ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 47 สิ่งที่พ่อควรทำ
บทที่ 47 สิ่งที่พ่อควรทำ
อาซือมองหน้าบิดาของตนพลางกล่าวคำพูดของเหยาซูในวันนั้น “พี่ชายคือต้าเป่า อาซือคือเอ้อเป่า ส่วนน้องชายคือซานเป่า พวกเราเป็นสมบัติล้ำค่าของท่านแม่”
มุมปากของหลินเหรายกขึ้นเล็กน้อย แม้ดวงตาจะเย็นชาทว่าแฝงไปด้วยความอ่อนโยนพร้อมกับพึมพำเบา ๆ ว่า “ต้าเป่า เอ้อเป่า ซานเป่า”
อาจื้อจูงมืออาซือลงจากตักของหลินเหรา มืออีกข้างจับมือใหญ่หยาบกร้านของผู้เป็นบิดาเอาไว้ แล้วพูดอย่างตื่นเต้น “ท่านพ่อรีบไปดูน้องชายเร็วเข้า”
หลินเหราเดินตามแรงดึงของลูกชายไปที่เปล สายตาถูกสะกดไว้โดยทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปล
“อ๊า…ออ…แอ๊…”
ซานเป่าในตอนนี้นอกจากชอบนอนแล้วยังชอบโวยวายและพูดมากอีกด้วย
เมื่อเห็นว่ามีคนโผล่หน้าออกมา เขาจะยิ้มร่าเผยให้เห็นฟันน้ำนมเล็ก ๆ น่าเอ็นดูเหลือเกิน
“อ๊า…แอ…”
ทารกน้อยชูมือขึ้น ดวงตากลมโตเหมือนกวางจ้องมองหลินเหราราวกับบอกให้เขาอุ้มตัวเอง
แม่เฒ่าเหยายังกังวลว่าหลินเหราจะไม่เคยอุ้มลูก แต่ก็เห็นเขากอดซานเป่าอย่างคุ้นเคยคล่องแคล่ว ใช้มืออีกข้างหนึ่งประคองหลังของลูกไว้ในอ้อมแขน
เห็นได้ชัดว่าเมื่อก่อนเขาเคยดูแลเด็กเล็กมาไม่น้อย
“ซานเป่า ข้าคือพ่อของเจ้า!”
ชายหนุ่มมองทารกจ้ำม่ำตัวขาวอยู่ในอ้อมอกอย่างตั้งใจ แววตาของเขาสงบนิ่งและอ่อนโยน ไรผมบางส่วนตกระหน้าผาก ปิดรอยแผลเป็นบนโหนกคิ้วที่แลดูดุร้ายไปได้บางส่วน
คนที่เพิ่งออกมาจากสนามรบอาจจะกลัวจนเกิดอาการขวัญหนีดีฝ่อจากสงคราม พวกเขาคงจะนอนฝันเห็นเลือดสด ๆ ไปตลอดชีวิต หรือพวกเขาอาจจะต้องฝึกฝนจิตใจให้แข็งแกร่งท่ามกลางสนามรบและมีดดาบ
หลินเหราเป็นอย่างแบบหลัง
บางทีในอ้อมกอดของเขาอาจเป็นสิ่งที่อ่อนนุ่มที่สุดในโลก และโดยไม่รู้ตัว หลินเหราได้พังทลายความเยือกเย็นรอบกายลงจนหมดสิ้น
สายตาของเขาหันไปหาเด็กทั้งสองคนแล้วพูดเบา ๆ ว่า “พวกเจ้าก็เป็นสมบัติของพ่อเช่นกัน”
เด็กทั้งสองคนกำลังพูดคุยกับญาติผู้พี่ของตนและคนอื่น ๆ โดยไม่ได้สังเกตหรือรับรู้ถึงคำพูดของหลินเหราที่เอ่ยออกมาแผ่วเบา
เหยาซูนั่งเกวียนกลับมาที่หมู่บ้านตระกูลเหยาก่อนเที่ยง
เดิมทีนางไปเยี่ยมฮูหยินนายอำเภอ ได้มีโอกาสพบสตรีสูงศักดิ์มากมาย จึงขายชาดทาแก้มในกล่องแกะสลักชุดสุดท้ายออกไป อีกทั้งยังมีคำสั่งซื้ออีกมาก
กิจการดำเนินไปอย่างราบรื่น เพียงแต่ต้องรอให้ฤดูใบไม้ผลิมาถึง รอให้ดอกไม้บานสะพรั่ง เหยาซูก็จะสามารถเลือกดอกไม้สีอื่นมาทำชาดทาแก้มได้อีก
เหยาซูในวันนี้ค่อนข้างอารมณ์ดี นางนำขนมกุ้ยฮวาหลายถุงกลับมาจากในเมือง เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้านก็เห็นม้าสีน้ำตาลแดงตัวใหญ่ตัวหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้านเงียบ ๆ
“หือ? หรือว่าวันนี้พี่รองกลับมาเร็ว?”
