ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 558 การลอบสังหารของชายชุดดำ
บทที่ 558 การลอบสังหารของชายชุดดำ
บทที่ 558 การลอบสังหารของชายชุดดำ
เหยาเอ้อหลางรู้จากหลินจื้อว่าเจี่ยงเถิงกับหลินซือขึ้นไปบนเขา เกรงว่าพวกเขาจะไม่อยู่ประมาณสองวัน
องค์รัชทายาทและลู่เหยาเองก็อยู่ในอาการหวาดกลัว ควรพักผ่อนสักสองวันเช่นกัน
ร่างกายของไป๋หรูปิงเองยังไม่ดีขึ้นหนัก หลินจื้อจึงคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
“ไอหยา ออกไปเที่ยวเล่นด้วยกันเป็นคู่ มันจะมีประโยชน์อะไร? สู้ข้าเช่นนี้ไม่ได้หรอก อยู่บ้านคนเดียวอย่างเป็นอิสระ ช่างแสนสบาย”
เด็กหนุ่มโยนเหยื่อลงไปในทะเลสาป และเอ่ยขึ้นด้วยความเบื่อหน่าย
ซวีจ้าวเดิมทีวางแผนจะฝึกกระบี่ริมทะเลสาบ ใครจะไปรู้ว่าเพียงแค่ออกมาก็พบเข้ากับเอ้อหลางที่อยู่ตรงนั้น แต่ชายหนุ่มกลับไม่ต้องการยุ่งกับเอ้อหลางอีกต่อไป ครั้งก่อนที่เมาแอ๋ภาพยังติดตาตนเองอยู่เลย
ซวีจ้าวกำลังจะเตรียมตัวที่จะจากไป ก็ถูกเหยาเอ้อหลางเรียกเอาไว้ “เอ๊ะ? ซวีจ้าว? เร็ว รีบข้ามมา ข้าเพิ่งจะเอ่ยว่าตกปลาคนเดียวนั้นแสนน่าเบื่อ รีบมาเล่นด้วยกันเร็ว”
ซวีจ้าวเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ “ข้าเพิ่งจะได้ยินเจ้าพูดไปว่าอยู่คนเดียวนั้นเป็นอิสระอย่างมาก เช่นนั้นเจ้าก็ตกคนเดียวไปสิ”
ไม่ง่ายเลยที่เหยาเอ้อหลางจะเจอคนเป็น ๆ หนึ่งคน ดังนั้นจะให้ปล่อยเขาง่าย ๆ ได้อย่างไร เด็กหนุ่มจึงเอ่ยขึ้น “ไอหยา นั่นข้าก็แค่พูดเพ้อเจ้อกับตนเอง เจ้าจะคิดจริงจังได้เช่นไรกัน? ซวีจ้าวไม่ใช่พวกท่านพ่อนะ เมื่อลองนึกถึงท่าทีของเจ้าที่มีต่อข้าตอนที่เจ้าเมา ตอนนี้สร่างแล้วเจ้าจะไม่ยอมรับสิ่งที่ทำหรือ?”
ซวีจ้าวขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้น “เจ้า! เจ้าอย่าพูดจาเพ้อเจ้อ หลังจากที่ข้าเมา นั่นก็เป็นเพียงคำพูดของคนเมา ข้าไม่ได้ทำอะไรเจ้า ยอมรับอะไรกัน?”
