ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 473 ขอร้อง
บทที่ 473 ขอร้อง
บทที่ 473 ขอร้อง
“คิดไตร่ตรองให้ดีก็พอ” ไป๋หรูปิงเห็นเหตุการณ์ก็ได้แต่ปลอบหลินซือ
หลินซือพยักหน้าด้วยความกลัดกลุ้มใจ
โชคดีที่อวี้อวี้ไม่ได้ทรมานพวกนางสองคนถึงเพียงนั้น ในเช้าตรู่วันต่อมาเขาก็มาด้วยตัวเอง ทั้งยังถือกล่องใหญ่ใบหนึ่งติดตัวมาด้วย นั่นคืออุปกรณ์แกะสลักของเขา
“อาจารย์อวี้!”
ดวงตาของหลินซือเปล่งประกายขึ้นทันใด จากนั้นก็พุ่งตัวไปตรงหน้าของอวี้อวี้ด้วยความเร็วสูง “ท่านยอมมาจริง ๆ ด้วย?!”
อวี้อวี้พยักหน้า “สิ่งที่เจ้าพูดเมื่อวาน มันทำให้ข้ายิ่งอยากเห็นว่าเจ้าจะบริหารร้านขนาดเล็กแห่งนี้ให้ออกมาในทิศทางใด”
หลินซือเกาศีรษะด้วยความรู้สึกผิด เมื่อวานตนรู้สึกฮึกเหิมจนทำให้โพล่งวาจาอวดดีออกไป ตอนนี้คำพูดเหล่านั้นฝังรากลึกอยู่ในจิตใจ
หลินซือแสดงท่าทางเก้อเขิน แต่ก็รู้สึกว่าอวี้อวี้ยังเชื่อในศักยภาพของตัวเอง ไม่อย่างนั้นนางก็คงถูกมองว่าเป็นคนบ้า
“ไม่ว่าอย่างไร ท่านก็มาจริง ๆ” หลินซือกำหมัดทำความเคารพ “ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน!”
อวี้อวี้ส่งยิ้มน้อย ๆ ให้กับหลินซือ “ต่อไปไม่ต้องเรียกข้าว่าอาจารย์แล้วนะ ข้าได้ยินแล้วรู้สึกตะขิดตะขวงใจเหลือเกิน เรียกข้าว่าพี่อวี้แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ พี่อวี้!”
ครั้นสังเกตเห็นว่าอวี้อวี้ยอมรับตน ใบหน้าของหลินซือก็ยิ่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
มีปรมาจารย์ท่านนี้มาเยือนถึงร้านของตัวเอง หลินซือก็ดีใจจนไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี นอกจากยื่นมือออกไปช่วยยกกล่องเครื่องมือแกะสลักใบนั้น สุดท้ายก็กระแทกถูกมือโดยไม่ทันระวังตัว
…
“เอ้อเป่า เหตุใดถึงไม่ระวังเช่นนี้?”
ไป๋หรูปิงเลิกคิ้วสูงพลางทายาให้กับหลินซือ ระหว่างนั้นก็อดตำหนิไม่ได้
หลินซือไม่รู้สึกเจ็บบริเวณมือที่ถูกกระแทกแต่อย่างใด เพราะยังดีใจที่เชิญอวี้อวี้มาร่วมงานได้สำเร็จ
“พี่ไป๋ อวี้อวี้ผู้ไม่ชอบร้านหยกอวี้หยวนแห่งนั้น เขากลับยอมลดเกียรติมาอยู่กับเราที่นี่ เหมือนสวรรค์ส่งคนมาช่วยเราจริง ๆ”
ไป๋หรูปิงทอดถอนใจ หลังจากที่พันนิ้วมือให้หลินซือแล้วก็ใช้มือข้างที่ว่างดีดหน้าผากของนาง “เจ้านี่นะ มือของตัวเองถูกกระแทกแบบนี้ ยังมีหน้านึกถึงคนอื่นอีก”
“อ่อ จริงสิ!” หลินซือดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว “มือของพี่อวี้ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่หรือไม่? ตอนนั้นข้าเหมือนเหวี่ยงมือไปโดนเขา”
“ไม่เป็นไร พวกเขาใช้แรงงานหนักอยู่แล้ว แต่เจ้าบ้าเสียเหลือเกิน กล่องที่ใหญ่เสียขนาดนั้นยังจะกล้ายกลำพัง”
ไป๋หรูปิงยังคงตำหนิต่อไป
“ก็ข้าดีใจไหมเล่า” หลินซือวางใจ ทรุดตัวลงนั่ง “มือของข้าไม่ได้ใช้ทำสิ่งใด ถ้าพี่อวี้ได้รับบาดเจ็บ ข้าต้องเสียใจมากแน่ ๆ”
ไป๋หรูปิงทอดถอนใจ พลางเก็บอุปกรณ์ทำแผลแล้วเปลี่ยนไปดูสมุดบัญชี
มือของหลินซือไม่ได้ถูกกระแทกอย่างรุนแรงนัก จึงไม่ได้บาดเจ็บถึงกระดูก แต่ครั้นเห็นก็ต้องตกใจอยู่ไม่น้อย เพราะใต้เล็บนิ้วชี้ข้างขวากลายเป็นสีม่วงคล้ำ หมอเห็นแล้วถึงกับบอกว่าต้องดึงเล็บออกแล้วปล่อยให้มันยาวใหม่ถึงจะหาย
ไป๋หรูปิงไม่เพียงแต่จะกังวลเรื่องอื่น แต่ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนหลินซือก็ต้องเข้าพิธีปักปิ่นแล้ว นางเป็นกังวลว่าตอนนั้นเล็บจะยาวไม่ทันแล้วจะดูไม่งาม หมอจึงรับประกันว่าแค่เดือนเดียวเล็บก็ยาวแล้ว ไป๋หรูปิงจึงได้วางใจลง
