ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 472 อวี้อวี้
บทที่ 472 อวี้อวี้
บทที่ 472 อวี้อวี้
หลินซือตื่นตระหนกตกใจ เด็กสาวเดินรุดขึ้นหน้าหลายก้าวโดยไม่รู้ตัวเพราะอยากมองให้ชัดขึ้น ครั้นได้สติกลับมา ตัวเองก็มายืนอยู่ในลานบ้านของอีกฝ่ายแล้ว
หลินซือรู้สึกลำบากใจ ถึงอย่างไรตนก็ถือได้ว่าเป็นผู้บุกรุกบ้านของผู้อื่น ไม่แน่ว่าอาจจะถูกจับได้อีกทั้งหาว่านางจะมาขโมยของบ้านเขาก็ได้ ครั้นมองไปรอบ ๆ บ้านจนมั่นใจว่าไม่มีผู้ใดแล้ว ก็เตรียมจะออกไป
คาดไม่ถึงว่าทันทีที่หันกลับไป ก็เจอกับเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าซีดเผือด ท่าทางเคร่งขรึมกำลังจ้องมองมาทางนาง
“อย่าร้อง!” เด็กหนุ่มกล่าวเสียงทุ้มต่ำขมวดคิ้วแน่นก่อนที่หลินซือจะทันได้ส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ
เสียงกรีดร้องของหลินซือติดอยู่ในลำคอ ทันทีที่ปิดปากลงจึงเกิดอาการสำลักอย่างควบคุมไม่ได้
“ข้ามาหาอาจารย์อวี้อวี้ ไม่ทราบว่าเขาอยู่หรือไม่เจ้าคะ?” หลินซือถามเด็กหนุ่มหน้าตาขึงขังคนนี้ด้วยความระมัดระวัง
“อวี้อวี้อยู่ อาจารย์อวี้อวี้ไม่อยู่”
เด็กหนุ่มเดินผ่านหลินซือไป กระทั่งเดินมาหยุดข้างตัวหยกที่สูงกว่าชิ้นอื่น จากนั้นก็หยิบที่ขุดดินที่มีหัวแหลมแต่ปลายอีกด้านแบนเรียบขึ้นมาเทียบกับหยก
“ไม่ ไม่ ไม่ ข้ามาหาอาจารย์อวี้อวี้ ไม่ได้มาหาอาจารย์ของอวี้อวี้”
หลิวซือรีบชี้แจงทันที จากนั้นก็มองอย่างตะลึงงันไปยังอีกฝ่ายที่กำลังเริ่มเคาะ ๆ ตี ๆ อย่างคาดเดา และแล้วก็ได้สติกลับมา “ท่านคืออวี้อวี้หรือ?”
เด็กหนุ่มคนนี้คืออวี้อวี้ เขามองหลินซือราวกับคนโง่เขลาแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันกลับไปสนใจงานในมือของตัวเองอย่างขะมักเขม้นต่อ
มิน่าเล่า หลินซือถึงนึกไม่ออกตั้งแต่แวบแรกที่เห็น ท่านลุงหลี่เคยบอกนางว่าอวี้อวี้อายุยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่คนตรงหน้ากลับดูซีดเซียวและซูบผอม ใบหน้าก็ยังมีความอ่อนเยาว์ราวกับเด็ก ดูโตกว่าหลินซือเพียงเล็กน้อย ไม่เหมือนคนที่อายุยี่สิบกว่าปีเพียงนั้น
“เช่นนั้นก็ อาจารย์อวี้อวี้ ที่ข้ามาวันนี้ก็เพราะอยากเชิญอาจารย์ไปทำงานร้านหยกอวี้ฝูของเรา …”
“ไม่ไป” ยังไม่ทันที่หลินซือจะพูดจบ อวี้อวี้ก็ตัดบทนางเสียก่อน อีกทั้งตอนพูดก็ยังไม่มองหน้าหลินซือแม้แต่น้อย
หลินซือยังไม่เคยเจออวี้อวี้เช่นนี้ เขาอารมณ์ร้อนยิ่งกว่าอะไรดี นางจึงกัดริมฝีปากตลอดเวลาว่าจะเอาอย่างไรดี
“อาจารย์อวี้ ข้าอยากเชิญอาจารย์ไปจริง ๆ เรื่องค่าจ้างเราคุยกันได้ ขาดก็แต่อาจารย์ผู้มีฝีมือดีเช่นนี้” หลินซือกล่าวด้วยความจริงใจ
“มีฝีมืออย่างนั้นหรือ?” อวี้อวี้หยุดการกระทำในมือ จากนั้นก็ชี้ไปยังสิ่งของที่แกะสลักหยาบ ๆ ไว้เพียงครึ่งเดียวข้างกาย “เจ้าคิดว่าข้ามีฝีมือใช่หรือไม่? ถ้าข้าบอกว่านี่คือผลงานของข้าเล่า เจ้าคิดว่ามันเหมาะสมกับร้านของเจ้าไหม?”
