ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 513 กริ้ว
บทที่ 513 กริ้ว
บทที่ 513 กริ้ว
วันรุ่งขึ้น เซี่ยเชียนตื่นขึ้นและจัดเสื้อผ้าของตนก่อนที่จะเดินออกไป เวลานี้ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว
เซี่ยเชียนมองดูดวงอาทิตย์ในตอนนี้ อดไม่ได้ที่รู้สึกโกรธเคือง นี่ช่างเป็นความผิดพลาดในการดื่มเสียจริง ๆ
ถึงแม้ว่าจะคิดเช่นนี้ แต่ภายในดวงตากลับไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา เมื่อได้พบกับองค์จักรพรรดิ เขาจะกลายเป็นพระราชครูผู้ที่ไม่ยิ้มแย้มอีกครั้ง
เรื่องการค้างคืนในราชวังของเซี่ยเชียน แน่นอนว่าไม่สามารถหลบหลีกจากผู้ที่รับข่าวสารในพระราชวังได้ และคนเหล่านั้นต้องอุทานขึ้นมาว่าเซี่ยเชียนชนะใจองค์จักรพรรดิ
ถึงแม้ว่าเซี่ยเชียนจะต้องการกลับจวนเพียงใด แต่อย่างไรก็ต้องบอกกับองค์จักรพรรดิเสียก่อน
เพียงแต่ว่าในตอนที่ชายหนุ่มไปถึง จักรพรรดิก็เริ่มอ่านพระราชสาส์นแล้ว หลังจากที่เห็นเซี่ยเชียนมาถึงจึงพาเขาไปห้องข้าง ๆ ตรงนั้นได้จัดเตรียมอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล้ว “เจ้ามากินข้าวที่นี่ก่อน”
พระสุรเสียงขององค์จักรพรรดิแหบแห้ง จนไม่อาจรับรู้อารมณ์ใด ๆ จากน้ำเสียงนั้นได้ แต่คนที่คุ้นเคยกับองค์จักรพรรดิโดยพื้นฐานจะรู้ว่าอารมณ์ของพระองค์ในเวลานี้ไม่สู้ดีนัก
ด้วยเหตุนี้แล้วเซี่ยเชียนจึงไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด และเดินไปด้านหลังของขันทีเพื่อเตรียมตัวที่จะรับประทานอาหารเช้า
“ฝ่าบาท สวีกุ้ยเฟยต้องการเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
กระทั่งผ่านไปสักพัก ขันทีก็ได้แจ้งให้ทราบ แต่เมื่อเห็นบรรยากาศรอบกายขององค์จักรพรรดิ เสียงของขันทีผู้นั้นก็ค่อย ๆ เบาลงจนในที่สุดก็เงียบไป
ขันทีผู้นั้นมาสายอย่างเห็นได้ชัด และที่เขาพูดนั้นก็ไม่เหมาะสม ดังนั้นเขาจึงก้มหน้าลงและไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมา ร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน
“ใช้ไม่ได้ ไม่เห็นหรือว่าฝ่าบาทกำลังอ่านพระราชสาส์นอยู่ ยังไม่สำนึกแม้แต่น้อย ยังไม่รีบขอประทานอภัยอีก!” เมื่อเห็นเช่นนี้ต๋ากงกงก็รีบแจ้งขันทีทันที และได้รับพระราชทานอภัยโทษ จึงได้รีบถอยออกไป
เซี่ยเชียนอยู่ห้องข้าง ๆ แน่นอนว่าต้องได้ยินเสียงการโต้แย้งเป็นธรรมดา แต่เนื่องด้วยเหตุผลที่ผุดขึ้นมาในใจ จึงไม่ได้ออกไปถามเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ บางครั้งการรู้มากไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี
ถึงแม้ว่าเซี่ยเชียนจะคิดเช่นนี้ เขากลับไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างแย่สำหรับขันทีตัวน้อยที่คอยรับใช้เซี่ยเชียน
พวกเขาหวังให้เซี่ยเชียนเอ่ยถามเหตุผล ออกมารับหน้าและบรรเทาโทสะขององค์จักรพรรดิ