เหยาซูมีสีหน้าสงสัย นางยื่นมือออกไปลูบแผงคอม้าและมอบลูกกวาดกุ้ยฮวาชิ้นหนึ่งให้แก่มัน
เจ้าม้าดมกลิ่นในมือของเหยาซู จากนั้นใช้ลิ้นตวัดลูกกวาดเข้าไปเคี้ยวตุ้ย ๆ ในปาก
“เจ้าช่างเฉลียวฉลาดเสียจริง” เหยาซูยิ้มและลูบไปที่ศีรษะม้าเบา ๆ “ฉลาดเพียงใดข้าก็ไม่ให้เจ้าแล้ว อย่าลืมไปขอลูกกวาดจากเจ้านายของเจ้าล่ะ”
นางเดินเข้าไปในลานบ้าน ทว่าไม่พบผู้ใด จากนั้นจึงเลี้ยวเข้าไปในห้องหนังสือและพบเพียงประตูเปิดอยู่ พู่กันที่เด็ก ๆ ใช้เขียนหนังสือวางอยู่บนโต๊ะมีตัวอักษรตัวใหญ่สองสามตัวที่ยังเขียนไม่เสร็จ
มีเพียงเสียงพูดคุยดังมาจากห้องหลัก เหยาซูจึงหันหลังเดินไปยังเรือนทางเหนือพลางเอ่ยว่า “วันนี้ไม่ใช่ว่าพี่ใหญ่ดูแลเด็ก ๆ เรื่องคัดตัวอักษรหรอกหรือ? เหตุใดข้าถึงเห็นว่าพวกเขาไม่ค่อยได้เขียนอะไรเลย…”
คำพูดของเหยาซูพลันหยุดลงทันทีเมื่อชายแปลกหน้าในห้องเงยหน้าขึ้นมา
ชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่ใบหน้าดูเย็นชาโดยเฉพาะดวงตาลึกลับราวกับสระน้ำเย็นเฉียบคู่นั้นกำลังมองมาที่ตน
หัวใจของเหยาซูเต้นระรัวอย่างไม่อาจควบคุมได้ นางมั่นใจว่านางไม่เคยพบคนตรงหน้ามาก่อน ทว่าโครงหน้าของเขา เหมือนถูกสลักในสมองของนางตั้งแต่แรกเพียงแต่ร่องรอยของมันไม่ลึกนัก
เมื่อเห็นเขา เหยาซูรู้สึกได้ในพลันใดว่านางไม่มีวันลืมบุคคลนี้ได้
“อาซู! เจ้ากลับมาแล้วรึ? ไม่ได้พบกับพี่ชายของเจ้าที่ไปรับหรือ?”
เสียงของมารดาดังขึ้น แต่จิตใจของเหยาซูไม่อาจละสายตาไปจากคนตรงหน้าได้ นางตอบอย่างไม่รู้ตัว “ข้ากลับมาแล้วแต่ไม่เห็นพี่ใหญ่…”
“ท่านแม่ ท่านแม่” ต้าเป่าและเอ้อเป่าวิ่งเข้ามาหานาง เสียงร้องตื่นเต้นของเด็กน้อยทั้งสองปลุกให้เหยาซูตื่นจากภวังค์ของความรู้สึกแปลก ๆ “ท่านพ่อกลับมาแล้ว! ท่านพ่อกลับมาแล้ว!”
เหยาซูตกใจและรีบพูดขึ้นมาว่า “ท่านพ่อ…งั้นเหรอ?”
นางมองไปที่บุรุษผู้นั้นทันที เขาคือพ่อของเด็ก ๆ เหล่านี้รึ?
……………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจอพ่อของเด็ก ๆ แล้ว ยังไงต่อดีคะเหยาซู
ไหหม่า(海馬)