หลินซือไม่ได้แสดงสีหน้าลำบากใจเหมือนอย่างที่อวี้อวี้คาดคิดไว้ แต่กลับรุดหน้าอย่างระมัดระวังแล้วมองพิจารณาสิ่งของชิ้นนั้นอย่างละเอียด
“ถ้ามีของที่ชำรุดทรุดโทรมเช่นนี้วางอยู่ในร้านจะมีคนอยากได้หรือไม่?” อวี้อวี้กล่าวเย้ยหยัน
“อาจารย์อวี้อวี้ ข้าคิดว่าผลงานเหล่านี้ดีมากเชียว” หลินซือยืดตัวขึ้น “อาจจะมีคนอีกมากพูดว่าผลงานเหล่านี้ชำรุดไม่มีราคา แต่ข้าไม่รู้สึกเช่นนั้น อาจารย์เองก็คงไม่รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางแกะสลักรูปเช่นนี้มากมายเพียงนี้หรอก”
อวี้อวี้หยุดการกระทำในมือฉับพลัน แล้วมองหน้าหลินซือตรง ๆ เป็นครั้งแรก
“ดั่งคำกล่าวที่ว่า ฝีมือดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเก่ง แต่มันขึ้นอยู่กับการฝึกฝน แม้ว่าการแกะสลักเหล่านี้จะไม่ได้งดงามวิจิตรมากนัก แต่สำหรับข้าทุกร่องรอยของการแกะสลักล้วนแกะไปตามรูปแบบของหิน แกะสลักพวกมันออกมาในรูปแบบที่งดงามและดูเป็นธรรมชาติที่สุด งานแกะสลักคืองานที่งดงาม แต่ข้ารู้สึกว่าการแกะสลักแบบหยาบเช่นนี้ก็ทำให้มองเห็นถึงระดับฝีมือช่างแกะสลักได้ดีทีเดียว”
ภายใต้สายตาที่เคร่งขรึมของอวี้อวี้ หลินซือค่อนข้างเป็นกังวล แต่ก็ยังพูดอย่างจริงจังจนจบ
อวี้อวี้โยนสิ่งของที่อยู่ในมือลงไปบนพื้นจนเกิดเสียง ‘เคร้ง’ ทำเอาหลินซือตื่นตระหนกตกใจอย่างมาก
“คาดไม่ถึงว่าอายุแค่นี้ เจ้าจะมีความรู้เพียงนี้”
“ท่านก็ชมเกินไป” หลินซือรู้ว่าตัวเองไม่ได้พูดผิด จึงโล่งอก
“ความจริงแล้วข้าก็ไม่อยากแกะสลักของชิ้นเล็กที่ละเอียดเช่นนี้แล้วเหมือนกัน”
อวี้อวี้เดินมานั่งข้างโต๊ะหยกตัวหนึ่ง “เจ้ามาหาข้า คงจะเคยสอบถามมาแล้วว่าก่อนหน้านั้นข้าเคยทำงานอยู่ที่ร้านหยกอวี้หยวนอยู่ระยะหนึ่ง แต่ข้าพบว่าข้าไม่เหมาะสมกับที่นั่น มีแต่คนถือกระดาษแผ่นหนึ่งมาหาข้าทุกวัน ให้ข้าแกะสลักตามรูปแบบนั้น มันช่างน่าเบื่อยิ่งนัก ใคร ๆ ก็ทำคนเดียวได้ เหตุใดข้าต้องเสียเวลาให้กับเรื่องน่าเบื่อเช่นนั้นด้วย”
“ดังนั้นอาจารย์ก็เลยลาออก?”
หลินซือค่อย ๆ นั่งลงตรงข้ามกับอวี้อวี้ อวี้อวี้ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร หลินซือจึงนั่งลงอย่างเต็มที่
“ใช่ แม่นาง ข้าพูดเช่นนี้ก็เพราะอยากเตือนเจ้า ดูจากเสื้อผ้าที่เจ้าสวมใส่แล้ว เจ้าจะต้องมาจากตระกูลที่มั่งคั่งแน่นอน ร้านที่เปิดก็คงจะขายของจำพวกเครื่องประดับชาดปากและแป้งน้ำอะไรเทือกนั้น แม้ว่าเจ้าจะดูมีระดับ แต่สิ่งของที่ข้าทำไม่เหมาะสมกับร้านของพวกเจ้าแน่นอน เจ้าไปเชิญผู้มีฝีมือคนอื่นเถอะ”
อวี้อวี้กล่าวจบ ก็โบกมือไปทางหลินซือ เห็นได้ชัดว่ามันคือการส่งแขก
“อาจารย์อวี้!” หลินซือลุกพรวดขึ้น “เมื่อครู่ตอนที่ข้าเพิ่งมาถึง ข้าเห็นท่านดูอ่อนเยาว์มาก เลยไม่กล้าเชื่อว่าท่านจะเป็นอวี้อวี้ที่ข้าเคยได้ยิน แต่ไม่นานข้าก็ตระหนักได้ตัวเองนั้นผิดที่ตัดสินผู้อื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก เหตุใดท่านถึงไม่ตามข้าไปดูร้านหรือฟังข้าพูดอย่างจริงจังเสียก่อนเล่า ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกของข้าคงคิดว่าต้องเล่นแผนหลอกล่ออะไรบางอย่างแน่ใช่หรือไม่?”