จนกระทั่งเซี่ยเชียนรับประทานอาหารจนหมด ขันทีตัวน้อยก็ถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก ถึงเวลาเขาจะเอ่ยปากถามได้แล้วว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
แต่เซี่ยเชียนยังคงนิ่งเงียบ ชายหนุ่มกลับไปที่ท้องพระโรงด้วยความสงบนิ่ง โค้งคำนับให้กับองค์จักรพรรดิเชื่องช้า “ขอบพระทัยฝ่าบาทสำหรับความรื่นรมย์เมื่อวาน กระหม่อมมาเพื่อทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
องค์จักรพรรดิมองเซี่ยเชียน บนใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก “เวลานี้ท่านยังกลับไม่ได้ รอก่อนเถอะ”
เซี่ยเชียนไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่หลังจากที่ทำความเคารพอีกครั้ง ชายหนุ่มลุกขึ้นและไม่ได้เอ่ยอะไร
ต๋ากงกงที่อยู่ข้างกายจักรพรรดิก็ได้นำเก้าอี้มาหนึ่งตัว ทั้งยังเตรียมชาหอมให้กับเซี่ยเชียน
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิไม่มีเรื่องการทหารหรือการเมืองสำคัญที่จะหารือกับตน เซี่ยเชียนจึงนั่งเงียบ ๆ บนเก้าอี้ และจิบชาพลางคาดเดาว่าเกิดสิ่งใดขึ้นในวันนี้ อาจจะเป็นเรื่องการรับมือองค์รัชทายาท…
“ชาเป็นอย่างไรบ้าง?” จักรพรรดิหันมามองเซี่ยเชียน
“ของที่นี่มิมีสิ่งใดไม่ถูกคัดสรรมา แน่นอนว่าชามีรสชาติดีเยี่ยมพ่ะย่ะค่ะ”
แม้ว่าคำตอบของเซี่ยเชียนจะไม่สามารถบอกความจริงได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร ผู้คนก็จับความผิดพลาดไม่ได้
“เจ้าจิ้งจอกเฒ่า!” จักรพรรดิมองเซี่ยเชียนนั่งอยู่อย่างเคร่งขรึม อีกทั้งยังไม่ถามตนถึงเรื่องที่เกิดขึ้น “เจ้านี่ช่างรู้จักเอาตัวรอดได้ยอดเยี่ยม”
เซี่ยเชียนตอบกลับหนึ่งประโยค “ กระหม่อมสามารถมาถึงจุดนี้ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะความเมตตาของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อองค์จักรพรรดิได้ยินเซี่ยเชียนเอ่ยขึ้นเช่นนี้ จึงทรงแย้มยิ้มขึ้นด้วยรอยยิ้มแรกของวัน เมื่อคนรอบข้างเห็นองค์จักรพรรดิแย้มยิ้ม ทุกคนต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“สวีกุ้ยเฟยยังรออยู่ข้างนอกหรือ?” ด้วยคำพูดของเซี่ยเชียน อารมณ์ขององค์จักรพรรดิจึงดีขึ้นมาบ้าง หลังจากนึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นจึงเอ่ยถาม แม้ว่าใบหน้าของพระองค์จะไม่แสดงความรู้สึกใด แต่ก็ดีกว่าความเงียบเมื่อก่อนหน้ายิ่งนัก
เมื่อขันทีที่อยู่รอบข้างได้ยินองค์จักรพรรดิถามขึ้นอีกครั้ง จึงรีบตอบขึ้นมาทันที “ตอบคำถามฝ่าบาท สวีกุ้ยเฟยยังคงรออยู่ด้านนอกตลอดพ่ะย่ะค่ะ”
เห็นได้ชัดว่าถึงแม้พวกเขาจะอยู่ที่นี่ แต่ก็ยังเฝ้าสังเกตมาจากภายนอก
“ให้นางเข้ามาก่อน” องค์จักรพรรดิมองเซี่ยเชียนที่กำลังจะลุกไปห้องข้าง ๆ จึงโบกมือให้เซี่ยเชียนหยุด “เจ้ายืนตรงนี้ก็พอแล้ว”
เซี่ยเชียนก้มหน้าตอบรับ เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทโกรธเคืองเรื่องนี้เป็นอย่างมาก หมายจะตบพระสนมต่อหน้าเขา
เนื่องจากเซี่ยเชียนปากแข็งอยู่เสมอ เรื่องเช่นนี้พระองค์อาจจะมองว่าไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใด
