ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 565 เราแอบย่องออกไปกันเถอะ
บทที่ 565 เราแอบย่องออกไปกันเถอะ?
บทที่ 565 เราแอบย่องออกไปกันเถอะ?
อวี๋จือลูบหลังศีรษะแก้เขิน ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา “โชคดีที่ฝ่าบาททรงมีรับสั่งเรียกตัวท่าน ข้าจึงได้เจอท่านอาจารย์ไปด้วย มิเช่นนั้นท่านอาจารย์คงจะยุ่งทุกวันเป็นแน่ ศิษย์อย่างข้าคำนึงหาแต่ท่านนะขอรับ!”
เซี่ยเชียนไม่สนใจคำพูดเจ้าเล่ห์ของอวี๋จือ หลังจากกำชับพอสมควรแล้วก็ตรงไปยังห้องทรงอักษรทันที
องค์จักรพรรดิได้ยินว่าเซี่ยเชียนเจออวี๋จือระหว่างทาง ทั้งสองคนพูดคุยอย่างสนิทสนมกันมากทีเดียว
ความโกรธเคืองได้ปรากฏขึ้นในพระทัยโดยไม่มีเหตุผล เฒ่าหัวรั้นผู้นั้นยามอยู่ต่อหน้าตนมักจะแสดงท่าทีของขุนนางเฒ่าเสมอ กิริยาวาจามักจะรักษาระยะห่างของกษัตริย์และขุนนางตลอดเวลา
เซี่ยเชียนทำความเคารพ องค์จักรพรรดิทรงรับสั่งให้เขาลุกขึ้น จากนั้นก็เงียบไปชั่วขณะ จนเซี่ยเชียนเกิดความสงสัย จึงทูลถามออกไป “กระหม่อมได้ยินว่าองค์รัชทายาททรงเสด็จกลับวังแล้ว ไม่ทราบว่าเขาได้สิ่งใดกลับมาบ้าง ฝ่าบาททรงพอพระทัยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
องค์จักรพรรดิไม่แม้แต่จะปรายตามอง นอกจากเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เมื่อครู่ข้าพูดกับเขาแล้ว เด็กคนนั้นห่วงเล่นไปเที่ยวเล่นกับหลินซือและคนอื่นตั้งหลายวัน แต่ข้าไม่ได้ลงโทษเขา ถึงอย่างไรก็ยังเด็ก บีบบังคับมากไปก็ไม่ดี”
เซี่ยเชียนพยักหน้าเห็นด้วย รู้สึกว่าวันนี้องค์จักรพรรดิผิดแปลกไปจากเดิม ก่อนหน้านั้นเขามักจะค่อนข้างเข้มงวดกับเรื่องขององค์รัชทายาทเสมอ ไม่เคยอนุญาตให้องค์รัชทายาทออกไปทำเรื่องอย่างเช่นเที่ยวเล่นตามวัยปกติแต่อย่างใด แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีไม่น้อย
“เรา ไม่ได้เล่นหมากรุกนานมากแล้ว” องค์จักรพรรดิเดินเข้าไปข้างใน ไพล่มือพลางเอ่ยขึ้น
กระดานหมากรุกถูกจัดวางไว้เรียบร้อย เซี่ยเชียนจึงนั่งลงหลังจากได้รับการเชื้อเชิญ แล้วกราบทูลว่า “รายงานฝ่าบาท นานมากแล้ว ครั้งที่แล้วฝ่าบาทชนะ ครั้งนี้กระหม่อมจะไม่มีทางแพ้ฝ่าบาทอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
องค์จักรพรรดิเห็นท่าทางจริงจังของเซี่ยเชียน ในใจก็พลันสงบลง
ตาเฒ่าผู้นี้ มักพูดน้อย ยามโกรธเขาคงไม่ถึงกับไม่ปล่อยตนไปหรอกนะ?
