ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 526 พังทลาย
บทที่ 526 พังทลาย
บทที่ 526 พังทลาย
หลังจากที่หลินซือได้ฟังคำพูดของเหยาซู นางก็เริ่มเกิดความฮึกเหิมใจคิดว่าต้องทำอย่างไรกับเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าความเศร้าโศกก่อนหน้านั้นถูกโยนทิ้งไว้ด้านหลังแล้ว
ครั้นถึงเวลามื้อค่ำและได้เจอกับหลินจื้อ หลินซือก็พลันนึกถึงเรื่องวุ่นวายของตระกูลไป๋ขึ้นได้ และรู้สึกไม่สบายใจอยู่ภายในใจ
ตระกูลหลินไม่ได้มีกฎระเบียบว่าห้ามพูดคุยเวลากินอาหารเหมือนตระกูลชั้นสูงอื่น ๆ สำหรับคนเหล่านี้ ยามที่ได้คุยกันในระหว่างกินอาหารนับว่าเป็นเรื่องที่อบอุ่นมากเรื่องหนึ่ง
ครั้นหลินซือนั่งลงได้ไม่นานก็ได้ยินคนพูดต่อ ๆ กันมา ว่าหลินเหรากลับมาแล้ว
หลินเหรากลับมาทันเวลาอาหารพอดี แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่ได้เปลี่ยน เขานั่งลงตำแหน่งเก้าอี้หัวโต๊ะอย่างรวดเร็ว
และถือโอกาสในตอนกินอาหาร เหยาซูได้เล่าเรื่องของตระกูลไป๋ให้หลินเหราฟัง หากแต่ใบหน้าของหลินเหรายังคงดูอารมณ์ดี เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ดูแย่ลงเพราะเรื่องนี้แต่อย่างใด
“ข้าก็นึกว่าเรื่องใหญ่อะไร ที่แท้ก็เป็นเรื่องเล็กน้อย เหตุใดถึงทำให้เจ้ากลุ้มใจถึงเพียงนี้?”
หลินเหรามองเหยาซู ใบหน้าล้วนแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
แต่ยามที่มองหลินจื้อแววตากลับไม่ได้ดูอบอุ่นถึงเพียงนั้น “เป็นถึงชายชาติทหารแต่กลับแบกรับเรื่องนี้ไม่ไหว มารดาของเจ้าคงต้องเหนื่อยกายเหนื่อยใจแย่”
หลินซือมองดูสถานการณ์ตรงหน้า สำหรับนางแล้วเรื่องนี้ไม่ถือว่าเล็กนัก
“ไม่ว่าอย่างไรตระกูลไป๋ก็ล้วนผูกพันกับเรา เทียบเชิญงานแต่งอะไรนั้นยังไม่ทันมีแต่กลับแลกเปลี่ยนใบปีเกิดกันแล้ว เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องให้องค์จักรพรรดิทรงทราบ”
หลินเหรามองเรื่องนี้ออกอย่างชัดเจน อาจเพราะต้องออกไปสู้รบข้างนอกอยู่บ่อยครั้ง เลยไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับตระกูลไป๋มากนัก ด้วยเหตุนี้ยามที่ต้องประสบกับเรื่องนี้จึงพอมีเหตุผลอยู่บ้าง “ต่อให้นายท่านไป๋จะถูกเอาเปรียบ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับตระกูลหลินของข้าไม่ทราบ!”
หลินซือคาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลับเป็นเช่นนี้ แรกเริ่มที่ได้ยินเหยาซูเอ่ยเรื่องนี้ก็รู้สึกขุ่นเคืองกับความไม่เป็นธรรม ทั้งยังเป็นห่วงความรู้สึกไป๋หรูปิง ต่อมาก็กลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อตระกูลหลิน แต่กลับไม่คิดเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ได้
คำพูดของหลินเหราไม่ได้เตือนสติหลินซือแค่ผู้เดียว แต่รวมถึงเหยาซูและหลินจื้อด้วย พวกเขากลัวมาตลอดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลไป๋จะทำให้ตระกูลหลินต้องตกต่ำ แต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะยังรับมือกันไม่ได้
ครั้นเหยาซูได้ยินหลินเหราพูดเช่นนี้ ก็รู้สึกไม่ดี “ข้าคิดมากไปเอง”
“เจ้านะเจ้า! คิดวุ่นวายไม่เข้าเรื่อง” หลินเหรามองเหยาซู ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เห็น ๆ อยู่ว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่กลับตื่นตูมไปได้”
หลินเหราจะไม่รู้ความคิดของลูกชายตนได้อย่างไร แม้เรื่องที่ตระกูลไป๋ทำจะไม่ถือว่าเกินไปนัก แต่ด้วยเห็นแก่ความคิดของหลินจื้อ หลินเหราจึงไม่คิดจะใช้ไม้ไล่ตีคู่นกยวนยาง
หลังจากที่หลินซือได้ฟังคำพูดของหลินเหราแล้วก็ค่อย ๆ เข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น
ครั้นหลินจื้อได้ยินก็รู้สึกละอายแก่ใจ หลินเหรามองหลินจื้อ สีหน้ายังแสดงออกเคร่งขรึม “ทุกคนต่างพูดกันว่าชายชาติทหารต่อให้มีภูเขาไท่ซานถล่มลงมาตรงหน้าก็ไม่สะทกสะท้าน แต่เจ้า…เรื่องเล็กน้อยก็ตื่นตระหนกแล้ว ยังขาดประสบการณ์มากโข”
หลายปีมานี้ ภายใต้การปกป้องจากหลินเหราและเซี่ยเชียน หลินจื้อและหลินซือสองพี่น้องจึงมักทำการต่าง ๆ ด้วยความราบรื่นเสมอ ด้วยเหตุนี้ระดับความว่องไวในการตระหนักรู้สำหรับเรื่องนี้จึงแย่มากเป็นธรรมดา
หลินซือยิ่งไม่ต้องพูดถึง สมองของนางยังบกพร่องในด้านอารมณ์อยู่ไม่น้อย
ในตอนที่หลินจื้อนึกได้ก็รู้สึกละอายแก่ใจทันที “ท่านพ่อได้โปรดชี้แนะด้วยขอรับ”
“เสร็จสิ้นราชกิจให้เจ้าไปเรียนรู้ในเรือนท่านปู่สักช่วงหนึ่งทุกวันแล้วค่อยกลับมา”
หลินเหรามองหลินจื้อ เขาเป็นคนที่มีวรยุทธ์เก่งกาจคนหนึ่ง ทว่าระดับความว่องไวในการตระหนักรู้ของเรื่องนี้มิอาจเทียบเท่าเซี่ยเชียนได้
หลังจากที่หลินซือได้ยินเรื่องนี้ก็รู้สึกเกิดแรงกระตุ้น “พรุ่งนี้ข้าจะไปกับท่านพี่ด้วย”
หลินเหรามองหลินซือด้วยสายตาประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึงว่าหลินซือจะเสนอตัวเอง
หลังจากหลินซือโตขึ้น เซี่ยเชียนก็ไม่ได้สอนสั่งนางอีก
ปกติแล้วเรื่องที่เซี่ยเชียนมักพูดคุยกับหลินซืออยู่บ่อยครั้งล้วนแต่เป็นเรื่องหยุมหยิมในชีวิตประจำวัน
“เอ้อเป่า เจ้าไปเจอเรื่องอะไรมา เล่าให้พ่อฟังหน่อยสิ” หลินเหราให้ความสนใจเรื่องนี้มากกว่าตระกูลไป๋เสียอีก
หลินซือก้มหน้าลง แต่กลับไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดอย่างไร
เดิมทีหลังจากได้ฟังคำพูดของเหยาซู หลินซือมักจะพึงพอใจเสมอ แต่ในตอนที่หลินซือกำลังครุ่นคิดเรื่องนี้ก็เพิ่งพบว่า ตัวเองไม่ได้มีความคิดที่สมบูรณ์แต่อย่างใด
การเปลี่ยนค่านิยม…คำนี้มันฟังดูยิ่งใหญ่ ในตอนแรกที่หลินซือได้ยินคำพูดของเหยาซูก็รู้สึกเหมือนเลือดสูบฉีดอย่างไรอย่างนั้น แต่ยามที่เตรียมจะกระทำเรื่องนี้อย่างกระตือรือร้นจริง ๆ นางกลับพบว่าตัวเองทำอะไรไม่ถูก
เห็นได้ชัดว่าเหยาซูรู้ว่าหลินซือกำลังคิดอะไร ทว่าในใจก็ไม่รู้จะบอกหลินเหราอย่างไร เรื่องนี้เหยาซูไม่คิดจะเข้าไปแทรกแซง
แม้แต่หลินเหราที่มักจะโปรดปรานนางที่สุดก็หมดปัญญาจะโน้มน้าวเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องไปกังวลกับเรื่องนี้แต่อย่างใด
ถึงอย่างไรต่อไปหลินซือก็ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
“ข้ามีบางเรื่องไม่เข้าใจ” หลินซือไตร่ตรองคำพูดที่จะใช้อย่างระมัดระวัง “ข้าอยากรู้ว่ากิจการอะไรคุ้มค่ากว่ากันเจ้าค่ะ”
หลินเหรารู้ว่าหลินซืออยากเรียนรู้การบริหารกิจการกับเหยาซู จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามีร้านค้าอยู่ในมือไม่ใช่หรือ? อยากขยายกิจการให้มันใหญ่ขึ้นอย่างนั้นสิ?”
