ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 516 ลงโทษ
บทที่ 516 ลงโทษ
บทที่ 516 ลงโทษ
“เนื่องจากนี่เป็นความผิดครั้งแรกของเจ้า และเนื่องจากเป็นการเห็นอกเห็นใจสหายของเจ้า ครั้งนี้ข้าจะกักบริเวณเป็นเวลาสามเดือน ในทุก ๆ วันนอกจากเรียนแล้วเจ้าไม่อาจไปที่ไหนได้อีก”
หลังจากที่องค์จักรพรรดิจ้องมององค์รัชทายาทอยู่นานจึงได้เอ่ยพิจารณาโทษต่อองค์รัชทายาท
“ขอบพระทัยเสร็จพ่อที่ประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ” หลังจากที่องค์รัชทายาทได้ยินเช่นนั้นก็ทำความเคารพ นับว่าเรื่องนี้ได้จบลงแล้ว
“พระสนมสวี วันนี้เจ้าเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งเช้า เจ้ากลับไปหาหมอหลวงเสียก่อนเถิด”
องค์จักรพรรดิมองไปยังสวีกุ้ยเฟยที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ แต่เนื่องจากคุกเข่ามาเป็นเวลานาน เข่าของนางจึงเริ่มสั่นระริก
จริง ๆ แล้วองค์จักรพรรดิจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านางกำลังประสบกับเคราะห์ร้ายที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรม ทว่าตอนนั้นองค์จักรพรรดิขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก จึงไม่ได้ปฏิบัติต่อสวีกุ้ยเฟยด้วยสีหน้าที่ดีนัก
“เพคะ” หลังจากที่สวีกุ้ยเฟยได้ยินเช่นนั้นก็รีบทำความเคารพ และด้วยการประคองของขันทีนางจึงค่อย ๆ ออกไปจากที่นั่น
“ไปเอาเกี้ยวเข้ามาในตำหนัก”
จักรพรรดิเห็นสวีกุ้ยเฟยก้าวเดินด้วยความยากลำบาก จึงได้ตรัสขึ้น
ตามระเบียบพระราชวังกำหนดไว้ว่าเกี้ยวสามารถเข้ามาได้ถึงประตูวังเท่านั้น แม้แต่ฮองเฮาเองก็ยังต้องหยุดเกี้ยวและเดินเข้าท้องพระโรง ที่ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้เพื่อเป็นการชดเชยให้กับสวีกุ้ยเฟย
สวีกุ้ยเฟยต้องการทำความเคารพเพื่อเป็นการขอบคุณ แต่องค์จักรพรรดิทรงโบกพระหัตถ์ห้ามไว้ “หลายวันมานี้นับว่าลำบากนัก กลับไปรักษาตัวดี ๆ เสียเถิด”
สวีกุ้ยเฟยค่อย ๆ ประคองตัวก้มลงเล็กน้อย ถือเป็นการทำความเคารพ หลังจากนั้นนางจึงออกไป
ถึงแม้ว่าองค์จักรพรรดิไม่ได้กล่าวอะไรกับองค์รัชทายาท แต่ว่าเหงื่อเย็นก็ไหลตามแผ่นหลังขององค์รัชทายาทอีกครั้ง
เนื่องจากตั้งแต่เกิดมาก็พบว่าตนเป็นองค์รัชทายาท และก็เป็นพระโอรสองค์เดียวในวัง
ก่อนหน้านี้ในความทรงจำของเขาก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ องค์ชายทั้งหมดต่างก็แย่งชิงตำแหน่งจักรพรรดิ ตอนนี้จึงทำให้เขาหลงระเริงเล็กน้อย
เรื่องราวในวันนี้เนื่องจากเขายังเยาว์วัย ถ้าหากอายุมากกว่านี้แล้ว การพิจารณาโทษขององค์จักรพรรดิต้องไม่ใช่เช่นนี้อย่างแน่นอน เขาจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นและเดินออกไป
“เจ้ากลับไปลองตรองดู” ใบหน้าขององค์จักรพรรดิไร้ซึ่งความโกรธเกรี้ยวอีกต่อไป แต่น้ำเสียงก็ยังไม่ได้กลับมาปกติทั้งหมด
แต่วันนี้องค์รัชทายาทก็รับรู้ความผิดของตนเองดี จึงหันหลังไปโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
กระทั่งองค์รัชทายาทออกไป เซี่ยเชียนก็ได้ยินเสียงองค์จักรพรรดิถอนหายใจ เห็นได้ชัดว่ากลุ้มใจกับเรื่องเช่นนี้เป็นอย่างมาก
“เจ้าคิดว่าเขาจะเอ่ยความจริงออกมากี่ส่วน”
เซี่ยเชียนกำลังจะเตรียมตัวกลับบ้าน ก็ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยขึ้น
