ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 518 วิตกกังวล
บทที่ 518 วิตกกังวล
บทที่ 518 วิตกกังวล
หลินซือตกตะลึงไปหลังจากได้ยินข่าวนี้ เด็กสาวผุดลุกขึ้นเมื่อได้ยินสาวใช้เอ่ยเช่นนั้น “แม่สื่อ? กับผู้ใด?”
เนื่องจากโดยปกติแล้วเหยาซูไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้นัก นางบอกกับหลินซือมาตลอดว่าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่ว่านางก็ไม่เคยเอ่ยปากถามเรื่องเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นหลินซือจึงตกใจมากเมื่อได้ยินคำของสาวใช้
เดิมทีถ้าไม่มีเรื่องขององค์รัชทายาท หลินซือและเหยาซูก็จะไปจวนตระกูลไป๋เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องแม่สื่อ ในที่สุดไป๋หรูปิงก็เข้าพิธีปักปิ่นแล้ว ถึงเวลาที่ลูกสาวจะมีหลายร้อยครอบครัวมาสู่ขอ แต่เรื่องราวกับตาลปัตรไปหมด
เนื่องจากต้องหาพระสหายร่วมเรียน ทุก ๆ ครอบครัวต่างพิจารณาเรื่องนี้ แม้ว่าตระกูลไป๋จะไม่มีบุตรในวัยที่เหมาะสม แต่ก็มีผู้คนมากมายส่งจดหมายมาเยี่ยมเยือน ทำให้ฮูหยินไป๋ปวดหัวไม่น้อย
ผนวกกับไป๋หรูปิงขอร้องให้เชิญตนมาที่จวนตระกูลหลินเพื่อมาหลบซ่อนและผ่อนคลาย
ถึงตระกูลหลินจะมีความแข็งแกร่ง แต่ว่าผู้คนต่างก็ดูออกว่าตระกูลหลินไม่เคยมีส่วนร่วมในเรื่องพวกนี้ กล่าวว่าไม่อยากไปทำดีใส่และถูกเย็นชากลับ เช่นนี้แล้วผู้คนมากมายต่างก็เห็นว่าคงจะผิดหวังเป็นแน่จึงไม่มาเคาะประตู
นี่ก็เป็นผลลัพธ์ที่ตระกูลหลินต้องการ
สิ่งที่ตระกูลหลินมีนั้นมากมายแล้ว ผู้ที่สนใจมากมายต่างสามารถเดาความคิดของตระกูลหลินได้
และองค์จักรพรรดิยังพอพระทัยในความเข้าใจของตระกูลหลินต่อเหตุการณ์ปัจจุบันในตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีประโยคหนึ่งกล่าวว่าความละโมบไม่สิ้นสุดเปรียบประดุจงูกลืนช้าง หากตระกูลหลินเกิดละโมบขึ้นมา ท้ายที่สุดแล้วก็จะไม่เหลือสิ่งใด
เนื่องด้วยเหตุผลนี้ หลายปีมานี้ตระกูลหลินจึงรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ และไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย
หลินซือมองใบหน้าที่ซีดเผือดของไป๋หรูปิง
“ไม่เห็นว่าคุณหนูไป๋เองก็อยู่ที่นี่หรือ?” หลินซือขมวดคิ้วมองดูสาวใช้ “เจ้าไปบอกท่านแม่ให้ทีว่าวันนี้ข้าไม่ไป”
แม้หลินซือต้องการถามให้กระจ่างว่ามารดาหมายความเช่นไรกันแน่ แต่ครั้นเห็นใบหน้าขาวซีดของไป๋หรูปิง ก็เห็นได้ชัดว่าเรื่องได้ยินสิ่งนี้มาก่อน
“ในเมื่อน้องสาวมีเรื่องต้องทำ เช่นนั้นข้าไปก่อนจะดีกว่า” ไป๋หรูปิงใบหน้าขาวซีด แต่กลับตอบสนองเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว จึงรีบกล่าวลาทันที
แต่ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวของนาง หลินซือจึงไม่วางใจที่จะให้ไป๋หรูปิงออกไปด้วยสภาพเช่นนี้ “พี่ไป๋ ท่านใจเย็น ๆ ก่อน”
หลินซือพลางเอ่ยขึ้น รินชาร้อนให้กับไป๋หรูปิงหนึ่งจอก
เดิมทีไป๋หรูปิงต้องการจะปฏิเสธ แต่เห็นได้ชัดว่าหลินซือดื้อรั้นเป็นพิเศษ จึงบังคับให้นางดื่มชาหนึ่งจอกก่อนจึงจะจากไป
ไป๋หรูปิงไม่สามารถต้านทานการความเด็ดเดี่ยวของหลินซือได้ หลังจากดื่มชาที่อีกฝ่ายรินให้ นางกลับมามีสติอีกครั้ง เมื่อมองใบหน้าที่เป็นกังวลของหลินซือ นางก็พลันหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย “ข้าไม่เป็นอะไร ทำให้เจ้าเป็นกังวลแล้ว”
หลินซือมองดูไป๋หรูปิงที่ค่อย ๆ กลับมาปกติ จึงถอนหายใจด้วยความสบายใจ “พี่ไป๋ เมื่อครู่ท่านเกือบทำข้าตกใจแทบตาย นี่เป็นการยืนยันแล้วว่าท่านมีความรักที่ลึกซึ้งนัก”
หากว่าหลินซือหยอกล้อตนเช่นนี้ ไป๋หรูปิงเองก็คงกระโดดโหยงตั้งแต่แรก แต่ครั้งนี้ไป๋หรูปิงกลับสงบลง “มีความรักที่ลึกซึ้งแล้วอย่างไร? คำว่ารักหนึ่งคำนี้ สามารถบอกได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ใดในใต้หล้า”