หลินซือพยักหน้า “จะพูดเช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”
เดิมทีหลินซือมีความคิดมากมาย แต่ในตอนสุดท้ายล้วนปัดทิ้งเองทั้งนั้น เหยาซูก็ไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ของหลินซือมาตลอด ปล่อยให้เด็กสาวหัวหมุนคิดหาทางด้วยตนเอง
“ต้องเป็นเกลือแน่นอน” คาดไม่ถึงว่าหลินเหราจะให้คำตอบนี้ออกมา “เจ้าไม่เห็นหรือว่าในช่วงหลายปีมานี้มีข้อห้ามในการซื้อขายเกลือเป็นการส่วนตัวออกมาอย่างต่อเนื่อง? ไม่มีกำไรก็ไม่มีใครกล้าเสี่ยงขนาดนั้น”
หลินซือได้ยินก็ถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ
เห็นได้ชัดว่ายอมจำนนกับเรื่องที่หลินเหราพูด
“ท่านไม่ต้องสนใจนางหรอก ให้นางจัดการเอง” เหยาซูไม่ได้สนใจเรื่องนี้แต่อย่างใด “ลูกทั้งสองคนของเราไม่ค่อยได้เจอเรื่องพวกนี้นัก รอให้พวกเขาได้ออกไปเผชิญหน้ากับโลกกว้างข้างนอกก่อน กระทั่งเข้าใจว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิดท่านก็ค่อยเสริมเหตุผลให้กับพวกเขา”
หลังจากที่หลินเหราได้ยินคำพูดของเหยาซู เขาก็ไม่ได้พูดสิ่งใดอีก เพราะเห็นด้วยกับมุมมองเรื่องนี้ของนางอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากที่หลินเหรารับประทานมื้อค่ำเรียบร้อยแล้วเขาก็ตรงเข้าห้องหนังสือทันที
หลินเหราและหลินซือใช้ห้องหนังสือร่วมกัน หนังสือภายในห้องหนังสือพูดได้ว่ามีหลากหลายประเภททีเดียว โดยพื้นฐานแล้วหลินเหราจะไม่ขัดขวางการใช้ความคิดของหลินซือ ครั้นเห็นท่าทางเด็กสาวเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่างเขาก็ไม่ได้รบกวนนาง แค่ใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำพูดกับหลินซือ
ปกติหลินเหราจะไม่ถกเถียงเรื่องการเมืองระหว่างกินอาหาร แต่ยามที่หลินเหรากำลังถกเถียงเรื่องเหล่านี้กับหลินจื้อนั้นก็ไม่ได้หลบเลี่ยงหลินซือแต่อย่างใด
ระหว่างนั้น หลินซือยังคิดวิธีการที่เป็นประโยชน์ไม่ได้ เลยหยุดคิดเสียแล้วเฝ้าดูการกระทำของหลินเหราและหลินจื้อ คิดว่าน่าจะได้ข้อมูลบางอย่างจากเรื่องนี้บ้าง
…………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พ่อไม่ห้ามแล้ว ดังนั้นโล่งใจได้แล้วนะอาจื้อ
ไหหม่า(海馬)