“องค์รัชทายาทยังทรงเยาว์วัยนัก เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ก็คงจะอับจนหนทางเช่นกัน เป็นไปได้ที่จะคิดเรื่องไม่ดีออกมาในช่วงเวลาหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยเชียนไตร่ตรองและกล่าวขึ้น
สำหรับเรื่องนี้เซี่ยเชียนเองก็มองว่าไม่ได้มีอะไร แต่ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์จักรพรรดิจึงต้องสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ
เซี่ยเชียนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเพียงแค่เรื่องซุกซนตามประสาเด็กเท่านั้น ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร
องค์จักรพรรดิไม่ได้ฟังคำพูดของเซี่ยเชียน เพียงแค่ถอนหายใจออกมาเท่านั้น
เซี่ยเชียนเห็นท่าทางขององค์จักรพรรดิจึงอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ฝ่าบาท เรื่องที่องค์รัชทายาททำนั้นก็นับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด ตอนพระองค์อายุเท่านี้ก็ออกไปเที่ยวเล่นไม่กี่ครั้งเช่นกันนี่พ่ะย่ะค่ะ”
ประโยคนี้ไม่ใช่เรื่องเท็จ ครั้นองค์จักรพรรดิยังเป็นองค์ชายก็ออกไปเที่ยวเล่นไม่น้อย แต่พอได้เป็นองค์จักรพรรดิกลับถือสาเรื่องนี้ขึ้นมา
องค์จักรพรรดิจ้องมองไปยังเซี่ยเชียน หรี่ตาลงและถอนหายใจออกมา “ความคิดของเขาช่างลึกซึ้งนัก เจ้าคิดว่าเขาเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นจักรพรรดิผู้หนึ่งหรือไม่?”
เนื่องจากองค์จักรพรรดิมี ‘พระโอรส’ แค่เพียงผู้เดียว และเขาก็ทรงอบรมสั่งสอนพระโอรสอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด ด้วยเกรงว่าหลังจากผ่านรัชสมัยของตนไปได้หนึ่งร้อยปี อาณาจักรจะตกอยู่ในน้ำมือของคนนอก ในตอนนี้เขาจึงไม่ค่อยมั่นใจในนิสัยของพระราชโอรสผู้นี้นัก
“ตอนนี้องค์รัชทายาทก็ยังทรงพระเยาว์ เหตุใดจึงจะต้องคิดถึงเรื่องพวกนี้พ่ะย่ะค่ะ?” เซี่ยเชียนหัวเราะและตอบกลับ
ถึงแม้ว่าเซี่ยเชียนจะเป็นพระราชครูขององค์รัชทายาท แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าคิดเรื่องขององค์รัชทายาทเช่นนี้ดูจะรีบร้อนเกินไป
จู่ ๆ เซี่ยเชียนก็นึกถึงคำพูดที่เอ่ยกับเจี่ยงเถิงในเวลานั้น
‘องค์รัชทายาทมีนิสัยที่ดื้อรั้น แต่องค์รัชทายาทก็เป็นทายาทหนึ่งเดียวที่จะสืบบัลลังก์’
เมื่อคิดเช่นนี้ ก็ตระหนักได้ว่าองค์จักรพรรดิยังมิไว้วางใจองค์รัชทายาท เมื่อเขานึกถึงเหตุผลที่จะไม่ไว้วางใจองค์รัชทายาทก็ต้องเป็นเพราะอารมณ์ที่ไม่มั่นคงของเขา
“องค์รัชทายาทเป็นผู้สืบบัลลังก์เพียงหนึ่งเดียว ถึงแม้ว่าจะมีนิสัยที่ดื้อรั้น แต่ก็ต้องอบรมสั่งสอนให้ดี ให้เขาสามารถควบคุมจิตใจของตนเองได้ เช่นนั้นจะต้องเป็นตัวแทนที่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ”
ประโยคนี้เขาเองก็กล่าวกับผู้คนมากมาย แต่ว่านี่เป็นหนแรกที่เขาเอ่ยกับองค์จักรพรรดิ ขณะกล่าวก็เกิดความรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจอยู่ภายใน
สันดอนขุดง่ายแต่สันดานขุดยาก
เมื่อนึกถึงประโยคนี้ ทำให้ข้อแก้ตัวที่คิดไว้ก่อนหน้านั้นช่างดูน่าขันนัก
“ฝ่าบาท…” เซี่ยเชียนเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกองค์จักรพรรดิขัดเอาไว้
“ตั้งแต่เขาเริ่มคิดเรื่องของหลินซือ ข้าก็รู้ว่าเจ้าเด็กคนนี้ใจโตกว่าตัวมาก”
