ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 554 ลำบากเจ้านอนบนพื้น
บทที่ 554 ลำบากเจ้านอนบนพื้น
บทที่ 554 ลำบากเจ้านอนบนพื้น
สีหน้าของจู้เข่อเปลี่ยนไป เอ่ยขึ้นโดยไม่ได้แสดงสีหน้าใด “ข้าไม่กลับ พวกเจ้ากลับไปบอกเขาว่าไม่ต้องตามหาข้าอีก หากมีสิ่งที่เขาทำได้ก็คือเตรียมใจที่ข้าจะจำเขาไม่ได้อีก! หลีกไป!”
ผู้ใดจะรู้ว่าคนชุดดำไม่เพียงแต่จะไม่หลีกทาง แต่พวกเขากลับเริ่มลงมือ ฝั่งของจู้เข่อมีกำลังน้อยกว่า ดูเหมือนว่านางจะถูกจับกลับไป แต่กู้อันผิงก็ปรากฏตัวขึ้นมาได้ทันเวลาเพื่อขับไล่กลุ่มคนชุดดำเหล่านั้น และชิงตัวจู้เข่อวิ่งหนีไป
กู้อันผิงคุ้นเคยกับบริเวณนี้เป็นอย่างมาก ไม่นานเขาก็สลัดพวกกลุ่มคนชุดดำได้ ทั้งสองวิ่งจนหายใจหอบ กระทั่งเวลาผ่านไปสักพักก็ยังไม่เอ่ยพูดคุยกัน
เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ กู้อันผิงจึงเริ่มเอ่ยปากขึ้น “เป็นอย่างไรบ้าง? วิ่งจนหอบเลยสิท่า? เดินกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปกินข้าว”
จู้เข่อกำลังจะปฏิเสธ แต่จู่ ๆ ท้องของหญิงสาวก็ส่งเสียงร้องโครกครากขึ้นมา หญิงสาวจับหน้าผากของตนและคิดขึ้นมาในใจ เจ้าท้องนี่เหตุใดจึงไม่อดทนเลย? ตั้งแต่เช้าไม่ร้อง แต่มาร้องเอาเวลานี้! เช่นนั้นแล้วก็ไม่มีทางเลือก นางจึงตกลงตามคำขอของกู้อันผิง ตามชายหนุ่มกลับหมู่บ้าน
หลังจากที่กินอาหารเสร็จ จู้เข่อเก็บข้าวของเตรียมตัวจะจากไป กู้อันผิงก็ได้เอ่ยห้ามไว้ “แม่นางอย่าได้รีบร้อนเลย เวลานี้ลงเขาไปมันไม่ปลอดภัยนัก กำลังคนของคนพวกนั้นมีมากมาย ถ้าหากพบเข้าและไม่มีข้าอยู่ข้าง ๆ เจ้าต้องเอาชนะพวกเขาไม่ได้แน่ ๆ เจ้าพักอยู่ที่นี่สักคืนไม่ดีกว่าหรือ พักผ่อนสักครู่ รอพรุ่งนี้เช้าข้าจะส่งเจ้าลงเขา”
จู้เข่อครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง รู้สึกว่าที่ชายหนุ่มเอ่ยมานั้นมีเหตุผล จึงพยักหน้าและตามชายหนุ่มไปที่ห้อง
“ห้องนี้ไม่มีใครพักอยู่ เมื่อครู่ข้าให้พวกน้องชายมาทำความสะอาดให้แล้ว เจ้าอย่าได้รังเกียจเลย” กู้อันผิงเอ่ยขึ้นและพลางเปิดประตู
จู้เข่อวางข้าวของไว้บนเตียง เอ่ยขึ้นอย่างไม่สนใจ “ไม่เป็นไร ข้าไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ ปีนี้ข้าเดินทางไปทั่วทุกทิศ ไม่ได้พักที่ห้องใดเลย”
กู้อันผิงหัวเราะ “ปรากฏว่าแม่นางไม่ใช่คนธรรมดา ตั้งแต่ยังเด็กก็ออกเดินทางมาแล้วทั่วทุกสารทิศ คงจะดีไม่ใช่น้อยถ้าข้ามีความกล้าหาญเช่นนี้บ้าง”
จู้เข่อหัวเราะขึ้นเบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ถ้าหากว่าเจ้ามีความอึดอัดใจเหมือนกับข้าแล้วล่ะก็ หากเป็นไปได้ใครจะอยากเดินทางไปทั่วกัน ข้าเพิ่งจะเห็นที่มั่นบนภูเขา เจ้าเป็นโจรหรือ?”