“เหอะ! เช่นนั้นก็คอยดูว่าเจ้าจะมีความสามารถนี้หรือไม่ เจ้าแพ้ข้ามากี่ครั้งแล้ว? ครั้งนี้เจ้าก็ไม่มีทางชนะข้าได้หรอก” องค์จักรพรรดิตั้งใจยั่วโมโหอีกฝ่าย
ก่อนหน้านั้นพวกเขามักจะเล่นหมากรุกด้วยกัน เมื่อครั้งเยาว์วัย องค์จักรพรรดิยังทรงเป็นแค่ท่านอ๋อง เซี่ยเชียนยังไม่ใช่มหาเสนาบดี นิสัยของทั้งสองคนเข้ากันได้ และมักจะอยู่ด้วยกัน
ยามนั้นองค์จักรพรรดิมักจะเล่นหมากรุกแพ้เซี่ยเชียนเสมอ แต่หลังจากเขาขึ้นครองบัลลังก์ ทั้งสองคนได้เล่นหมากรุกด้วยกันอีกครั้ง เซี่ยเชียนก็ไม่เคยชนะอีกเลย
องค์จักรพรรดิไม่ใช่คนโง่เขลา บางครั้งเซี่ยเชียนก็ตั้งใจให้ท่าทีของตนเองกลายเป็นเรื่องขบขันของเขา
ครั้งนี้เขาตั้งใจพูดเช่นนี้ ดูสิว่าเฒ่าหัวรั้นผู้นี้ จะเสแสร้งอีกหรือไม่
สุดท้าย เซี่ยเชียนก็ชนะ หลังจากไม่ได้เล่นเป็นเวลานาน
“เจ้าชนะข้าเพียงครั้งเดียว แต่แพ้ข้ามาตั้งหลายปี เจ้าทำเหมือนกับว่าเจ้าชนะข้ามาแล้วหลายปีอย่างนั้น”
องค์จักรพรรดิเก็บหมากรุกพลางกล่าวอย่างกลัดกลุ้มใจ
นัยน์ตาของเซี่ยเชียนหม่นหมองลงในชั่วพริบตาเดียว จากนั้นก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว “เป็นเพราะทักษะการเล่นหมากรุกของฝ่าบาทสูงเกินไป กระหม่อมเอาชนะได้เป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
ผ่านไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในที่สุดวันทำนายโชคชะตาร่วมกันของเหยาต้าหลางและสตรีของตนก็มาถึง
กฎระเบียบของตระกูลมั่งคั่งในต้าเยี่ยน จะต้องมีการทำนายดวงชะตาก่อนทำการสู่ขอและแต่งงาน จากนั้นก็เริ่มงานเลี้ยงด้วยคำอวยพร
ทั้งสองตระกูลล้วนแต่คำนึงถึงหน้าตาและชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ตระกูลเหยาไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน ของที่ใช้ล้วนพิถีพิถัน รูปแบบการทำนายดวงชะตาได้รับการวางแผนหลายต่อหลายครั้ง เพราะกลัวจะเกิดความผิดพลาด
เหยาซูและหลินเหราพาหลินซือและหลินจื้อมาถึงงานเลี้ยงของตระกูลเหยา เตรียมแก้วแหวนเงินทองที่เฟื่องฟูไว้เรียบร้อย ยิ่งได้รู้ว่านิสัยของเขาค่อนข้างพิถีพิถันด้วยแล้ว ตั้งแต่เด็กก็มักจะเป็นเด็กที่เชื่อฟังผู้ใหญ่อยู่เสมอ ทุกครั้งที่พี่น้องในบ้านทะเลาะกัน เขาในฐานะพี่ชายก็ต้องเป็นฝ่ายแบกรับ
ครั้งหนึ่งหลินซือปีนขึ้นไปเก็บผลไม้บนต้นไม้ สุดท้ายก็ร่วงตกลงมา
โชคดีที่เหยาต้าหลางมาได้ทันเวลา ไปตามหมอมาดูอาการของนาง มิเช่นนั้นเท้าของนางคงจะพิการไปแล้ว
ตอนนั้นเหยาต้าหลางเพิ่งจะอายุได้เพียงเจ็ดแปดขวบเท่านั้น แต่กิริยากลับดูสุขุมและเย็นชามาก เมื่อเวลาผ่านไปหลินซือมักจะพร่ำบอกว่านางนั้นจะตอบแทนเหยาต้าหลางที่ช่วยชีวิตนางไว้
พริบตาเดียว พวกเขาก็โตกันหมดแล้ว ล้วนแต่กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องสร้างครอบครัวสร้างเนื้อสร้างตัวแล้ว
หลินซือเห็นเหยาต้าหลางในชุดฮั่นฝูทั้งตัว กลับกลายเป็นภาพทับซ้อนกับพี่ใหญ่ที่ดูเย็นชาและสุขุมในความทรงจำผู้นั้น รู้สึกได้ว่าพี่ใหญ่ผู้นี้ยังคงนิ่งสงบเฉกเช่นเดิม!
“พี่ใหญ่ อาซือขออวยพรให้พี่และว่าที่พี่สะใภ้ในอนาคตครองคู่กันไปตลอดชีวิต รักและสามัคคีกันตลอดไป มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง! ม่านไข่มุกถักทอความยินดี มีสักขีพยานงานสมรส ปลายวสันต์คืนสู่ฤดูเหมันต์ กลุ่มดวงดาวพร่าวพราวทางช้างเผือก เทพเทวาร่วมยินดีบนสรวงสวรรค์ สุขสกาวยิ่งกว่าอัญมณี ปีหน้าก็จงเดินเคียงข้างไปตลอดชั่วนิรันดร์”
ครั้นทุกคนได้ยินหลินซือท่องบทกวีที่ยาวเหยียดเพียงนี้ ก็พากันตื่นตระหนกตกใจ
ขณะที่กำลังทำพิธี จู่ ๆ หลินซือก็โพล่งคำอวยพรคู่บ่าวสาวออกมา
เหยาซูเองก็ตื่นตกใจไม่แพ้กัน ปกติยามให้เด็กคนนี้อ่านตำราก็ยากเย็นแสนเข็ญ แต่วันนี้นางกลับท่องกวีที่ยาวเหยียดเช่นนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดูท่าคงจะตั้งใจเตรียมมา!