เซี่ยเชียนนิ่งเงียบไป ตัวเขาเองก็เฝ้ามองหลินซือเติบโตมา ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมของหลินซือหรือจะเป็นด้านอื่น ๆ การแต่งงานของหลินซือกับองค์รัชทายาทไม่ใช่สิ่งที่องค์จักรพรรดิและตระกูลหลินต้องการจะเห็นอย่างแน่นอน
หลินซืออยู่ในตระกูลที่แข็งแกร่งและมีอำนาจ มีบิดาที่เป็นแม่ทัพใหญ่และมารดาที่มีกิจการมากมาย
ทหารและเงินตรารวมเข้าด้วยกัน จะต้องทำให้องค์จักรพรรดิมีความสัมพันธ์หลากหลายด้าน
“ฝ่าบาท หลินซือคือเด็กที่กระหม่อมเฝ้ามองนางเติบโตมาตลอด นางไม่ได้มีความคิดที่จะเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทเลยพ่ะย่ะค่ะ”
แน่นอนว่าเซี่ยเชียนรู้ถึงทัศนคติของหลินซือ จึงอธิบายขึ้นอย่างรวดเร็วในตอนที่พระองค์เอ่ยถึงเรื่องนี้
องค์จักรพรรดิเห็นท่าทางร้อนใจของเซี่ยเชียน จึงโบกมือขึ้น “เด็กสาวผู้นั้นเองก็เป็นผู้ที่ข้าเฝ้ามองนางเติบโต นิสัยนางเป็นเช่นไรข้าจะไม่รู้เลยหรือ?”
เนื่องจากหลินซือเป็นคนที่พระองค์เฝ้ามองดูการเติบโต เขาจึงปล่อยให้องค์รัชทายาทเข้าไปพัวพันในตอนแรก
ทั้งสองคนมีช่วงวัยที่แตกต่างกันอย่างมาก โดยพื้นฐานแล้วสามารถเอ่ยได้ว่าเป็นไปไม่ได้
เซี่ยเชียนเองก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เรื่องราวของตระกูลหลินไม่ว่าเขาจะจัดการเช่นไร องค์รัชทายาทเป็นคนที่ต้องหลีกเลี่ยง
“แต่ว่าเด็กคนนี้เติบโตขึ้นในวัง คาดไม่ถึงว่าจะออกไปเล่นกับเด็กหญิงของบ้านผู้อื่น” เมื่อจักรพรรดิได้ยินเรื่องนี้ก็รู้สึกว่าน่าขบขันยิ่งนัก
เห็นได้ชัดว่าองค์จักรพรรดิไม่ได้คาดคิดว่าองค์รัชทายาทจะออกจากวังเพราะเรื่องเช่นนี้ ถ้าดูจากสถานการณ์ก็คงจะเข้าใจได้
ในราชวังก็มีเพียงแค่เด็กสองคน ถึงแม้ว่าจะเลี้ยงดูมาด้วยกัน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับไม่ดี โดยเฉพาะครั้งที่แล้วที่องค์หญิงตกน้ำ ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แย่ลงไปอีก
เด็กไม่ผูกพยาบาทก็จริง แต่ก็อาจเป็นผู้ที่พยาบาทที่สุด
“หลังเจ้าดูว่าบ้านตระกูลต่าง ๆ มีเด็กที่อายุเท่ากับองค์รัชทายาทหรือไม่แล้วเสร็จ ก็ให้พวกเขามาเรียนกับเขา และหาเด็กผู้หญิงไม่กี่คนมาเรียนหนังสือกับองค์หญิงก็ย่อมได้”
องค์จักรพรรดิโบกมือ นำเด็กวัยที่เหมาะสมทั้งหมดเข้ามาที่วังโดยตรง ถือได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมเล่นตัวน้อยในช่วงที่องค์รัชทายาทกักบริเวณอยู่
“จิตใจขององค์รัชทายาทไม่แน่นอน ไม่เหมือนกับเซินเอ๋อร์ของเจ้า”
เมื่อองค์จักรพรรดิเอ่ยถึงเรื่องนี้ ในใจเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก บุตรทั้งสามของตระกูลหลินต่างก็ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี
“ฝ่าบาท ท้ายที่สุดแล้วองค์รัชทายาทก็ยังเยาว์วัย” การสร้างองค์รัชทายาทไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ชั่วข้ามคืน และการอบรมพระองค์ก็ไม่สามารถอบรมได้ในชั่วข้ามคืนเช่นกัน
เขาไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ดวงตาฉายแววลึกล้ำมากยิ่งขึ้น…
………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เป็นจักรพรรดิมันลำบากใจแท้ ต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบในหลาย ๆ ด้านทีเดียว
ไหหม่า(海馬)