มิเช่นนั้นถ้าเอ้อเป่าได้รับบาดเจ็บจนเสียโฉม นางก็คงจะรู้สึกผิดไม่น้อย
หลินซือไม่ได้คิดมากเพียงนั้น ตรงกันข้ามกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บ นางกำลังมีความสุข และมักจะทำตัวเป็นครูพักลักจำอยู่ข้างกายอวี้อวี้ทุกวัน นางจึงกลับมาด้วยเศษหยกที่เปรอะเปื้อนทั่วใบหน้า ราวกับลงไปเกลือกกลิ้งอยู่ในกองทรายอย่างไรอย่างนั้น
“เอ้อเป่าดูเจ้าสิ สกปรกมอมแมมทั้งตัว ทั้งยังเป็นชุดฤดูใบไม้ร่วงที่ตัดเย็บใหม่ด้วย”
ไป๋หรูปิงวางงานที่ทำอยู่เมื่อครู่แล้วเดินออกมา ก่อนจะผลักหลินซือที่พุ่งเข้ามากอดตัวเองออกไป ต่อให้ได้รับการอบรมดีเพียงใดนางก็อดกล่าวอย่างรังเกียจไม่ได้
หลินซือเพิ่งพบว่าบนร่างกายของตัวเองดูสกปรกจริง ๆ นางปัดไม้ปัดมือ ข่มความปรารถนาของไป๋หรูปิงไว้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแบ่งปันความสุขของตัวเองให้กับอีกฝ่าย
“พี่อวี้รับปากว่าจะสอนข้าแกะสลักหยกแล้ว!”
“จริงหรือ?”
ไป๋หรูปิงเองก็ประหลาดใจเช่นกัน อวี้อวี้เป็นผู้มีฝีมือในด้านแกะสลักหยก แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีนิสัยประหลาดของการเป็นผู้มีฝีมือ เขาไม่ชอบสอนผู้อื่น หรือพูดได้ว่าเขาไม่เคยสอนใครเลย
สำหรับนางแล้ว อวี้อวี้เป็นคนที่ชอบทำตามใจตัวเอง สิ่งที่คนอื่นจับมือสอน ในสายตาของเขาไม่ถือว่าเป็นการแกะสลัก
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว” หลินซือเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ข้าทรมานมาหลายวัน จนไม่เหลือยางอาย แม้แต่คนที่ใจแข็งดั่งหินก็ยังต้องยอม”
“ไม่ใช่สิ เอ้อเป่า” ทันใดนั้นไป๋หรูปิงก็ดึงสติกลับมา “เจ้าแค่ต้องการแกะสลักของบางอย่าง ไม่ใช่ใครทำก็ได้ แต่ต้องเป็นอวี้อวี้เท่านั้น ข้าว่าเขาดูไม่เหมือนจะสอนผู้อื่นได้เลย เจ้าจะเรียนอะไรกับเขาเล่า?”
“ข้าแค่ต้องพยายามขึ้นหน่อย เขานี่แหละดีที่สุดแล้ว”
จู่ ๆ หลินซือก็กดเสียงให้ต่ำลง “ถึงอย่างไรก็เป็นของที่ตั้งใจจะให้กับพี่เถิง เขานี่แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว”
ไป๋หรูปิงคลี่ยิ้มทันใด พลางนึกถึงหยกดิบที่ยังไม่ได้รับการเจียระไนที่หลินซือเลือกมาจากวัสดุหยกครั้งแรก ในที่สุดก็เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงต้องเอาใจใส่มากเพียงนี้
“ที่แท้ก็เป็นของที่ตั้งใจจะให้เจี่ยงเถิงนี่เอง มิน่าเล่า เอ้อเป่าถึงดูจริงจังเช่นนี้” ไป๋หรูปิงคลี่ยิ้มๆเจ้าเล่ห์ให้กับหลินซือ
หลินซือรู้สึกร้อนผ่าวเพราะรอยยิ้มนี้ หัวใจเต้นตึกตักเร็วรัว จนต้องพูดเสียงดัง “ก่อนหน้านั้นเขาให้หยกชิ้นหนึ่งกับข้าเป็นของขวัญ ข้าก็ต้องให้เขากลับสักชิ้นสิ”
ระหว่างพูด หลินซือเหมือนต้องการพิสูจน์ จึงรีบดึงสร้อยสีแดงบนคอแล้วหยิบเอาจี้หยกขนาดเล็กชิ้นหนึ่งออกมาวางบนฝ่ามือให้ไป๋หรูปิงได้ดู
“ข้าถามพี่อวี้แล้ว เขาบอกว่าหยกชนิดนี้เขาเคยเห็นเพียงแค่ครั้งเดียว มันเป็นหยกที่หาได้ยากยิ่ง”
ไป๋หรูปิงรู้สึกว่ามันเป็นแค่หยกน้ำงามที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือชิ้นหนึ่งเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นนางกลับมองไม่ออก
แต่ถ้าอวี้อวี้พูดเช่นนั้น ย่อมเป็นเรื่องจริง
แต่สิ่งของสีแดงที่อยู่ภายใน ทำไมรูปร่างมันถึงได้คุ้นตาเช่นนี้?