อวี้อวี้เลิกคิ้วสูงเล็กน้อย พลางเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดกับหลินซือว่า “เจ้าว่ามาสิ”
หลินซือสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ท่านบอกว่าสิ่งที่วาดอยู่บนกระดาษใคร ๆ ก็ทำได้ แต่สิ่งที่ข้าต้องการคืออาจารย์แบบท่าน ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อให้ท่านตอกกลับจนหน้าหงายเช่นนี้ ไหน ๆ ข้าก็มาแล้ว คงจะพิสูจน์ได้แล้วว่าข้ายอมรับท่าน ร้านหยกในต้าเยี่ยนมีขนาดเล็กใหญ่ต่างกัน แต่กลับถูกกดด้วยมาตรฐานของร้านหยกอวี้หยวนมาตลอด เส้นทางนี้ข้าถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว และข้าจะไม่มีวันเดินไปหาจุดจบอีก”
“เจ้าอยากเหนือชั้นกว่าร้านหยกอวี้หยวนหรือ?” อวี้อวี้เบิกตากว้าง แล้วพูดกับหลินซือ
หลินซือพยักหน้าอย่างหมดหนทาง “ความจริงแล้วเมื่อข้าได้มาเห็นสิ่งที่ท่านทำในวันนี้จึงได้เกิดความคิดนี้ขึ้น หรือจะพูดอีกนัยหนึ่ง คือผลงานของท่านได้ทำให้ข้ากล้าที่จะพูดเช่นนี้ อาจารย์อวี้อวี้ ท่านยินดีจะลองเสี่ยงกับข้าสักครั้งไหม? แกะสลักออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน”
อวี้อวี้มองไปทางเด็กสาวที่มีหน้าตาอ่อนเยาว์ตรงหน้า ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าความภาคภูมิใจที่ตัวเองเคยมีอย่างมหาศาลในตอนแรกได้กลับมาอีกครั้ง
“แม่เจ้าคือใคร?” จู่ ๆ อวี้อวี้ก็โพล่งถามออกมา
“หา?” หลินซือชะงักไป ตัวเองมาเพื่อพูดเรื่องกิจการกับอวี้อวี้ไม่ใช่หรือไร แล้วเหตุใดเขาถึงได้ถามเช่นนี้?
“มารดาของเจ้าคือผู้ใด?” อวี้อวี้เปลี่ยนวิธีการพูดให้ดูมีความเคารพมากขึ้น แล้วอดทนถามออกไปอีกครั้ง
“แม่ของข้าคือเหยาซู ท่านรู้จักหรือไม่?” หลินซือถามกลับอย่างระมัดระวัง
อวี้อวี้ยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่รู้จัก แต่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานานแล้ว มิน่าเล่า เจ้าถึงได้กล้าพูดเช่นนี้ทั้ง ๆ ที่อายุเพียงเท่านี้ ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น”
“เช่นนั้นข้าจะลองไปกับเจ้าก็แล้วกัน”
อวี้อวี้ลุกขึ้น แล้วพูดเสียงราบเรียบ
อวี้อวี้ตามหลินซือไปเยี่ยมร้านหยกอวี้ฝู โดยไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรทั้งนั้น หลินซือและคนอื่นก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะพอใจหรือไม่ สุดท้ายตอนที่อวี้อวี้จากไป ก็ได้ทิ้งท้ายด้วยการบอกว่าพรุ่งนี้จะมาให้คำตอบ
หลังจากส่งแขกแล้ว หลินซือและไป๋หรูปิงก็สบตากันด้วยความรู้สึกไม่มั่นใจ
………………………………………………
สารจากผู้แปล
อาจารย์เด็กมากแถมอินดี้ด้วย ถ้าไปตีกรอบผลงานเข้าคงไม่ยอมไปทำงานให้แน่ๆ
ไหหม่า(海馬)