เมื่อกู้อันผิงที่จู่ ๆ ก็โดนถามเช่นนี้ก็ตกตะลึงไป “แม่นางช่างขบขันยิ่งนัก เดิมทีข้าอยากจะพาพี่น้องไปปล้นข้าราชการที่ฉ้อฉลเหล่านั้น ผู้ใดจะไปรู้ว่าหลังจากครั้งนั้นก็รู้สึกว่าไม่ควรปล้นผู้ใดทั้งนั้น จึงไม่ปล้นชาวบ้านแล้ว”
“มองไม่ออกเลยว่าเจ้าก็สามารถพูดอะไรดี ๆ ได้ด้วย เพียงแต่สมองยังฉลาดไม่พอ เหล่าน้องชายของเจ้าต่างก็มองว่าเจ้าเป็นพี่ใหญ่ นั่นก็เกินไป ข้าเห็นเจ้าแข็งแรงเช่นนี้แต่กลับทำสิ่งใดไม่ได้เลย” จู้เข่อเอ่ยเสียงเบา
กุ้อันผิงถอนหายใจและเอ่ยขึ้น “เดิมทีข้าคิดว่าการทำเงินนั้นจะมีวิธีที่ง่าย แต่หามาหลายร้านแล้ว พวกเขาก็ไม่ยินยอมที่จะรับพวกเราเลย บอกว่าพวกเราเป็นโจร ภูมิหลังไม่สวยงาม สวรรค์เป็นพยาน พวกเราลงมือทำเพียงครั้งเดียว อีกทั้งยังปล่อยพวกเขาไป เฮ้อ การหาเงินนั้นไม่ง่าย แล้วยังต้องทนอยู่กับอคติของผู้อื่น”
จู้เข่อรู้สึกขบขันกับปฏิกิริยาของกู้อันผิง กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “วันนี้ก็นับว่าเจ้าช่วยเหลือข้า เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าคิดว่าจะทำเช่นไรจึงจะทำให้พี่น้องของพวกเจ้าหาลู่ทางทำเงินได้แล้วกัน”
กู้อันผิงดีใจจนกระโดดขึ้นมา กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายไม่หยุด ภายในใจก็รู้สึกว่าคนที่ทำให้ตนใจเต้นได้นั้นก็คือนาง ทั้งวรยุทธ์ทั้งสติปัญญา เช่นนี้แล้วใครจะไม่รักบ้าง?
“สหายกู้? สหายกู้?” เจี่ยงเถิงโบกมืออยู่ด้านหน้าของกู้อันผิงที่เหม่อลอย เวลานี้ชายหนุ่มจึงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
ชายหนุ่มยิ้มขึ้นอย่างเขินอายและเอ่ยขึ้น “ขออภัยสหายเจี่ยง นานมากแล้วที่ไม่ได้เข้าห้องนี้ เมื่อเข้ามาก็อดคิดถึงคนผู้นั้นไม่ได้ จึงเผลอใจลอยไป ทำให้ท่านขบขันเสียแล้ว”
เจี่ยงเถิงคาดไม่ถึงว่ากู้อันผิงเองก็มีความรักระยะไกล จึงตบไหล่ของเขาแผ่วเบา “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เพียงแค่คิดไม่ถึงว่าสหายกู้เองก็เป็นผู้ที่คลั่งรักเช่นกัน”
กู้อันผิงส่ายหน้า เอ่ยขึ้นด้วยความเกรงใจ “ที่ไหนกัน ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้ไม่นาน” แล้วเขาก็ออกจากห้องไป
เจี่ยงเถิงหันศีรษะและกางมือ “ดูเหมือนว่าสหายกู้กำลังคิดถึงคนสำคัญ ข้าไม่คิดว่าเขาจะสนใจเรื่องทางโลกด้วย ห้องนี้มองแวบแรกเห็นได้ชัดว่าเป็นห้องของสตรี แต่ข้ามองที่อื่น ๆ ในหมู่บ้านแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่มีสตรีใดอยู่ที่นี่ มีเพียงห้องนี้เท่านั้นที่สะอาดสะอ้านและงดงาม โถ่ ช่างเป็นคนที่ชีวิตอาภัพจริง ๆ”
หลินซือครุ่นคิดอยู่ระยะหนึ่ง จึงได้เอ่ยขึ้น “ไม่แปลกใจเลยที่เขารับพวกเราทั้งสองเอาไว้ ท่านบอกกับเขาว่าเราเป็นสามีภรรยากัน ใจของเขาต้องคิดถึงแม่นางผู้นั้นแน่ ๆ รู้สึกเหมือนกับว่าหากนางยังอยู่ ต้องอยากจะเป็นสามีภรรยาอย่างพวกเรา”
