ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 566 ช่วงชีวิตของตัวเองลำบากเพียงใด
บทที่ 566 ช่วงชีวิตของตัวเองลำบากเพียงใด
บทที่ 566 ช่วงชีวิตของตัวเองลำบากเพียงใด
ทั้งสองคนถือโอกาสตอนที่ไม่มีใครสังเกตเห็น แอบปีนกำแพงออกไปทางหลังจวน
เดิมทีหลินซือปีนกำแพงไม่เป็น ร่างกายของนางไม่ได้สูงนัก เรี่ยวแรงก็น้อย แรกเริ่มนางมักจะอาศัยพละกำลังของเจี่ยงเถิงถึงจะสามารถปีนข้ามไปได้
ต่อมาทั้งสองคนมักจะแอบออกไปอยู่บ่อยครั้ง ครั้งนี้หลินซือก็มีประสบการณ์แล้ว ทักษะการปีนกำแพงจึงยิ่งชำนาญมากขึ้นเรื่อย ๆ
สำหรับการเติบโตเช่นนี้ ทำให้เจี่ยงเถิงถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี
“ฮู่! ในที่สุดก็ออกมาได้ ข้ารู้สึกอึดอัดเหลือเกินเวลาอยู่ข้างใน ตอนนี้ข้าคิดเพียงว่า แม้ชุดเจ้าสาวจะงดงามมาก แต่การสวมใส่ชุดนั้นคงต้องยุ่งยากเป็นแน่ แค่คิดว่าท่านแม่จะบังคับให้ข้าแต่งกายด้วยชุดอลังการเหล่านั้น ก็รู้สึกแย่แล้ว”
หลินซือถอนหายใจออกมายาว ๆ และพูดระบาย
เจี่ยงเถิงซื้อถังหูลู่สองไม้ข้างทาง จากนั้นก็ยื่นให้หลินซือหนึ่งไม้ “เจ้านะเจ้า ครอบครัวเจ้าเองแท้ ๆ เอาออกมาพูดข้างนอกไม่รู้จักอายบ้างหรือ วันนี้พี่เหยาต้าก็แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว เผลอ ๆ เหยาเอ้อก็คงถูกเตรียมการไว้แล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะว่าอย่างไร”
หลินซือหลุดหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “เขา? เขายังหาว่าที่ภรรยาไม่ได้อย่างแน่นอน ท่านดูสิ วันทั้งวันเขาเอาแต่ทำตัวเอ้อระเหยลอยชายทำตัวไม่เอาถ่านอยู่เลย สตรีคนไหนจะมาตกหลุมรักพี่รองของข้า?”
“ข้าว่าพี่รองก็ดีนะ มีความคิดเป็นของตัวเอง เขาแค่ไม่แสดงออก หวังว่าเขาจะทำในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา แต่ก็กลัวว่ามันจะไม่ง่ายเช่นนั้น” เจี่ยงเถิงเอ่ยเหมือนคิดบางอย่างได้
เหยาเฉาบิดาของเหยาเอ้อหลางเรียกได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร ตราบใดที่เป็นคำสั่งของเขา แทบจะไม่มีใครกล้าขัดขืน
เหยาเอ้อหลางดูเป็นคนพูดง่าย แต่ความจริงแล้วอารมณ์ร้ายเกินใคร ถึงตอนนั้นถ้าสองพ่อลูกขัดแย้งกันขึ้นมาจริง ๆ ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะออกมาแย่เพียงใด
หลินซือและเจี่ยงเถิงกำลังเดินเล่นอยู่บนถนน ทันใดนั้นก็ถูกคนผู้หนึ่งชนเข้า เจี่ยงเถิงรีบปกป้องหลินซือทันที จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชากับคนผู้นั้น “เดินระวังหน่อยสิ จะได้ไม่ชนผู้อื่น”
ผู้ก่อเหตุกำลังจะกล่าวขอโทษ ทว่าเมื่อหลินซือเห็นก็พบว่าเป็นอวี้อวี้!