“เอ้อเป่า เหตุใดรูปร่างสีแดงที่อยู่ในหยกชิ้นนี้เหมือนกับถั่วแดงอย่างนั้นล่ะ?”
ไป๋หรูปิงยิ้มอย่างมีความหมายแฝง
ชายหญิงที่ให้ถั่วแดงแก่กันก็เหมือนกับถั่วแดงแห่งความคิดถึง ล้วนเป็นความสัมพันธ์เชิงคนรัก
หลินซือเก็บจี้ชิ้นนั้นกลับมา แล้วก้มหน้าก้มตายัดจี้หยกนั้นกลับไปเพื่อปกปิดใบหน้าที่แดงก่ำของตัวเอง ก่อนจะพูดว่า “ก่อนที่เขาจะจากไป เขาได้ทำข้าขุ่นเคืองใจ ระหว่างทางอาจจะรู้สึกผิด เลยอยากจะเอาใจข้าด้วยการบอกคิดถึงข้าอะไรทำนองนั้นกระมัง”
“อ่อ” ไป๋หรูปิงร้องอ่อด้วยเสียงยืดยาว
“ไอหยา หยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว พี่ไป๋ ท่านรู้ไหมว่าเขาชอบหยกแบบไหน?”
หลินซือรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
ไป๋หรูปิงก็จนปัญญา “เหตุใดถึงมาถามข้าเล่า? ถึงข้าจะรู้เรื่องหยก แต่ถึงกระนั้นก็ต้องเลือกตามที่ผู้คนชื่นชอบ นี่คือของที่เจ้าอยากให้เจี่ยงเถิง ก็ต้องเลือกตามความชอบของเขาสิ แต่ข้าว่านะ ไม่ว่าเอ้อเป่าจะให้อะไร เจี่ยงเถิงก็ชอบทั้งนั้นแหละ”
“ก็ไม่แน่เสมอไป” หลินซือทำปากยื่นอย่างกลุ้มใจ “เขามักจะจู้จี้จุกจิก แม้ว่าวิสัยทัศน์ในการเลือกเสื้อผ้าให้ข้าจะดูแย่มาก แต่ทุกสิ่งทุกอย่างบนร่างกายของเขาล้วนแต่เป็นสิ่งที่ท่านป้าเจี่ยงคัดเลือกมาอย่างประณีต จากนั้นเขาก็ค่อยคัดบางส่วนออก สุดท้ายก็เหลือเพียงสิ่งของที่ถูกใจเขา”
ครั้นไป๋หรูปิงเห็นหลินซือจอมดื้อดึงคนนี้ ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ในตอนที่ตัวเองต้องเลือกสิ่งของให้ศิษย์พี่นางก็เลือกยากเช่นกัน แต่ดูจากตอนนี้ สิ่งที่ศิษย์พี่ชื่นชอบก็มีแค่ความตั้งใจ เมื่อมีความตั้งใจ หยกที่ให้ไปก็ล้วนมีมูลค่ามากกว่าเงินทอง
แต่เอ้อเป่าจอมดื้อดึงคนนี้ต้องการแกะสลักเอง คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
“เอ้อเป่า เจ้าคิดให้ดี ๆ แล้วกัน ข้าขอตัวก่อน”
“อื้อ” หลินซือกำลังวาดภาพลงบนกระดาษ ครั้นได้ยินก็เพียงแค่ตอบรับโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองแต่อย่างใด
ไป๋หรูปิงมองไปยังท่าทางของอีกฝ่าย แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ จากนั้นก็ถอยออกมาอย่างเงียบเชียบที่สุด
……………………………………………
สารจากผู้แปล
แน้~ มีมอบหยกฝีมือตัวเองกลับให้พี่เถิงด้วยแน่ะ แบบนี้มันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบพี่น้องแล้วอาซือ
ไหหม่า(海馬)