ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 511 เรื่องของจักรพรรดิ ขุนนางไม่เกี่ยว
บทที่ 511 เรื่องของจักรพรรดิ ขุนนางไม่เกี่ยว
บทที่ 511 เรื่องของจักรพรรดิ ขุนนางไม่เกี่ยว
เหยาเฉานั่งอยู่กลางลานบ้านของตน ชายหนุ่มกำลังชื่นชมดอกไม้ไฟบนท้องฟ้า หิมะข้างนอกนั้นช่างสวยงามเสียจริง
อืม ในฐานะที่เหยาเฉาเป็นตัวแทนของสุภาพบุรุษเจ้าสำราญ แน่นอนว่าวันหนึ่ง ๆ เขาไม่ได้นั่งกินลมชมทิวทัศน์อยู่ในสถานที่แห่งนี้อย่างเปล่าประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันไม่ใช่งานอดิเรกที่ตนชื่นชอบแม้แต่น้อย
เหยาเฉายกจอกสุราขึ้นมา เอนกายพิงเข้ากับเสาเรือนต้นหนึ่ง พลางถอนหายใจ
เฮ้อ ภรรยาของตนก็กลับไปเยี่ยมญาติ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่พี่ใหญ่และพี่สะใภ้จะได้อยู่ด้วยกัน ในส่วนของท่านพ่อและท่านแม่ ชายหนุ่มเองก็ไม่ต้องการที่จะไปรบกวนพวกท่าน น้องสาวและสามีของนางก็รักกันมาก ๆ
เทศกาลนี้จึงมีเพียงแค่เขาคนเดียวที่ทำการฉลอง
เหยาเฉาคร้านจะออกไปหาความสำราญข้างนอก ชายจึงหนุ่มจึงเลือกที่จะใช้เวลาจากการหยุดงานที่แสนยุ่งเหยิงและเบื่อหน่ายมานั่งชมทิวทัศน์
หลังจากที่เสี่ยวเว่ยสะสางเรื่องวุ่นวายในจวนเสร็จ เขาก็กลับไปหาเหยาเฉา
เมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งดื่มสุราในลานบ้าน เขาจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสับสน “พี่รอง ท่านมาหลบอะไรอยู่ตรงนี้?”
เหยาเฉาเหลือบตามอง ก็พบเข้ากับเสี่ยวเว่ยที่ดูสุขุมและหนักแน่น จึงโบกมือทักทาย “เสี่ยวเว่ย มาดื่มกับพี่รองมา วันนี้พี่สะใภ้ของเจ้าไม่อยู่ ข้าเบื่อจะตายอยู่แล้ว เมื่อครู่ข้าไปหาเจ้าแต่กลับไม่พบ เจ้าไปไหนมา?”
“พี่รองรู้สึกเบื่อ จึงมาแอบดื่มสุราอยู่ตรงนี้หรือ?” เสี่ยวเว่ยถาม
ดวงตาเปี่ยมด้วยความรู้สึกทั้งสองของเหยาเฉากลอกไปมาอย่างช่วยไม่ได้ “อะไรจึงเรียกว่าแอบ ทั้งจวนมีข้าว่างอยู่ผู้เดียว เสี่ยวเว่ย ในสมองของพี่รองเจ้าตอนนี้มีแค่สองคำนี้อยู่ในหัว…น่าเบื่อ”
เสี่ยวเว่ยขยับเข้าไปใกล้ จมูกชนจมูก ดวงตาประสานดวงตา ภายในใจของชายหนุ่มก็นึกขึ้น “พี่รองนี่ช่างรูปงามเสียจริง”
ครั้นสบตาเข้ากับพี่รอง ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าชายผู้นี้เป็นเทพจำแลงมาอย่างนั้นหรือ? มิเช่นนั้นเขาจะหาตนเจอในยามที่ยากลำบากแล้วช่วยเหลือตนไว้ได้อย่างไร
ต่อมา เสี่ยวเว่ยก็มองดูพี่รองอดทนพร่ำสอนเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย
เหยาเฉาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับความใกล้ชิดของเสี่ยวเว่ย จึงยื่นมือไปลูบศีรษะของอีกฝ่าย “เสี่ยวเว่ย เจ้าจะหลอกพี่รองให้ตกใจหรือ? วิธีนี้มันไม่ได้ผลแล้ว”
เสี่ยวเว่ยเอ่ยอย่างตั้งใจ “พี่รอง ท่านรู้หรือไม่ ข้าชอบพี่รองมากเชียวนะ”
ชอบจนบางครั้งก็มีความสุขคนเดียว
แต่ว่าเหตุและผลเป็นสิ่งที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่
พี่รองเป็นคนที่งดงามที่สุดในโลกหล้า ข้าไม่มีทางทำให้พี่รองรังเกียจข้า
ริมฝีปากบางของเหยาเฉาโค้งขึ้น ดวงตาอบอุ่นฉายแววรักใคร่เอ็นดู “แน่นอน พี่รองก็ชอบเจ้า”
“พี่รอง คืนนี้เรานอนด้วยกันได้หรือไม่? นานแล้วที่ข้าไม่ได้นอนกับท่าน”
“ย่อมได้”
เหยาเฉาที่อยู่ด้านหน้าเสี่ยวเว่ยอารมณ์ดีจนน่าแปลกใจ
ตรงกันข้าม วันนี้ในจวนแห่งนี้ล้วนมีเพียงบุรุษ นอนด้วยกันจะเป็นอะไรไป?
