ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 575 หึงหวง
บทที่ 575 หึงหวง
บทที่ 575 หึงหวง
ไม่กี่วันหลังจากนั้นกู้อันผิงต้องพาสหายไปพบอวี้อวี้ แต่เขากลับยุ่งตลอด
ส่วนเจี่ยงเถิงและหลินซือกลับมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้งเพราะงานแต่งงานของบุตรสาวขุนนางฝ่ายพลเรือน
หลังจากพิธีแต่งงานนั้นจบลง ลำดับต่อไปก็คือช่วงเวลากล่าวคำอวยพร
เพราะหลินซือมักจะไปมาหาสู่กับตระกูลนี้อยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงได้มีโอกาสเข้าร่วม หลังจากพูดอวยพรไปสองสามประโยคแล้ว หลินซือก็แอบชิงหนีออกจากลานกว้างไปอย่างเงียบ ๆ
ด้านนอกเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติมากมาย ทุกคนต่างได้รับการต้อนรับอย่างดี แม้ว่าหลินซือจะชอบความสนุก แต่ก็รู้ว่าวันนี้เป็นวันแต่งงาน คงจะหาเรื่องป่วนไม่ได้
“คุณหนู ทางนั้นเหมือนคุณชายเจี่ยงเถิงเลยเจ้าค่ะ”
สาวใช้กระซิบกระซาบข้างหูของหลินซือเบา ๆ แล้วใช้มือสะกิดหลินซืออย่างแผ่วเบา
“พี่อาเถิง?” ครั้นได้ยินคำพูดของสาวใช้ หลินซือก็หันไปมองด้านหลังทันที คนที่ยืนอยู่ริมทะเลสาบแห่งนั้นถ้าไม่ใช่เจี่ยงเถิงแล้วจะเป็นใคร
และในขณะเดียวกัน ข้างกายของเจี่ยงเถิงก็ยังมีคุณหนูหน้าตาน่ารักคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย หลินซือไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าเป็นคุณหนูตระกูลไหน
ไม่รู้ทำไม หลินซือถึงได้รู้สึกโกรธขึ้นในใจ จากนั้นก็ตัดสินใจเดินไปอีกทาง
สาวใช้ไม่รู้ว่าคุณหนูเป็นอะไร ปกติยามเห็นคุณชายเจี่ยงก็มักจะวิ่งเข้าไปหาด้วยความดีใจ แต่วันนี้ทำไมถึงเดินออกไปเสียดื้อ ๆ ไม่มีแม้แต่จะกล่าวทักทาย?
แต่ไฉนเลยหลินซือจะบอกความคิดของตัวเองกับพวกนาง สุดท้ายพวกนางก็ทำได้แค่เดินตามหลินซือจากไป
เจี่ยงเถิงเห็นหลินซือจากริมทะเลสาบไกล ๆ เขากำลังจะเข้าไปทักทายนาง แต่กลับเห็นหลินซือรีบเดินไปอีกทาง จึงพยักหน้าให้กับหญิงสาวที่อยู่ข้างกายพอเป็นมารยาทแล้วรีบไล่ตามหลินซือไปทันที
ฝีเท้าของหลินซือไม่ถือว่าเร็วนัก ดังนั้นเจี่ยงเถิงจึงไม่ต้องออกแรงวิ่งไล่ตามนางมากแต่อย่างใด
แต่แก้มที่แดงระเรื่อเพราะต้องออกแรงเดินเร็วของหลินซือช่างน่ารักยิ่งนัก ทำให้ในใจอดหวั่นไหวไม่ได้ จนอยากจะยื่นมือออกไปลูบแก้มน้อย ๆ ของนาง ครั้นนึกขึ้นได้ว่ามันดูไม่เหมาะสม สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไป พยายามควบคุมมือของตัวเอง ไม่ให้สร้างความตกใจกับหลินซือ
“อาซือ เมื่อครู่ทำไมเจ้าถึงเดินออกไป ข้ายังไม่ทันเข้ามาทักทายเจ้าเลย”
เมื่อเจี่ยงเถิงได้มาประจันหน้ากับสตรีตรงหน้า ก็รีบเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ก็เห็นพี่อาเถิงมีหญิงงามอยู่เคียงข้างแล้ว อาซือจะเข้าไปรบกวนได้อย่างไร”
หลินซือจึงโพล่งความคิดในใจของตัวเองออกไปโดยไม่คิด แต่กลับไม่ได้คิดว่าประโยคที่โพล่งออกไปนี้เต็มไปด้วยความน้อยใจ
เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ครั้นได้ยินประโยคนี้ สายตาของเจี่ยงเถิงก็เปล่งประกายทันที ราวกับเจอสมบัติที่มีค่าอย่างไรอย่างนั้น
“อาซือหึงหรือ?”
