ้รองตอนนี้คิดถึงเพียงแต่เรื่องของสะใภ้ใหญ่เท่านั้น ไม่นานนางก็เดินเข้าไปด้านหลังร้าน
มีรอยร้าวเล็ก ๆ ที่หน้าต่าง บางทีมันอาจจะทำให้กลิ่นยาที่คละคลุ้งอยู่ภายในห้องจางหายไปแล้ว
เซียงเวยเดินเข้าไปบริเวณด้านหน้าเก้าอี้ เห็นสะใภ้ใหญ่ที่ใบหน้าซีดเซียวนอนอยู่
หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านข้าง และยื่นมือออกไปลูบมือของสะใภ้ใหญ่ มอบความอบอุ่นให้แก่นาง หลังจากนั้นนางจึงถอนหายใจออกด้วยความโล่งใจ “โชคดีที่พี่สะใภ้ไม่ได้เป็นอะไร…”
หญิงสาวอยู่ในอิริยาบทนั้นราว ๆ ครึ่งชั่วยาม โดยมีเซียงเวยอยู่ข้างพี่สะใภ้ใหญ่มาโดยตลอด เมื่อดวงตาของสะใภ้ใหญ่เริ่มขยับแล้วนางก็ค่อย ๆ ตื่นขึ้น
“พี่สะใภ้ใหญ่ ตอนนี้พี่เป็นอย่างไรบ้าง ร่างกายเจ็บปวดตรงไหนหรือไม่?”
สะใภ้ใหญ่ยังคงอยู่ในภวังค์ เมื่อเห็นเงาของคนที่อยู่ข้าง ๆ จึงพยายามจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่หญิงสาวจะยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “อาเวย เจ้าเองหรอกหรือ”
น้ำชาที่เซียงเวยเตรียมไว้เมื่อสักครู่กำลังอุ่นพอดีในตอนนี้
หญิงสาวรินชาแล้ววางไว้อีกด้าน แล้วเอ่ยถามอย่างอบอุ่น “พี่สะใภ้ใหญ่อยากดื่มน้ำหรือไม่?”
สะใภ้ใหญ่ลุกขึ้นนั่ง บางทีการได้นอนพักผ่อนอย่างสงบทำให้ใบหน้าที่ซีดเซียวในตอนแรกเริ่มกลับมามีชีวิตชีวา
หญิงสาวรับชาในมือของเซียงเวย คลี่ยิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่ได้เป็นอะไร อาเวย เจ้าอย่าได้เป็นกังวลไปเลย”
เซียงเวยพิจารณาใบหน้าของสะใภ้ใหญ่อย่างถี่ถ้วน เอ่ยถามขึ้น “ยังรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนอยู่หรือไม่?”
สะใภ้ใหญ่ส่ายหน้า “ข้าดื่มยาแล้ว ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว”
เซียงเวยถอนหายใจอย่างสบายใจ
หลังจากรอให้พี่สะใภ้ใหญ่ค่อย ๆ ดื่มชาจนหมด จึงยื่นมือไปรับถ้วยชามาแล้ววางไว้อีกด้านของโต๊ะ หญิงสาวขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามขึ้น “พี่สะใภ้ใหญ่ วันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดท่านจึงอาเจียน แล้วเหตุใดพวกนั้นถึงมุ่งเป้ามาที่พี่และลูกเล่า?”
สะใภ้ใหญ่วางมือไว้บนท้อง ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่จะส่ายหัวแล้วกล่าวขึ้น “ข้ามองว่าชายผู้นั้นไม่รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ เลยจงใจมาก่อเรื่อง ถ้าหากมีคนรู้ว่าข้าตั้งครรภ์คงจะไม่กล้าลงมือง่ายๆ”
พูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของสะใภ้รองก็เปลี่ยนไป “พวกเขาลงมือกับท่านหรือไม่?”
พี่สะใภ้ใหญ่เห็นท่าทางของอาเวยที่ดูเหมือนอยากจะลุกกระโจนขึ้น จึงรีบคว้ามือของนางไว้ “แค่ผลักไม่กี่ครั้ง ไม่ได้ร้ายแรงอะไร”
สีหน้าของเซียงเวยแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันใด หญิงสาวอดทนไม่ไหวที่จะปรี่ไปยังบ้านของตู้เหิงแล้วลากตัวนางออกมาตบซักฉาดสองฉาด
เหยาซูเคยเล่าเรื่องของตู้เหิงให้กับพวกพี่สะใภ้ฟังนานแล้ว แล้วนางก็ไม่ได้ปิดบังความจริงว่าเด็กทั้งสองถูกลักพาตัวไปในวันนั้น ดังนั้นสะใภ้ทั้งสองของตระกูลเหยาจึงไม่ชอบใจตู้เหิงเป็นอย่างมาก
เซียงเวยกัดฟันแน่น สบถด่าออกมา “ตู้เหิงเสียสติไปแล้ว! พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรให้นางเดือดร้อนเลย กลับทำตัวเหมือนกอเอี๊ยะหนังสุนัข[1] เกาะติดผู้คนไม่อยากให้อยู่อย่างสงบสุข อย่าพูดถึงครั้งที่เกือบจะทำร้ายอาซือและซานเป่า วันนี้ยังเกือบทำร้ายพี่สะใภ้ใหญ่และลูกในครรภ์อีก สตรีเช่นนี้ช่างไร้หัวใจเสียจริง ๆ”
สะใภ้ใหญ่ลูบท้องของตน คิดว่าถ้าวันนี้เกิดเรื่องขึ้น ภายในใจก็อดคิดถึงเรื่องร้าย ๆ ในอนาคตไม่ได้
“ตอนนี้พี่สะใภ้เป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นหรือไม่ อาเฉาเตรียมเบาะกับรถม้าแล้ว ถ้าหากว่าพี่สะใภ้ใหญ่ดีขึ้นมาบ้างแล้วพวกเราก็กลับบ้านกันเถอะ” สะใภ้รองถามขึ้น
ทั้งสองคนมีความคิดเหมือนกัน ที่ว่าเวลาจะพูดอะไรก็ไม่รู้สึกปลอดภัยเท่ากับพูดคุยที่บ้าน
สะใภ้ใหญ่พยักหน้า “ข้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเรารีบกลับบ้านกันเถอะ”
เซียงเวยประคองพี่สะใภ้ใหญ่ขึ้นรถม้า คอยระมัดระวังให้หญิงสาวตลอดจนขึ้นรถเรียบร้อย
รถม้ามุ่งไปยังจวนตระกูลเหยา พี่สะใภ้ใหญ่นั่งอยู่บนเบาะ บางทีอาจเป็นเพราะอยู่ในห้องเล็กที่โคลงเคลงไปมาทำให้ภายในท้องรู้สึกปั่นป่วน นางจึงหลับตาลงตลอดทาง
ส่วนทางด้านเซียงเวยนั้นคอยคิดแผนการอยู่ในใจว่าจะจัดการตู้เหิงคนนี้อย่างไรดี
…………………………………………………………………………………………………
[1] กอเอี๊ยะหนังสุนัข (狗皮膏药) – ยาราคาถูกที่รักษาโรคอะไรไม่ได้ อุปมาถึงคนที่ตอแหลหลอกลวงคนอื่น
สารจากผู้แปล
อู้ยยย ถ้าพี่สะใภ้รองไปลากนังตู้มาตบจริง ๆ นี่ท่าจะมันนะคะ พี่สะใภ้รองเหยานี่สายแทงค์อยู่แล้วด้วย แค่วาจาก็เผ็ดร้อนแล้ว
ไหหม่า(海馬)