“ออกไปเที่ยวเล่นไหม คนอื่น ๆ ก็ต่างออกเป็นคู่ ๆ เหลือข้าเพียงคนเดียว ไม่ง่ายเลยที่จะหาเพื่อนใหม่ หลังจากที่เมาไปแล้วก็ยังไม่ยอมรับ หืม ที่เจ้าบอกว่าเหตุใดชีวิตข้าจึงขมขื่นเช่นนี้น่ะ!” เหยาเอ้อหลางเริ่มบ่น
ซวีจ้าวหลังจากที่ดื่มจนเมาแล้ว ก็จำไม่ได้ว่าตนนั้นทำอะไรลงไปบ้าง เมื่อตอนนี้ได้ยินเอ้อหลาางเอ่ยเช่นนี้เช่นก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างอย่างมาก “เอาละ ข้าจะตกปลาเป็นเพื่อนเจ้า เจ้าอย่าได้พูดเรื่องดื่มเหล้าอีกเลย”
เหยาเอ้อหลางตาเป็นประกาย ชายหนุ่มพยักหน้า “ข้าก็รู้ว่าเจ้าคงจะไม่ได้ใจร้ายหรอกน่า รีบมานั่งฝั่งนี้สิ” เอ่ยพลางชี้ไปที่หินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง
ซวีจ้าวทิ้งตัวนั่งลงบนหินก้อนใหญ่ โดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ได้แต่มองทะเลสาบเงียบ ๆ
เหยาเอ้อหลางมองดูคนข้าง ๆ ภายในใจยังคงรู้สึกมหัศจรรย์ คาดไม่ถึงเลยว่าซวีจ้าวจะเป็นผู้มีพระคุณต่อตนเอง! ไม่ได้แล้ว ตนเองทำได้เพียงแอบตอบแทนบุญเขาอย่างเงียบ ๆ ไม่สามารถให้เขารู้ได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้เขาก็เป็นคนที่ถือตัวอยู่แล้ว ถ้าทำให้เขารู้ฐานะทางสังคมของตนจะยิ่งไม่เย็นชาไปมากกว่านี้
“ซวีจ้าว ในแต่ละวันเจ้าทำอะไรบ้าง? ศึกษาตำรา? ฝึกเขียนตัวอักษร? หรือว่าวาดรูป?” เอ้อหลางถามคำถามที่ไม่ค่อยเป็นทางการ
ซวีจ้าวเหลือบตา เขารู้สึกว่าเหยาเอ้อหลางจงใจทำให้ตนเองขายหน้า เขาเป็นนายทหาร และเขาก็ถามในสิ่งที่ปัญญาชนมักจะทำกัน
“ข้าไม่มีอะไรที่ชอบทำ เหยาเอ้อหลางตั้งใจตกปลาเสียเถอะ” ซวีจ้าวเอ่ยขึ้นเบา ๆ
เดิมทีเอ้อหลางต้องการจะสอบถามว่าในแต่ละวันเขานั้นชอบทำอะไร เพื่อจะได้ส่งสิ่งที่เขาสนใจไปให้ แต่เมื่อคิดดูแล้ว ซวีจ้าวและตนเองต่างก็เป็นนายทหารเหมือนกัน จะรับรู้และเข้าใจในตัวอักษรและภาพวาดได้เช่นไร
เหยาเองหลางลูบหัวตนเอง เด็กหนุ่มยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ไอหยา เจ้าดูคนสมองอย่างข้าสิ ลืมไปเลยว่าเจ้าก็เป็นคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้”
ซวีจ้าวรู้สึกว่าวันนี้นั้นเหยาเอ้อหลางผิดแปลกไป เด็กหนุ่มดูสุภาพกับตนมากเกินไป คงจะไม่ได้ทำเรื่องละอายใจแล้วต้องการจะให้ตนนั้นช่วยเหลือใช่หรือไม่? เมื่อคิดถึงเช่นนี้ ซวีจ้าวก็ส่ายหน้า ฐานะทางสังคมของเหยาเอ้อหลางไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากตนเองด้วยซ้ำ บางทีคงแปลกที่สมองของเขากระมัง
“ขอบใจสำหรับความปราถนาดีของเจ้า แต่ว่าข้าไม่ได้มีอะไรที่สนใจ เจ้าตกปลามาตั้งนานแล้ว แต่ปลาสักตัวก็ไม่สามารถตกได้ หรือว่าพวกเราควรหยุดคุยกันจะดีกว่า” ซวีจ้าวกล่าวเตือน
เอ้อหลางมองดูตะกร้าเปล่าที่อยู่ข้าง ๆ ตนเอง และหัวเราะขึ้นมา “ตกปลาแล้วไม่พูดคุยกันนั้นแสนน่าเบื่อ ข้าน่ะมีเหตุผลที่มาตกปลา เคยได้ยินประโยคนี้หรือไม่ ยินยอมที่จะเป็นเหยื่อล่อ เจ้าบอกว่าถ้าหากปลาตัวนั้นไม่ยินยอมที่จะเป็นเหยื่อ ต่อให้เจ้าไม่พูดอะไรมันก็ไม่กินเหยื่อ ดังนั้นต้องใจเย็น ๆ!”