“พี่ไป๋ ท่านใจเย็น ๆ ก่อน” หลินซือเห็นสีหน้าของไป๋หรูปิงไม่ค่อยจะดีนัก จึงพยายามเกลี้ยกล่อมคนตรงหน้า “ตอนนี้สถานการณ์เป็นเช่นไรยังไม่รู้ชัดเจน ประเดี๋ยวข้าจะให้สาวใช้ไปสอบถามเรื่องราวก่อน”
หลินซือกล่าวจบสาวใช้ข้าง ๆ ก็ออกไป เห็นได้ชัดว่านางทำตามคำสั่งของหลินซือ
ระหว่างนั้น ในห้องเงียบลงและไม่มีเสียงใด ๆ
หลินซือขอให้สาวใช้ของนางนำขนมมาหนึ่งจาน และค่อย ๆ กินพลางมองไปยังไป๋หรูปิงที่กำลังเหม่อลอย
ถึงแม้ว่าไป๋หรูปิงจะดูเหม่อลอย แต่ว่าดวงตาของนางกำลังจับจ้องไปที่หน้าประตู เห็นได้ชัดว่ากำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
หลินซือรู้ว่าไป๋หรูปิงกำลังรออะไรบางอย่าง แต่นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนที่ตนไหว้วานให้ไปตามเรื่องจึงไม่กลับมาเสียที ถึงแม้ว่าภายในใจของนางจะร้อนรน แต่หลินซือกลับไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ ออกมา
ในตอนแรกหลินซือค่อนข้างประหลาดใจที่ได้ยินข่าวนี้ แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของไป๋หรูปิงที่มีต่อเรื่องนี้ หลินซือก็กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของไป๋หรูปิงมาโดยตลอด และไม่ได้คิดเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน
แต่เมื่อนางสงบใจลง เรื่องราวต่าง ๆ ก็เริ่มดูแปลกพิกลขึ้น
หลินซือมั่นใจว่ามารดาได้บอกชัดเจนว่าตนเองจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานของนางและหลินจื้อ ถึงแม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ไร้สาระ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากวันก่อนตนเองไม่ได้ไปที่จวนตระกูลไป๋ หลังจากที่ได้ยินข่าวของวันนี้ก็มั่นใจว่าจะเป็นแม่สื่อของหลินจื้อ
เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีบางอย่างที่นางยังไม่รู้?
หลินซือครุ่นคิดอยู่ในใจ จากนั้นเอ่ยถามสาวใช้ข้างกายหนึ่งประโยค “เมื่อวานที่จวนเกิดเรื่องอะไรที่ข้าไม่รู้หรือไม่?”
สาวใช้ส่ายหน้า “เมื่อวานก็ไม่ได้เกิดเรื่องใหญ่โตอะไรเจ้าค่ะ”
หรือว่าตนจะทายผิด?
หลินซือขมวดคิ้ว ขบคิดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ก่อนที่ความคิดของนางจะกระจ่าง ไป๋หรูปิงก็มิอาจนั่งเฉยได้อีกต่อไป
“วันนี้ข้าจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว ข้าจะกลับจวนไปคิดเรื่องนี้ให้ชัดเจน” ไป๋หรูปิงไม่แสดงอาการกังวลใด ๆ สีหน้าของนางยังคงดูนิ่งเฉย
ถ้าไม่ใช่เพราะมือที่ถือถ้วยน้ำชาของของไป๋หรูปิงสั่นไหว หลินซือก็คงไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ
หลินซือถอนหายใจด้วยความผิดหวังเล็กน้อย “เช่นนั้นพี่ไป๋พักผ่อนเถิด สาวใช้ของข้าช่างขี้เกียจยิ่งนัก ให้ถามแค่หนึ่งประโยคแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา”
ไป๋หรูปิงฝืนยิ้มน้อย ๆ นางและหลินซือต่างเป็นบุตรสาวที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอม สาวใช้ของคุณหนูจะเกียจคร้านได้อย่างไร แท้จริงแล้วเป็นเพราะนางถูกเหยาซูห้ามปรามเอาไว้
ถึงแม้ว่าไป๋หรูปิงจะรู้สึกเป็นกังวล แต่สีหน้าของนางยังคงเป็นปกติ
หลินซือไม่อาจทนดูไป๋หรูปิงรู้สึกทุกข์ใจได้ นางลุกขึ้นยืนอย่างฉับไว “ไม่ได้ ข้าจะต้องไปถามท่านแม่ให้กระจ่าง!”
ว่าพลางนางก็หมายออกจากห้องไป แต่กลับถูกไป๋หรูปิงคว้าตัวเอาไว้ก่อน เด็กสาวเกิดความรู้สึกซาบซึ้งขึ้นในใจ แต่ก็ไม่ต้องการให้หลินซือมีความเกลียดชังต่อเหยาซูเพราะเรื่องดังกล่าว “ไม่ต้องแล้ว!”
“ไม่เป็นไร! พี่ไป๋ วันนี้ข้าจะต้องหาคำอธิบายให้กับท่านให้ได้” หลินซือได้วิ่งออกไปไกลแล้วในขณะที่นางพูด
“เจ้ารอข้าก่อน ข้าจะไปกับเจ้า”
ไป๋หรูปิงมองดูหลินซือที่วิ่งไปไกลแล้ว นางจึงกัดฟันวิ่งตามนางไป
…………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เกิดเรื่องอะไรขึ้นนะ ทำไมถึงจะให้หลินจื้อแต่งงานกับคนอื่น
ไหหม่า(海馬)