“ข้าไม่ได้หึง!”
“ก็ได้ อาซือบอกว่าไม่ก็ไม่ คุณหนูคนนั้นเป็นแค่สหายคนหนึ่ง ระหว่างข้ากับนางนอกจากเป็นสหายกันแล้วก็ไม่มีความสัมพันธ์อื่น อาซือวางใจได้”
เดิมทีเขาอยากจะเพิ่มประโยคสุดท้ายเข้าไป ว่าในใจของข้ามีเพียงอาซือผู้เดียว แต่เมื่อนึกถึงนิสัยของอาซือ ประกอบกับกลัวนางตกใจ เจี่ยงเถิงจึงทำได้แค่ยกเลิกความคิดนี้ไป
ทำไมตัวเองถึงโวยวายไร้เหตุผลขนาดนี้ ถ้าพี่อาเถิงไม่ชอบตัวนางที่เป็นแบบนี้จะทำอย่างไร? แต่ครั้นเห็นสายตาที่อบอุ่นของเจี่ยงเถิง หลินซือกลับรู้สึกเหมือนตัวเองได้เข้าไปอยู่ในโถน้ำผึ้งอย่างไรอย่างนั้น
เด็กสาวอ้าปากอยู่สองครั้ง แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ “พี่อาเถิงไม่ต้องอธิบายหรอก ข้าเชื่อท่านก็ได้”
อาซือตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล มันช่างเย้ายวนเจี่ยงเถิงยิ่งนัก แต่ไม่ว่าหลินซือจะเป็นอย่างไรเขาก็ชอบทั้งนั้น
“อาซือ อีกสองสามวัน เจ้าไปเที่ยวเล่นข้างนอกกับข้าดีหรือไม่ เห็นเจ้าบอกว่าไม่ได้ออกจากจวนนานมากแล้ว?”
ครั้นได้ยินประโยคนี้ แววตาของหลินซือก็เปล่งประกายทันที แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้เหยาซูค่อนข้างเข้มงวดกับนางมาก จึงไม่รู้ว่าครั้งนี้มารดาจะว่าอย่างไร
“ไว้รอข้าถามท่านแม่ก่อนแล้วค่อยให้คำตอบเจ้าละกัน”
“ถ้าอาซือไม่ว่าอะไร ข้าจะให้ท่านแม่ของข้าไปช่วยพูดให้อีกแรง แบบนี้ท่านแม่ของเจ้าต้องเห็นด้วยแน่นอน”
“จริงหรือ?”
ความจริงแล้วหลินซือก็เคยคิดมาก่อน แต่ถ้าให้ท่านป้าเจี่ยงมาพูดกับมารดา เช่นนั้นความสัมพันธ์ระหว่างตัวนางกับท่านป้าเจี่ยงจะเป็นอย่างไร?
“จริงสิ แล้วอาซือยอมไหม?”
แม้จะเป็นบุรุษที่มีความสามารถอันเหลือล้นในราชสำนัก แต่ยามยืนต่อหน้าคนที่ตัวเองชื่นชอบ จะค่อนข้างระมัดระวังตัว ไม่ทำให้นางตกใจ
ดังนั้นในตอนที่รอคำตอบของหลินซือ ในใจของเจี่ยงเถิงจึงไม่เคยสงบนิ่ง เขากลัวการปฏิเสธของนาง กลัวว่าหลินซือจะแสดงท่าทีไม่ชอบเขาออกมา
“อื้อ ข้ายอม ข้าอยากไปเที่ยวข้างนอกกับพี่อาเถิงตั้งนานแล้ว”
“อื้อ!”