ใบหน้าเสี่ยวเว่ยแต้มรอยยิ้ม ชายหนุ่มขยับเข้าไปนั่งข้าง ๆ เหยาเฉา “พี่รอง ข้าจะดื่มเป็นเพื่อนท่าน อีกสักครู่พวกเราไปฝึกกระบี่กัน จากนั้นค่อยเข้านอน”
“ย่อมได้ ข้าฟังเสี่ยวเว่ยอยู่แล้ว”
เสี่ยวเว่ยเหลือบมองอย่างภาคภูมิใจ
ทั้งสองร่ำสุราด้วยกัน กระทั่งผ่านไปสักครู่ เสี่ยวเว่ยก็เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “พี่รอง ตอนเด็ก ๆ ท่านนิสัยเป็นเช่นไร? ข้าอยากรู้”
ชายหนุ่มเฝ้ามองเอ้อหลางเติบโตขึ้น พี่สะใภ้ก็กล่าวมาตลอดว่าเอ้อหลางนั้นเหมือนกับพี่รองเป็นอย่างมาก พอเสี่ยวเว่ยได้มองดูแล้ว นอกจากลักษณะท่าทางที่เหมือนกันแล้วก็ไม่มีอะไรที่เหมือนกันอีกเลย
พี่รองเป็นผู้ที่มีไหวพริบ ขณะที่เอ้อหลางเด็กโง่ผู้นี้เหมือนจะฉลาด แต่ก็ฉลาดไม่พอ
พี่รองเหมาะที่จะอยู่ในราชสำนัก เอ้อหลางเหมาะที่จะอยู่ชายแดน
เหยาเฉาเลือกที่จะลืมเรื่องราวน่าอายบางอย่างในวัยเด็กของตน ชายหนุ่มตบเสี่ยวเว่ยเบา ๆ ในตอนที่เขาไม่ตอบสนอง และเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห “เจ้านี่ยิ่งโตขึ้น ก็อยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ข้าในตอนเด็กเจ้าไปดูเอ้อหลางก็รู้แล้วว่าเป็นเช่นไร”
เสี่ยวเว่ยยิ้มและรินสุราให้ตนเอง “ไม่ พี่รอง ท่านกับเอ้อหลางไม่เหมือนกันแน่นอน”
ชายหนุ่มเอนกายลงข้างเหยาเฉา ช่วงสุดท้ายของการร่ำสุราก็มาถึง ชายหนุ่มนอนลงที่ตักของเหยาเฉา มองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสีสันพร่างพราย ทั้งคู่มึนเมาเต็มที่แล้ว “พี่รอง ข้าคิดมาตลอดว่าจะแข็งตาย หรือไม่ก็ถูกตัดหัวเข้าสักวัน”
เหยาเฉาขมวดคิ้วแล้วก้มหน้าลงไปมองเสี่ยวเว่ย เด็กหนุ่มที่บุ่มบ่ามมุทะลุในปีก่อนได้หายไปแล้ว ชายหนุ่มยิ้มอย่างเกียจคร้าน มือที่ว่างอีกข้างหนึ่งเท้าคางไว้และอีกมือถึงถือจอกสุรา “เจ้าเด็กโง่ ตอนนี้เจ้าเป็นคนของตระกูลเหยาแล้ว ไม่มีวันนั้นเสียหรอก”
เสี่ยวเว่ยขมวดคิ้ว แล้วพึมพำ “ข้ารู้ว่าพี่รองเป็นคนดี พี่รองให้ครอบครัวกับข้า”
เหยาเฉามองดูเสี่ยวเว่ยที่อารมณ์เศร้าสร้อย และถามคำถามที่ติดอยู่ในใจมาโดยตลอด “เสี่ยวเว่ย เจ้าอยากแต่งงานมีภรรยาหรือไม่”
เสี่ยวเว่ยขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ “พี่รอง ข้าไม่ชอบ ข้าชอบท่านและครอบครัวของท่าน ชั่วชีวิตนี้ข้าจะไม่แต่งงาน”
เหยาเฉาถอนหายใจ ชายหนุ่มเองก็รู้ดี
เสี่ยวเว่ยไม่ต้องการทำลายแผนการของเหยาเฉา ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้น และดึงเหยาเฉาที่กำลังครุ่นคิด “พี่รอง ไปกันเถอะ พวกเราไปฝึกกระบี่กัน ปีนี้พี่รองท่านยุ่งตลอดจึงไม่มีเวลาฝึกกระบี่ แต่ข้าไม่ได้เกียจคร้าน ครั้งนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านชนะเหมือนปีที่แล้วแน่”
ผ่านไปไม่นาน เงาสีขาวและดำก็ฟาดฟันกันในลานบ้าน ไม่มีใครแพ้หรือชนะ
เวลานี้ในพระราชวัง
