ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 48 เรื่องหย่ากันไว้ค่อยพูดทีหลัง
บทที่ 48 เรื่องหย่ากันไว้ค่อยพูดทีหลัง
ชั่วพริบตาเดียว ความรู้สึกคุ้นเคยกับใบหน้าคนผู้นี้พลันกระจ่างขึ้น
อาจื้ออายุยังน้อย นอกจากใบหน้าที่อวบเหมือนเด็กทารกแล้ว ดวงตาเรียวจมูกโด่งเป็นสันของเขาก็ดูราวถูกโขกออกมาจากพิมพ์เดียวกับชายหนุ่มตรงหน้า
ทว่าชายที่อยู่ตรงหน้าช่างมีบุคลิกเย็นชานัก ทำให้ผู้คนมองข้ามใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาไป
ทุกคนต่างเห็นเหยาซูตะลึงงัน หลังเห็นว่านางตกใจจนไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ หลินเหราจึงเป็นคนแรกที่ปริปากขึ้น
“อาซู ข้ากลับมาแล้ว”
เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเหยาซูได้ นางกำลังรู้สึกตกประหม่าและคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
เหยาซูสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้ง ถึงกระนั้นก็ยังไม่รู้ว่าจะตอบโต้บุรุษตรงหน้าอย่างไรดี
หญิงสาวฝืนยิ้มและพูดกับคนอื่น “ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าประตูบ้านยังไม่ได้ลงกลอน…”
ทันทีที่พูดจบ นางก็หันหลังและจากไปอย่างรวดเร็ว
คนตระกูลเหยาทุกคนต่างมองหน้ากัน แม่เฒ่าเหยาถึงกับเอ่ยขึ้นในทันที “ต้าเป่า เอ้อเป่า ตามแม่พวกเจ้าไปเร็ว!”
เด็กทั้งสองคนตอบรับแล้ววิ่งออกไปที่ประตู ทำให้พวกเขาลืมบิดาที่เพิ่งกลับมาเสียสิ้น
หลินเหราที่เดิมทีอุ้มซานเป่าเห็นดังนั้นแล้วจึงนำลูกกลับไปนอนในเปลอย่างเงียบ ๆ
แม่เฒ่าเหยาถอนหายใจ “ดูจากรูปการณ์แล้ว…อาซู” นางอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดเสียก่อน
ในฐานะแม่ยาย นางรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ลูกเขยของตนกลับมา แต่สิ่งที่ตระกูลเหยาคาดไม่ถึงมาก่อนก็คือ เหยาซูดูเหมือนไม่มีความสุขเอาเสียเลย
พ่อเฒ่าเหยาขมวดคิ้วแน่น แม้แต่พี่สะใภ้ทั้งสองคนก็ไม่ได้เอ่ยคำใด หลานชายทั้งสองคนของตระกูลเหยารู้ว่าผู้ใหญ่กำลังพูดถึงเรื่องใดกันจึงนั่งอยู่เงียบ ๆ ด้านข้าง
หลินเหรากำลังคิดถึงสายตาที่เหยาซูมองเขา
สายตาของนางดูราวกับมองคนแปลกหน้า มีทั้งความประหลาดใจและชื่นชม แต่ไม่มีความสนิทสนมคุ้นเคยเหมือนคนที่อยู่ด้วยกันมานานหลายปีเลย
หนึ่งปีมานี้เขาเปลี่ยนไปมาก เหยาซูเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
เขาไม่เคยเห็นนางร่าเริงสดใสเช่นนี้มาก่อน ทั้งยังดูเด็ดเดี่ยวและไร้กังวลด้วย
บางทีก่อนที่จะแต่งงานกับเขา เหยาซูก็มีลักษณะนิสัยเช่นนี้เหมือนกันกระมัง? หากนางไม่ได้ถูกกดดันให้ทำงานบ้านอันหนักหนาสาหัส ไม่ต้องรองรับการทารุณกรรมจากแม่เฒ่าหวังทุกวัน และไม่ต้อง…
หลินเหราพูดขึ้นเสียงเบา ๆ ว่า “อาซู…นาง?”
แม่เฒ่าเหยาส่ายหน้า ในใจครุ่นคิดถึงท่าทางการแสดงออกของลูกสาว ก่อนเอ่ยกับหลินเหราว่า “อาเหรา การกลับมาจากสงครามของเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย…เหตุใดวันนี้เจ้าไม่กลับไปที่ตระกูลหลินก่อนเล่า?”
หลินเหราปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาและกล่าวว่า “นางกับลูกอยู่ที่ใด ข้าจะอยู่ที่นั่น”
เมื่อเห็นลูกเขยก้มหน้าลงและเงียบไป แม่เฒ่าเหยาก็พูดอะไรไม่ออก
พ่อเฒ่าเหยากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เรื่องของสามีภรรยา ตาเฒ่ายายเฒ่าเช่นเราจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง ดังนั้นพวกเจ้าจัดการกันเองเถิด แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากจะบอกเจ้าเอาไว้ อาซูได้รับความไม่เป็นธรรมจากตระกูลหลิน ตอนนี้นางพาลูกทั้งสามคนไปใช้ชีวิตเพียงลำพัง แม้จะลำบากยากเข็ญไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่มีใครรังแก ไม่ว่าเจ้าจะกลับมาหรือไม่ในวันนี้ ข้าและแม่ยายของเจ้าก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้นางกลับไปยังตระกูลหลินอีก!”
คิ้วของแม่เฒ่าเหยาขมวดเข้าหากันพลางพยักหน้าและกล่าวว่า “เป็นความจริงแน่แล้ว เด็ก ๆ เองก็ไม่อยากที่จะกลับไปเช่นกัน!”
หลินเหราเป็นคนพูดไม่เก่ง ทว่าในใจกลับเข้าใจถึงความกังวลของชายชราที่มีต่อเหยาซูและลูก ๆ
เขาไม่อยากมีความรักความสัมพันธ์แบบนี้ จึงตอบกลับไป “ข้าจะไม่บังคับอาซูกับลูก”
หลังเอ่ยเช่นนั้น หลินเหราก็เงียบไปครู่หนึ่ง และกล่าวต่อ “กลับมาครั้งนี้ข้าจะดูแลพวกเขาอย่างดี”
ในสนามรบดาบกระบี่ไม่มีตา ทุกท่วงท่านำไปสู่การฟาดฟันลงบนเลือดเนื้อ
เขาเข่นฆ่าโรมรันในสถานที่แห่งนั้น ปีนป่ายออกมาจากฝันร้าย แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาควรจะทำอย่างไร
เขาจงรักภักดีต่อประเทศชาติแล้ว บุญคุณของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูมาหลายปีเขาก็จ่ายคืนมากพอแล้ว
ทว่าเขาอดรู้สึกผิดไม่ได้ต่อเหยาซูภรรยาของเขา ต้าเป่า เอ้อเป่า และซานเป่าที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
ไม่ว่าจะเป็นสมัยก่อนตอนอยู่ที่บ้าน หรือแม้แต่หนึ่งปีที่เขาหายไป เขาไม่เคยได้ทำหน้าที่ของสามีหรือพ่อที่ดีเลย
บางทีสิ่งที่ช่วยพยุงให้เขามีชีวิตรอดกลับมา คงเป็นเพราะความรับผิดชอบที่มีต่อภรรยาและลูก
แคว้นเหยียนไม่มีเขาไม่เป็นไร ตระกูลหลินอาจขาดเขาได้ แต่เหยาซูและลูกทั้งสามคนต้องการเขา
เมื่อเหยาซูออกจากตระกูลเหยา นางไม่ได้คิดอะไรมากนัก
เพียงแต่หญิงสาวเห็นว่ามีชายแปลกหน้าสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลากำลังอุ้มซานเป่า ข้างกายของเขายังมีต้าเป่าและเอ้อเป่า ทำให้ตนเข้าใจมากขึ้นว่าเด็กทั้งสามไม่ได้มีเพียงนางเท่านั้น แต่ยังเป็นของอีกคนด้วย
อีกคนที่นางไม่เคยพบเจอมาก่อน รู้จักแต่เพียงในหนังสือนิยายที่อ่านมา ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นสามีของตน
เหยาซูไม่รู้จะเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนี้อย่างไร ในนามของสามีและภรรยาทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ และในอนาคตเขาจะตกหลุมรักกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
แล้วเด็ก ๆ ล่ะ? ในโลกหนังสือนิยาย ซานเป่า อาจื้อ และอาซือจะติดตามบิดาของตนไป ทว่าไม่ได้รับความชอบจากผู้ที่เป็นแม่ยาย นานวันเข้าจิตใจของพวกเขาก็ยิ่งบิดเบี้ยว
เพื่อลูก ๆ ของนาง หญิงสาวต้องหาโอกาสที่เหมาะสมคุยกับหลินเหราเรื่องการหย่าร้าง
เหยาซูรู้สึกสับสนเล็กน้อย ทว่ากลับได้ยินเสียงดังแว่วมาจากด้านหลัง
“ท่านแม่! ท่านแม่!”
สองพี่น้องวิ่งเหยาะ ๆ ตามนางออกมา หน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เมื่อถูกลมหนาวพัดผ่านทำให้เกิดความรู้สึกเย็นเยียบ
เหยาซูหยุดฝีเท้าและเอ่ยกับลูกทั้งสอง “ช้าหน่อย พวกเจ้าวิ่งทำไมกัน?”
อาจื้อจูงมือน้องสาวเดินตรงเข้ามาหาเหยาซูและพูดว่า “ท่านแม่…ฟู่”
เหยาซูรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาย่อตัวลงซับเหงื่อให้กับพวกเขา ปากเอ่ยเสียงเบาว่า “เหตุใดจึงรีบร้อนนัก?”