ครั้นเหยาซูคิดได้เช่นนี้ก็รู้สึกเบิกบานใจ ลูกสาวของตนโตเป็นสาวแล้ว รู้จักหลักทำนองคลองธรรม อีกไม่นานคงจะรู้ความปรารถนาของตัวเอง
“ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของน้องข้า ลำบากเจ้าท่องมาเยอะเพียงนี้ คำอวยพรของเจ้า ข้าและพี่สะใภ้ของเจ้าจะรับไว้ เช่นนั้นข้าขอดื่มให้กับน้องรักของข้า” เหยาต้าหลางดีใจอย่างมาก จากนั้นก็ยกสุราดื่มรวดเดียวหมด
หลินซือก็ไม่ประมาณตน รินสุราและดื่มมันลงไป ครั้นเห็นเหยาต้าหลางต้องไปรับแขก หลินซือก็รีบยัดข้าวคำโตเข้าปากทันที “ไอหยา สวรรค์ สุรานี้แรงยิ่งนัก! ท่านแม่ก็ไม่ห้ามข้าเลย มันร้อนไปทั่วปากแล้ว!”
ครั้นเหยาซูเห็นท่าทางที่สุดแสนจะน่ารักของลูกสาว ก็ถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เจ้าเด็กคนนี้ก็เห็นอยู่ว่าดื่มสุราไม่ได้ก็ยังฝืนดื่ม ช่างโง่เขลาเสียจริง
เจี่ยงเถิงนั่งอยู่ในที่ที่จัดไว้ เขากวาดตามองไปทั่วทั้งงาน เพื่อหาเงาของหลินซือ ปรากฏว่าไม่เจอ ทำได้แต่เพียงกินข้าวอย่างหดหู่ใจ
หลังจากนั่งไปครู่หนึ่ง คู่บ่าวสาวทั้งสองคนก็ทำการทำนายดวงชะตา ทั้งงานค่อนข้างวุ่นวายมาก เจี่ยงเถิงถือโอกาสตอนที่ไม่มีใครเห็น ย่องออกมา และในที่สุดก็เจอตัวหลินซือ
“อาซือ! อาซือ! ข้าหาเจ้าเสียตั้งนาน ข้านึกแล้วเชียวว่าเจ้าต้องมา” เจี่ยงเถิงเดินมาหยุดอยู่ข้างกายของหลินซือ
หลินซือหันไปพบว่าเป็นเจี่ยงเถิง จึงคลี่ยิ้มอย่างดีใจ “พี่อาเถิง! ท่านก็มาด้วยหรือ! พี่ไม่บอกข้าเร็วกว่านี้ รู้เช่นนี้เรานัดเจอกัน ไม่สิ ข้ามากับท่านพ่อและท่านแม่ แทบจะนั่งเบียดอยู่บนรถม้า”
คนทำพิธีตะโกนเสียงดัง “สามีภรรยาเคียงคู่กัน หลังจากทำนายดวงชะตา ทั้งสองคนจะได้ครองคู่ เสร็จพิธี!”
ครั้นเห็นเหยาต้าหลางและว่าที่สะใภ้ส่งยิ้มให้แก่กัน หลินซือก็ได้แต่ทอดถอนใจอยู่ภายใน
วันนี้ว่าที่พี่สะใภ้แต่งองค์ทรงเครื่องได้งดงามยิ่ง เห็นเช่นนี้ตนเองก็นึกอยากแต่งงาน อยากสวมชุดที่งดงามเพียงนี้ขึ้นมาบ้าง…แต่คนที่ตัวเองชอบยังไม่มี แล้วจะมัวคิดเรื่องแต่งงานไปทำไม
เจี่ยงเถิงตื่นเต้นอยู่ในใจ เขาและอาซือ ต่อไปจะต้องกราบไหว้ฟ้าดินเช่นกัน …. ตนจะต้องดึงผ้าคลุมหน้าของนางออก เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามที่สุดของนาง นางจะกลายเป็นฮูหยินเจี่ยงเพียงผู้เดียวของตน
ชายหญิงทำนายโชคชะตาร่วมกัน หลินซือรู้สึกว่าไม่ได้มีอะไรน่าสนใจนัก จึงพูดกับเจี่ยงเถิงด้วยเสียงเบาว่า “พี่อาเถิง ข้ารู้สึกว่าหลังจากนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว เราออกไปเดินเล่นกันเถอะ”
เจี่ยงเถิงลูบศีรษะของหลินซือ พลางยิ้มอย่างอ่อนโยน “เด็กโง่! ข้ารู้ว่าเจ้าต้องขอออกไปเดินเล่น ข้าเองก็ไม่มีอะไรทำพอดี ข้าพาเจ้าออกไปเดินเล่นแล้วกัน แต่เจ้าจะไม่บอกท่านอาซูสักคำหรือ? ข้ากลัวว่านางจะเป็นห่วงเจ้า”
หลินซือโบกมือไปมาและพูดว่า “ไอหยา ท่านแม่รู้นิสัยข้าที่สุด ต้องเดาว่าข้าไปกับเจ้าแน่นอน เรารีบไปกันเถอะ”
………………………………………………………………………………………………………………………