เซี่ยเชียนถูกองค์จักรพรรดิกดดันให้เล่นหมากรุก สวีกุ้ยเฟยเองก็นั่งอยู่ด้านข้าง
องค์จักรพรรดิเหลือบพระเนตรมองพระสนมข้างกาย เขาหยุดลงสักครู่และขมวดคิ้ว “เซี่ยเชียน เจ้าจิ้งจอกเฒ่า เจ้าไม่คิดจะเตือนข้าสักนิดเมื่อข้าจะแพ้”
เซี่ยเชียนมีสีหน้าเย็นชา และเริ่มเก็บชิ้นส่วนหมากรุก “ที่กระหม่อมเงียบ เพราะว่าฝ่าบาทตรัสว่าถ้าข้าชนะจะได้ออกจากวังพ่ะย่ะค่ะ”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ฝ่าบาทกริ้วจนต้องทรงพระสรวล “ออกวัง? วันนี้วันที่สิบห้า เจ้าไม่อยู่เป็นเพื่อนข้าและจะออกวังไปทำสิ่งใด? เซี่ยเซินยังคงอยู่ในตำหนักตะวันออก เกรงว่าคงจะนอนหลับเสียแล้ว วางใจเถิด ห้องในตำหนักตะวันออกมีมากมาย การคุ้มกันก็แน่นหนา ไม่เกิดเรื่องใดขึ้นหรอก ท่านเซี่ยวางใจเถอะ”
เซี่ยเชียนยังคงก้มหน้า มิอาจรู้ได้ว่าคิดสิ่งใดอยู่
จักรพรรดิเห็นสวีกุ้ยเฟยมองดูเซี่ยเชียนด้วยความกังวลเล็กน้อย จึงพาให้รู้สึกรำคาญขึ้นมา “สวีกุ้ยเฟย ถึงเวลาที่เจ้าควรจะต้องไปแล้วเช่นกัน”
สวีกุ้ยเฟยลุกขึ้นและไม่ได้เปลี่ยนท่าทีของนาง “เจ้าค่ะ”
หลังจากที่สวีกุ้ยเฟยจากไป พระองค์จึงหันกลับมาถามเซี่ยเชียนเกี่ยวกับหมากรุก “ท่านเซี่ย สวีกุ้ยเฟยอายุก็มากแล้ว นางยังเป็นกังวลเกี่ยวกับเจ้าอยู่เลย ช่างเป็นคนที่รู้จักบุญคุญนัก”
ดูเหมือนประโยคนี้องค์จักรพรรดิเองก็เอ่ยออกมาหลายครั้งแล้ว
เซี่ยเชียนไร้หนทางจึงต้องตอบกลับ “ฝ่าบาทมองผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิบังเกิดความน้อยพระทัย “ข้าเห็นเจ้าเจ็บปวดนักเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกศิษย์ตัวน้อยของเจ้า ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า เจ้ากลับดูราวกับเป็นท่อนไม้ที่น่าเบื่อ!”
เซี่ยเชียนตอบกลับด้วยความสงสัย “ฝ่าบาททรงอิจฉาหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา ทำให้ผู้ฟังรู้สึกไม่ปกติ
องค์จักรพรรดิตกพระทัยไปครู่หนึ่ง หากแต่แสร้งว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น พระองค์กระแอมไอออกมาไม่กี่ครั้ง “ไม่กี่ปีมานี้ท่านเซี่ยเลี้ยงดูเด็กน้อยเซี่ยเซิน ดูมีชีวิตชีวาขึ้นไม่น้อย ข้าชอบเหลือเกิน”
เซี่ยเชียนหลับตา “ฝ่าบาท เก็บหมากรุกพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เมื่อครู่ท่านเซี่ยคิดสิ่งใด?”
“มีบางคนรออยู่ที่บ้านพ่ะย่ะค่ะ”
“คนในใจของเจ้า?”
“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านเซี่ย เจ้าก็รู้ดี เหตุใดข้าจึงให้สวีกุ้ยเฟยคอยสั่งสอนองค์รัชทายาท”
ภายในใจของเซี่ยเชียนกระจ่างเป็นอย่างมาก แต่บนใบหน้าของเขากลับไม่ได้มีสิ่งใดแสดงออกมา “เรื่องของจักรพรรดิ ขุนนางไม่เกี่ยวพ่ะย่ะค่ะ”
…………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อะไรกันคะเนี่ย เรือสองลำแล่นฉิว เขินแก้มแตกไปหมดแล้วค่ะ
ลำนึงก็บอกว่าชอบกันง่าย ๆ อีกลำก็แง่งอนกันไปมา แอ้กกกกก
ไหหม่า(海馬)