“อวี้อวี้! เจ้าเป็นอะไรไหม? รีบร้อนเช่นนี้ คงไม่ใช่เพราะหลี่จื้อสิงกำลังตามหาเจ้าอยู่หรอกนะ?” หลินซือถามด้วยความเป็นห่วง
ทันทีที่อวี้อวี้เห็นหลินซือ ก็ทอดถอนใจทันที “เจ้าเด็กบ้านั่น! ตามข้าไปถึงเรือน ข้ากลับเรือนไปเอาเสื้อผ้าบังเอิญชนเขาพอดี จึงได้วิ่งหน้าตั้งออกมาเช่นนี้ และชนพวกเจ้าเข้า”
อวี้อวี้พูดพลางเร่งฝีเท้า “ข้าต้องรีบไปจากที่นี่ หลี่จื้อสิงยังไล่ตามข้าอยู่ด้านหลัง หลินซือ เจ้ามีสถานที่ใดให้ข้าซ่อนตัวบ้าง ในร้านไม่ได้แน่นอน”
หลินซือครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดกับเจี่ยงเถิง “พี่อาเถิง ข้าจำได้ว่าท่านมีเรือนอีกแห่ง เจ้าพาอวี้อวี้ไปซ่อนตัวที่นั่นก่อนเถอะ? ท่านเห็นท่าทางนี้ของเขาก็อดไม่ได้เหมือนกันใช่หรือไม่? อีกอย่างอวี้อวี้ก็สร้างชื่อเสียงให้กับร้านของเรา เขากำลังมีปัญหา อ่า ไม่สิ ถ้าเขาถูกชิงตัวไปร้านเราต้องแย่แน่นอน!”
ครั้นเจี่ยงเถิงเห็นอวี้อวี้ก็พาให้นึกถึงเรื่องที่เขาทำให้ตนหึงหวงก่อนหน้านั้น ในใจก็รู้สึกโกรธเคืองโดยไม่มีเหตุผล แต่ด้วยท่าทางออดอ้อนของหลินซือ เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ ทำได้เพียงพาอวี้อวี้ไปยังเรือนอีกแห่งของตัวเอง
อีกด้านหนึ่งหลังจากที่องค์รัชทายาทร่ำเรียนวิชาของเซี่ยเชียนเสร็จแล้ว ก็กลับตำหนักตะวันออก ระหว่างนั้นก็ครุ่นคิดว่าจะทำยังไงให้มีโอกาสได้เจอกับหลินซืออีกครั้ง เนื่องจากตัวเองทำผิด ฝ่าบาทต้องทรงลงโทษตนแน่ จึงเตรียมความพร้อมที่จะไม่ได้เจอเด็กสาวนานแสนนาน ใครจะรู้เล่าว่าครั้งนี้เสด็จพ่อจะไม่ทำตามที่คิดไว้ ไม่ถือโทษโกรธตน ทั้งยังพูดยกย่องตนด้วย
ต้องใช้ข้ออ้างอะไรเรียกตัวนางมาเล่นกับเขาในวัง? องค์รัชทายาทคิดกลับไปกลับมาหลายตลบ แต่ก็ยังคิดวิธีการดี ๆ ไม่ออก ทำได้แต่นั่งกลัดกลุ้มอยู่ในห้องหนังสือ
หลังจากที่ลู่เหยากลับมาถึงจวน ตู้เหิงก็เข้ามารบเร้าถามเรื่องขององค์รัชทายาทว่าปฏิบัติกับนางอย่างไร มีท่าทีชอบนางบ้างหรือไม่ ทั้งสองคนได้อยู่กันเพียงลำพังบ้างหรือไม่
ลู่เหยาไม่กล้าโกหก นางบอกทุกอย่างกับตู้เหิงอย่างละเอียด ตู้เหิงได้ยินดังนั้นก็ยิ้มไม่หุบ “ลูกสาวสุดที่รักของข้า คราวนี้เจ้าทำให้ข้าภูมิใจ… องค์รัชทายาทต้องชอบเจ้าแล้วแน่นอน เจ้าต้องพยายามต่อไป ทำให้องค์รัชทายาทมาอยู่ในมือเจ้าให้จงได้ แบบนี้ นังสารเลวและลูกสาวของนางจะต้องอิจฉาเราแน่นอน”
ลู่เหยาไม่กล้าพูดสิ่งใด ได้แต่พยักหน้า
นางรู้ว่าความปรารถนาของผู้เป็นแม่คือการเอาชนะ มารดาของพี่หลินซือมีชีวิตที่ดี นางจึงต้องทำให้อีกฝ่ายเทียบนางไม่ได้
หลายปีมานี้ ที่ต้องเข้มงวดกับตนเพียงนี้ก็เพราะนางเกลียดชังมารดาของพี่หลินซือ
แต่คราวที่แล้วที่ตัวเองได้เจอกับนาง กลับรู้สึกว่านางอบอุ่นมาก
เหตุใดมารดาของตนถึงต้องจงเกลียดจงชังนางนัก? ลู่เหยาอยากถาม แต่นางรู้ดีว่านั่นเป็นบาดแผลในใจของผู้เป็นแม่ ถ้าตัวเองไปสะกิดต้องเตรียมถูกโบยแน่นอน
จวนของตู้เหิงมีญาติมาเยี่ยมเยือน จะพูดว่าญาติ ความจริงแล้วไม่นับด้วยซ้ำ เป็นเพียงพี่ชายที่เริ่มทำการค้านอกพื้นที่ในช่วงแรก
วันนี้ลูกชายของเขาเข้ามาสอบขุนนางในเมือง จึงมาขออาศัยอยู่ในที่นี่ชั่วคราว
ลู่เหยาเป็นหญิงสาวจิตใจดี ตั้งแต่เด็กจนโตแม้แต่มดตัวเดียวก็ยังตัดใจเหยียบมันไม่ลง
เพราะนิสัยนี้ของนาง ทำให้นางเสียเปรียบเสมอ
เมื่อครั้งวัยเยาว์นางต้องไปสำนักศึกษา เด็ก ๆ ในสำนักศึกษาล้วนหัวเราะเยาะนาง “ไอหยา! ลูกสาวพ่อค้า ไม่เหมาะสมที่จะเข้ามาเรียนในสำนักศึกษาของเราด้วยซ้ำ ! พวกเจ้าได้กลิ่นไหม? กลิ่นเหม็นสาบคนจนบนตัวนาง!”