นึกไม่ถึงว่าเด็กทั้งสองคนจะกอดหญิงสาวเอาไว้ เสียงร้องไห้คร่ำครวญของอาซือดังขึ้นข้างหู
“ฮือ ฮือ ท่านแม่ ท่านไม่ต้องการพวกเราแล้วหรือเจ้าคะ?”
เหยาซูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นางกอดเด็กทั้งสองแน่น เอ่ยปลอบโยนเด็กทั้งสอง “จะเป็นไปได้อย่างไร? ต้าเป่าและเอ้อเป่ารู้ความเพียงนี้ อีกทั้งยังฉลาดเฉลียว คนอื่นอิจฉาแม่ที่มีลูกที่ดีทั้งสองคน แม่จะไม่ต้องการเจ้าได้อย่างไร!”
อาซือเงยหน้าออกมาจากไหล่ของเหยาซู เผยให้เห็นดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยคราบน้ำตา “แล้วท่านแม่เล่า เหตุใดท่านถึงจากมา!”
อาจื้อมองไปที่เหยาซูอย่างใจจดใจจ่อ สีหน้าเต็มไปกังวลเหมือนน้องสาว
เหยาซูไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี จึงลุกขึ้นจูงมือเด็กทั้งสองและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “พวกเรากลับบ้านกันก่อนเถอะ ข้างนอกหนาวมาก…แม่จะกลับไปทำไข่ทอดให้กินดีหรือไม่?”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ”
เด็กทั้งสองคนตอบรับพร้อมกัน ขอเพียงท่านแม่ไม่ไปจากพวกเขา ไม่ว่าสิ่งใดก็ดีทั้งนั้น
สามแม่ลูกเดินกลับบ้านช้า ๆ ตลอดทาง เหยาซูปลอบใจเด็กทั้งสองที่อยู่ข้าง ๆ “ต้าเป่า เอ้อเป่า พวกเจ้าวางใจเถอะ แม่ไม่มีวันทิ้งพวกเจ้าไปไหน อีกทั้งยังมีซานเป่า พวกเจ้าเป็นสมบัติของแม่ แล้วแม่จะทิ้งพวกเจ้าได้อย่างไรกัน?”
สีหน้าของอาจื้อฉายแววตาหวาดผวา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “แต่ว่า…ก่อนหน้านี้ท่านแม่เคยพูดไว้ว่า ไม่อยากอยู่กับท่านพ่อ อยากแยกออกมาอยู่ผู้เดียว”
อาซือได้ยินดังนั้นก็ร้อนใจขึ้นมา “ท่านแม่อย่าไป!”
นางอายุยังน้อยย่อมจำความไม่ดีเท่าพี่ชาย
เพียงแต่อาจื้อไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ต่อหน้าเหยาซู
เหยาซูจูงมือเด็กทั้งสองและถามอาจื้อว่า “ต้าเป่ารู้สึกว่าแม่เปลี่ยนไปหรือไม่?”
อาจื้อพยักหน้าอย่างลังเล
เหยาซูเอ่ยต่อว่า “ตอนนี้แม่เป็นแม่ที่ดีหรือไม่ หรือดีขึ้นกว่าแต่ก่อนไหม?”
อาจือและอาซือพูดพร้อมกันเป็นเสียงเดียวกันว่า “ท่านแม่ดีขึ้น”
เหยาซูกล่าวขอโทษลูกทั้งสอง “คำพูดในอดีตเหล่านั้นเป็นของแม่คนเก่า แต่ตอนนี้แม่จะไม่พูดขึ้นอีก พวกเจ้าเห็นแล้วใช่ไหมว่าแม่ทำตัวดีขึ้น วันหน้าจะดีต่อพวกเจ้ามากขึ้นไปอีก”
ใบหน้าของอาจื้อยังคงเต็มไปด้วยความกังวล เมื่อเห็นเหยาซูไม่โกรธจึงถามต่อว่า “แต่ตอนนี้ท่านพ่อกลับมาแล้ว…ท่านแม่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ขอรับ?”
ยังไม่ทันที่เหยาซูจะได้พูดอะไร อาซือก็ตะโกนขึ้นอย่างร้อนใจพลางจับมือของมารดา “ไม่เอา! อย่ากลับไปเป็นเหมือนเดิม! เอ้อเป่าไม่ต้องการท่านพ่อแล้ว ข้าอยากให้ท่านแม่เป็นเช่นนี้ตลอดไป!”
แม้แต่อาจื้อก็ยังพยักหน้า “พวกเราไม่ต้องการท่านพ่อแล้ว…”
เหยาซูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
……………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จะทำยังไงดีนะ จะหย่าไม่หย่า คุณสามีก็มีนิสัยดูไม่เหมือนในนิยายเลย หรือในนิยายมันไม่ได้กล่าวไว้หมด กล่าวแค่มุมชั่วร้ายเท่านั้น
ไหหม่า(海馬)