แต่โดยปกติแล้ว เมื่อฝ่าบาทกริ้ว เซี่ยเชียนเองก็จะไม่เอ่ยอะไรออกมา ชายหนุ่มจะนิ่งเงียบรอจนกว่าอีกฝ่ายระบายอารมณ์เสร็จสิ้น และพร้อมจัดการกับเรื่องตรงหน้า
ไม่นานจึงส่งคนไปเชิญสวีกุ้ยเฟยเข้ามายังท้องพระโรง ถึงแม้ว่าการแต่งกายของพระสนมจะไม่เหมาะสม แต่เซี่ยเชียนก็สามารถเห็นความตื่นตระหนกได้ในดวงตาของนาง
สวีกุ้ยเฟยตกตะลึงเมื่อพบเซี่ยเชียน เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้คาดหวังว่าเซี่ยเชียนจะอยู่ที่นี่ด้วย
สวีกุ้ยเฟยยังไม่ทันที่จะถามเหตุผล เซี่ยเชียนก็แสดงความเคารพทักทายสวีกุ้ยเฟยแล้ว
สวีกุ้ยเฟยรีบหันไปเพื่อคืนคำนับ จากนั้นคุกเข่าบนท้องพระโรงพร้อมคำนับเต็มพิธี
โดยทั่วไปแล้วด้วยตำแหน่งนางสนมไม่จำเป็นต้องทำความเคารพแบบเต็มพิธีต่อหน้าองค์จักรพรรดิ แม้แต่เซี่ยเชียนเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าสวีกุ้ยเฟยจะทำความเคารพเช่นนี้
แต่เห็นได้ชัดว่าองค์จักรพรรดิไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องนี้ผิดแปลกแต่อย่างใด เฝ้าดูนางทำความเคารพและไม่ได้ส่งสัญญาณให้คนรอบข้างช่วยนางให้ลุกขึ้น “สวีกุ้ยเฟย วันนี้เจ้ามาเพราะเหตุใด?”
สวีกุ้ยเฟยคำนับพระองค์จักรพรรดิหนึ่งครั้ง “ฝ่าบาทโปรดลงโทษเพคะ”
“ท่านเซี่ยว่าอย่างไรบ้าง?” พระองค์มองเซี่ยเชียนที่หลับตาพักผ่อน และรินชาให้หนึ่งจอก
“เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของฝ่าบาท กระหม่อมเป็นคนนอกจะบุ่มบ่ามแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยเชียนผู้นิ่งสงบกล่าวคำเช่นเมื่อวาน แต่คราวนี้จักรพรรดิไม่ยอมแพ้ แต่กลับหัวเราะด้วยความเย็นชา
เห็นได้ชัดว่าพระองค์ไม่พอใจกับคำตอบของเซี่ยเชียนนัก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้ด้วยว่าเซี่ยเชียนเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่จะเข้าร่วมในเรื่องนี้
แม้ว่าเซี่ยเชียนได้ยินการเยาะเย้ยขององค์จักรพรรดิ เขาก็ยังคงยืนกรานที่จะตอบเช่นนั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้ถามคนรอบข้างว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าเมื่อพิจารณาจากใบหน้าของจักรพรรดิและสวีกุ้ยเฟยที่มาขอโทษอย่างรีบร้อนก็ทำให้เรื่องนี้กระจ่างชัดทันใด…เป็นปัญหาที่องค์รัชทายาทก่อขึ้น
“ผืนน้ำและแผ่นดินนี้เป็นของข้า เกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่ใช่เรื่องของข้าหรืออย่างไร?” เห็นได้ชัดว่าองค์จักรพรรดิไม่พอใจในคำตอบของเซี่ยเชียน เวลาพระองค์เอ่ยออกมานั้นจึงเน้นเป็นพิเศษ
ก่อนที่เซี่ยเชียนจะอธิบายต่อ กลุ่มคนรอบข้างก็คุกเข่าลง…
………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่านเซี่ยจัดเสื้อผ้าตัวเอง ส่วนฝ่าบาทก็เสียงแหบแต่เช้า ท่านทั้งสองทำอะไรกันค้าาาา
ผู้แปลคิดไปไกลแล้วนะคะ มีประโยคมาให้ใจสั่นตลอดเลย แง้ /ตีตัวเอง/
ไหหม่า(海馬)