“เจ้าดูสิเหตุใดแม่นางผู้นี้ถึงได้โง่เขลาเช่นนี้? มารดาของนางเปิดกิจการออกจะรุ่งเรือง แต่ทำไมถึงได้ให้กำเนิดลูกสาวผู้นี้กัน?”
“นางไม่ชอบพูดกับผู้อื่น สมองต้องมีปัญหาแน่นอน ๆ ไอหยา ลูกพ่อค้า ต่ำกว่าเรา ยังริอ่านทะเยอทะยาน…”
ลู่เหยาได้ยินคำพูดสกปรกเหล่านี้มานับไม่ถ้วน ตอนนี้ตัวเองไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว
ตั้งแต่เด็กจนโต คนอื่นมักคิดว่านางอยู่ดีกินดี ได้รับความโปรดปราน
มีแค่ตัวนางเท่านั้นที่รู้ ช่วงชีวิตของตัวเองนั้นลำบากแสนเข็ญเพียงใด
มารดามักจะดุด่าตบตีนางทุกครั้งที่ทำสิ่งใดไม่ได้ดั่งใจ คนภายนอกต่างชี้มือชี้ไม้มาที่นาง
ไม่มีเด็กคนไหนอยากเล่นกับนางเลยสักคน ตัวเองทำได้แค่อ่านตำราเก็บตัวอยู่ในเรือน แต่ยิ่งทำแบบนี้ ช่าวลือก็ยิ่งแพร่กระจายออกไป
นานวันเข้า ลู่เหยาจึงหลายเป็นคนไม่ชอบพูดไปโดยปริยาย
โลกใบนี้ ช่างน่าขันยิ่งนัก
คนเราไม่ยอมรับความผิดพลาด เชื่อในสิ่งที่ตัวเองอยากเชื่อ ไม่ว่านางจะแก้ตัวอย่างไร ก็ล้วนแต่ไร้ซึ่งความเมตตา ไม่มีแม้แต่ความเข้าใจ
แต่การปรากฏตัวขององค์รัชทายาท ทำให้นางสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ เขาเหมือนแสงสว่างที่ส่องนำทางให้ทั้งชีวิตของลู่เหยา
นับตั้งแต่ได้เจอกัน เขาบอกนางว่าเป็นสหายขององค์รัชทายาท พานางหลงทาง ตอนนี้ลู่เหยาเพิ่งรู้ว่า ที่เขาถูกกักบริเวณในตอนนั้น เป็นเพราะเขาเสี่ยงอันตรายออกไปส่งนางจนถูกจับได้ ดูสิ คนภายนอกบอกว่าองค์รัชทายาทเย็นชาไร้ความรู้สึก ความจริงแล้วเขาใจดีเหลือเกิน
ลู่เหยารู้ว่าบางทีองค์รัชทายาทอาจจะไม่ใช่ของตัวเอง
แต่แล้วอย่างไร บางทีนางอาจจะตามเกี้ยวเขาไม่ติดไปตลอดชีวิต ตราบใดที่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ขยายออกมาจากตัวเขา เท่านี้ก็คุ้มค่าแล้ว
ในเมื่อเขาชอบพี่หลินซือ เช่นนั้นนางก็จะช่วยเขา ช่วยให้เขาสมปรารถนา ขอแค่เขาเบิกบานใจ ตัวเองก็เบิกบานใจ รอยยิ้มของเขา คือทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดในโลกใบนี้
องค์รัชทายาทไม่เคยรู้เลยว่ามีสตรีคนหนึ่งชอบตัวเองอย่างหัวปักหัวปำ ไม่ขอให้รักตอบ ไม่ขอให้ได้ครอบครอง
………………………………………………………………………………………………………………………..