เมื่อเห็นท่าทางเบิกบานใจของหลินซือ ในใจของเจี่ยงเถิงก็อดเบิกบานใจไม่ได้
ตั้งแต่เด็ก อาซือคือความสดใสของเขา สำหรับเขาอารมณ์ของอาซือสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด
แต่เพราะมันสำคัญ ดังนั้นจึงไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไป
เขาจึงค่อยเป็นค่อยไป ให้อาซือสัมผัสถึงความรู้สึกของเขา ให้อาซือเคยชินกับการมีตัวตนของเขา
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังปรึกษาหารืออย่างสนุกสนานนั้น กลับไม่สังเกตเห็นเงาคนสีดำตะคุ่มอยู่ใต้ต้นไม้ถัดไปแต่อย่างใด
ครั้นได้ยินว่าทั้งสองคนนัดแนะจะไปเที่ยวด้วยกัน ก็ไม่ยืนฟังต่อ เดินออกจากลานกว้างไปอย่างอกสั่นขวัญหายเพียงลำพัง
แม้ว่าองค์รัชทายาทจะรู้ว่าหลินซือไม่ได้ชอบเขา แต่เขาก็ยังหาโอกาสอย่างอดไม่ได้ เพียงแค่ได้เห็นหน้านางสักครั้งก็ยังดี
คราวที่แล้วเพื่อให้ได้เจอนาง จนเกือบจะถูกเสด็จพ่อลงโทษ ตอนนี้ยังถือโอกาสแอบวิ่งออกมาอีก แต่กลับต้องมาเห็นความรักอันลึกซึ้งของอีกฝ่าย ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกมีดทิ่มแทงก็มิปาน
แต่ไม่ว่าจะเจอกับอุปสรรคมากเพียงใด หลินซือก็ต้องเป็นของเขา นอกจากเขาแล้ว คนอื่นอย่าหวังว่าจะได้
องค์รัชทายาทที่กำลังสิ้นหวังเดินอย่างเนิบนาบไปตลอดทาง เขาตระหนักได้ถึงเงาเล็ก ๆ ที่เดินตามอยู่ด้านหลัง ไม่ใช่ลู่เหยาแล้วจะเป็นใครได้?
นับตั้งแต่ที่องค์รัชทายาทเข้ามานางก็สังเกตเขาตลอด แต่ในสายตาของเขามีแค่หลินซือ นางไม่เคยอยู่ในสายตาของเขา แม้ว่าเขาจะเป็นคนพิเศษสำหรับนางก็ตาม
ลู่เหยาไม่เหมือนเด็กสาวคนอื่น และไม่ได้มีชีวิตชีวาเหมือนกับหลินซือ แต่นางรู้ตัวดีว่าตัวเองนั้นชอบเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เป็นคนที่มีหลินซืออยู่เต็มหัวใจ คิดแล้วก็อดรู้สึกปวดใจไม่ได้
แต่นางรู้ความมากกว่าผู้อื่นมาตั้งแต่เด็ก ในเมื่อเขาชอบ เช่นนั้นนางก็ต้องคิดหาทางทำให้เขาสมดั่งปรารถนาให้จงได้
ขอแค่เขาเบิกบานใจ นางก็เบิกบานใจแล้ว
เมื่องานแต่งจบลง เหยาซูก็พาลูกทั้งสองออกมา และตรงกลับจวนตัวเอง
ครั้นเห็นลูกสาวมีท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน จึงเดาได้ว่าจะต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นในงานเลี้ยงแน่นอน แต่ถึงกระนั้นนางก็เป็นผู้ที่ข้ามกาลเวลามา ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงจึงไม่ได้มองด้วยมุมมองเก่าคร่ำครึเหมือนคนที่นี่
ถ้าลูกสาวชอบเจี่ยงเถิงจริง ๆ เจี่ยงเถิงนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวคนหนึ่ง ฉลาด หน้าตาดี กล้าหาญและมีไหวพริบ สิ่งสำคัญที่สุดคือแสนดีกับลูกสาวของตน ถ้าลูกสาวอยากอยู่กับเขาจริง ๆ คงจะเบิกบานใจมากกระมัง?
แต่นางจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกสาว รอให้ลูกสาวเปิดใจแล้วค่อยว่ากัน
“อาซือ วันนี้เจ้าคงเหนื่อยมาก รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
“อื้อ เช่นนั้นลูกไปพักผ่อนก่อน ท่านแม่ก็รีบพักผ่อนนะเจ้าคะ”
“อื้อ” ครั้นเห็นลูกสาวเดินจากไป เหยาซูก็อดส่ายหน้าไม่ได้ ลูกสาวคนนี้ของนางไม่ได้เชื่องช้าธรรมดาเสียแล้ว
ตอนนี้ต้องขึ้นอยู่กับว่าเจี่ยงเถิงเด็กคนนั้นจะสามารถทำให้ลูกสาวของตนเปิดใจได้หรือไม่ คนเป็นแม่อย่างนางต้องเป็นห่วงเรื่องงานแต่งของลูกสาวเป็นธรรมดา
ครั้นเห็นเรื่องงานแต่งของลูกสาวถูกจัดเตรียมไปพอสมควรแล้ว ความกังวลที่อยู่ในใจของเหยาซูถูกยกออก
ถึงอย่างไรตระกูลไป๋ก็เป็นตระกูลแรกที่นางและหลินเหราได้เห็นร่วมกัน แม้จะเป็นเช่นนี้แต่ก็ยังเกือบถูกผู้อื่นปล้นไประหว่างทาง ในใจของนางจึงอยากจัดการเรื่องราวทุกอย่างให้เรียบร้อย
……………………………………………………………………………………………………………