เจี่ยงเถิงนั่งลงบนเก้าอี้ ถอยหายใจแล้วเอ่ยขึ้น “เขาเป็นคนที่มีความสามารถ ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังมีความรับผิดชอบมาก ๆ ไม่เช่นนั้นคนมากมายในหมู่บ้านนี้คงจะไม่เชื่อฟังคำของเขาหรอก สามารถดูแลจัดการคนมากมายได้เช่นนี้ ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย ”
หลินซือพยักหน้า เพื่อส่งสัญญาณให้เจี่ยงเถิงกล่าวต่อ “ข้าอยากจะสอนพวกเขาค้าขาย หรือว่าให้พวกเขาไปช่วยที่ร้าน ในเวลาเดียวกันก็คอยเรียนรู้ฝึกฝนทักษะการต่อสู้ของกู้อันผิง เช่นนี้แล้วพวกเขาก็จะได้กินอิ่มกัน และไม่ปล่อยให้ฝีมือวรยุทธ์ขึ้นสนิม”
หลินซือเม้มปากครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนที่นางจะเอ่ยถามขึ้น “แต่ว่าพี่อาเถิง ทุก ๆ วันท่านต้องจัดการเรื่องการค้าเกลือ กลัวว่าจะไม่มีเวลามาจัดการเรื่องพวกนี้ืน่ะสิ ไม่เช่นนั้น ส่งมาให้ข้าจัดการสิ”
เจี่ยงเถิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “อาซือ ข้าไม่อยากให้ผู้อื่นประณามเจ้า ถึงแม้ว่าข้าจะรู้ว่าเจ้าไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ แต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะลำบากเกินไป”
“พี่อาเถิง ท่านรู้หรือไม่ว่าเรื่องที่ข้าโชคดีที่สุดคือเรื่องอะไร? ก็คือไม่ว่าข้าจะทำเรื่องอะไรหรือเลือกสิ่งใด ข้าจะคอยมีคนคอยสนับสนุนมากมาย แต่ท่านนั้นแตกต่าง ท่านไม่ได้อยู่ข้างหลังข้า แต่อยู่ข้าง ๆ ข้า ข้ารู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นท่านก็จะคอยอยู่ข้างกายข้า บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงกล้าหาญและไม่เกรงกลัวสิ่งใด”
“พี่อาเถิง ข้ารู้ว่าพวกท่านล้วนก็เป็นกังวลข้าเพราะเรื่องเรือนพักพิง พูดตามความจริงข้าเองก็ลำบากไปช่วงหนึ่ง เพราะข้ารู้สึกว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรมกับสตรีมากเกินไป แต่ตอนนี้ข้าคิดได้แล้ว ข้าไม่เห็นต้องไปใส่ใจกับสายตาของคนพวกนั้น ขอแค่เพียงท่านคอยอยู่เคียงข้างข้า คอยสนับสนุนข้า ข้าก็ไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใด ดังนั้นพี่อาเถิงท่านอย่าได้เป็นกังวลไป ข้าไม่ได้พยายามที่จะกล้าหาญ เพียงแต่ข้าต้องการที่จะทำในสิ่งที่ข้าอยากจะทำ”
เจี่ยงเถิงไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ หลินซือจะพูดออกมามากมายเช่นนี้ ภายในใจของเขาเองก็ผ่อนคลายลง “เช่นนั้นก็ดีเลย พรุ่งนี้ข้ากับสหายค่อยหารือกันอีกที ถ้าได้แล้วค่อยส่งเรื่องนี้ให้เจ้า ถ้าตอนไหนเจ้ารู้สึกลำบากเจ้าก็บอกกับข้า ข้าจะได้มาจัดการให้”
หลินซือค่อย ๆ คลี่ยิ้มและจับแขนเจี่ยงเถิง “ขอบใจพี่อาเถิงมาก พี่อาเถิงดีที่สุดแล้ว แต่ว่าจู่ ๆ ข้าก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ วันนี้ตอนกลางคืน พวกเราจะนอนกันอย่างไรดี?”
เจี่ยงเถิงหัวเราะที่จู่ ๆ เด็กสาวก็คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จึงจงใจหยอกล้อนาง “ไอ้หยา! สหายกู้เหลือให้เราเพียงแค่ห้องเดียวเอง ก็ต้องนอนเพียงแค่ห้องเดียวน่ะสิ และข้าก็จำเป็นต้องนอนบนเตียง ดังนั้นอาซือต้องลำบากนอนบนพื้่นแล้วล่ะ”