ซวีจ้าวรู้สึกว่าสมองของตนกับสมองของเหยาเอ้อหลางนั้นไม่เหมือนกัน เด็กหนุ่มเองก็ไม่ได้คุยกับเอ้อหลางอีก เขาเพียงแค่หลับตาลงเท่านั้น
ระหว่างที่ทั้งสองเงียบลง กลุ่มคนชุดดำได้มาล้อมพวกเขาเอาไว้ ซวีจ้าวได้ยินการเคลื่อนไหว เมื่อชายหนุ่มลืมตาขึ้นก็พบว่าพวกเขากำลังโดนล้อมอยู่
“โอ้! นี่มันเรื่องอะไรกัน? เหตุใดจึงมีคนมาตกปลามากมาย จะไม่โชคร้ายใช่ไหม?” เหยาเอ้อหลางวางเบ็ดในมือลง และหยิบกระบี่ของตนที่พกติดตัวมาด้วย
พวกชายชุดดำไม่ได้ฟังคำพูดของพวกเขา และได้เริ่มเข้าโจมตีทันที หากพลาดพลั้งขึ้นมาอาจจะทำให้ถึงชีวิต โชคดีที่เหยาเอ้อหลางและซวีจ้าวนั้นต่างก็เคยฝึกฝนมาก่อน ฝีมือของพวกเขานั้นไม่เลวไม่เช่นนั้นพวกเขาคงตายไปนานแล้ว
ชายชุดดำถูกผลักกระเด็นออกไปไกลเพียงแค่หนึ่งฝ่ามือของซวีจ้าว เหยาเอ้อหลางพบว่าพวกคนชุดดำนั้นเริ่มมามากขึ้นเรื่อย ๆ เด็กหนุ่มรู้ว่าไม่สามารถที่จะต่อกรต่อไปได้ จึงได้รีบคว้าซวีจ้าวและวิ่งหนีไป
เมื่อทั้งสองวิ่งออกมาได้สักพัก ก็ได้ใช้วิชาตัวเบาเพื่อกำจัดชายชุดดำที่ตามมาจากข้างหลัง
“ฝีมือของเจ้านั้นไม่เลวเลย! พวกเราร่วมมือกันได้ดีจริง ๆ ข้าไม่ได้มองคนผิดไป” เหยาเอ้อหลางหายใจหอบพลางหยอกล้อซวีจ้าว
ซวีจ้าวหยิบกระบอกน้ำขึ้นมาดื่ม “เจ้ารู้ไหมว่าพวกเขามาเพราะเหตุใด? มาจัดการข้าหรือเจ้า? เมื่อก่อนข้าไม่เคยโดนไล่ฆ่าเลย พอมากับเจ้า…ช่างโชคร้ายจริง ๆ”
เหยาเอ้อหลางขมวดคิ้ว เด็กหนุ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายเลย “เจ้าเอ่ยมาเช่นนี้ก็เป็นทำให้ข้าฉุกคิด ถ้าหากมีคนตามล่าเราในสนามรบนั้นจะไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลย แต่ตอนนี้พวกเราอยู่ในเมืองของต้าเยี่ยน และมีคนมายั่วยุอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะมีอำนาจไม่น้อยเลย แต่ว่าผู้ใดต้องการฆ่าข้าเล่า? ข้ากลับมาได้ไม่นาน ก็ยังไม่ได้ทำให้ใครเกลียดชังนะ?”
ซวีจ้าวขมวดคิ้ว “ก็เจ้านิสัยเป็นเช่นนี้ กลัวว่าจะไปยั่วยุผู้อื่นโดยที่ไม่รู้ตัว ตำแหน่งของเจ้าก็ไม่ได้จะเป็นง่าย ๆ เจ้าจะต้องบอกเรื่องนี้กับพ่อของเข้า เพื่อให้ท่านตรวจสอบ วันนี้ยังโชคดีที่เราสองคนอยู่ด้วยกัน เกรงว่าครั้งหน้าคงจะไม่โชคดีเช่นนี้”
เหยาเอ้อหลางฟังแล้วก็รู้สึกราวกับว่าซวีจ้าวนั้นใส่ใจตนเอง จึงหัวเราะออกมา “ไอ้หยา เช่นนั้นข้าก็ควรจะอยู่กับเจ้าตลอดเวลาน่ะสิ? เจ้าคือดาวนำโชคของข้า! เรื่องนี้จะต้องไม่ง่ายแน่ ๆ หลังจากข้ากลับเมืองไปจะต้องตรวจสอบให้ดี ๆ เจ้าเองก็ต้องระวังตัวให้ดีล่ะ คนที่อยู่เบื้องหลังเห็นเจ้าอยู่กับข้า กลัวว่าเขาจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อาซือไม่ต้องกลัวว่าพี่อาเถิงจะไปแต่งงานกับใครหรอกค่ะ กลัวว่าเขาจะอกหักจากตัวเองจะดีกว่า ทุกคนรู้ โลกรู้ มีเจ้าเท่านั้นแหละที่ไม่รู้
เหยาเอ้อหลางไม่มีคู่แต่มีสหายรู้ใจสินะ
ไหหม่า(海馬)