ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 580 ปรารถนา
บทที่ 580 ปรารถนา
บทที่ 580 ปรารถนา
หลังจากเสร็จสิ้นราชกิจและกลับมาจวน เหยาเฉาก็ตรงไปยังที่กักขังเหยาเอ้อหลางไว้ทันที
“เปิดประตู”
“ขอรับ” คนรับใช้ตอบรับแล้วเปิดประตูฉับไว เหยาเอ้อหลางที่อยู่ข้างในกำลังนอนอยู่บนเตียงเฉกเช่นเคย อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะไม่ได้รับการแตะต้องแต่อย่างใด เหมือนกับกำลังต่อต้านอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“เหยาเอ้อหลาง วันนี้เจ้าตั้งใจต่อต้านข้าเช่นนี้ใช่หรือไม่?” ครั้นเห็นลูกชายนอนอยู่บนเตียง เหยาเฉาก็ยิ่งโกรธควันออกหู
“ข้าเปล่า แต่ข้าจะไม่แต่งงาน ทำไมต้องแต่งงานด้วย ตอนนี้ข้าอยู่คนเดียวก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?” เหยาเอ้อหลางพูดกับเหยาเฉา
“แต่เจ้าโตแล้ว ถ้าไม่แต่งงาน ต่อไปจะทำอย่างไร หรือว่าข้าต้องดูแลเจ้าไปตลอดชีวิตหรือ? เอ้อหลาง เจ้าเชื่อฟังข้าได้หรือไม่?”
“ท่านพ่อบอกเองว่าข้าโตแล้ว มีความคิดเป็นของตัวเอง ถ้าท่านพ่ออยากให้ข้าแต่งงาน ไม่สู้ให้ข้าตายไปเสียเลยดีกว่า แม้แต่ข้าวก็ไม่ต้องยกเข้ามา ปล่อยให้หิวตายไปเลย จะได้ไม่ต้องเปลืองแรงท่านด้วย”
“ดี ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีสิ่งใดจะพูดอีก”
เดิมทีเขาอยากมาโน้มน้าวเหยาเอ้อหลาง แต่ผลลัพธ์กลับทำให้ตัวเองเกรี้ยวโกรธหนักกว่าเดิม เหยาเฉารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นบ้า ทำไมจะต้องมาเสวนากับลูกชายที่มีทิฐิสูงเช่นนี้ด้วย
“ต่อไปไม่ต้องยกอาหารมาให้คุณชาย เขาอยากอดอาหาร เช่นนั้นก็ให้เขาอดอาหารไปเลย ตายเสียได้ก็ดี!” หลังจากที่เหยาเฉาเดินออกไปเขาได้กำชับกับคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตู
เหยาเอ้อหลางได้ยินเต็มสองรูหู จึงยิ่งเข้าใจว่าครั้งนี้บิดาของเขาไม่มีทางยอมให้เขาออกไปแน่นอน
เขาจึงคิดแผนการเงียบ ๆ ในใจ แต่สีหน้ากลับไม่ได้แสดงออกแต่อย่างใด
ปกติแล้วเหยาเอ้อหลางมักเป็นคนที่ร่าเริง ตอนนี้เขากำลังระดมความคิดทั้งหมดที่มีไตร่ตรองว่าจะทำอย่างไรถึงจะแอบออกไปข้างนอกโดยรอดพ้นสายตาของผู้อื่นได้
ขณะที่เหยาเอ้อหลางกำลังวางแผนหนีการแต่งงานนั้น เจี่ยงเถิงก็มาเยี่ยมจวนหลินพอดี
“อาซือ คราวที่แล้วองค์รัชทายาททำเจ้าตกใจแทบแย่เลยใช่หรือไม่?”
เจี่ยงเถิงรู้เรื่องขององค์รัชทายาทหลังจากที่เรื่องเกิดขึ้นแล้ว เดิมทีเขาอยากมาดูหลินซือในจวนหลินเดี๋ยวนั้นเลย แต่กลับถูกเจี่ยงฉีขวางทางไว้
บอกว่าอาซือกำลังตกใจ เวลานี้สภาพจิตใจยังไม่ฟื้นกลับมาเป็นปกติ ถ้าเจี่ยงเถิงไปตอนนี้ คงจะสร้างความยุ่งยากเสียเปล่า ๆ
เจี่ยงเถิงกลัวว่าพอถึงเวลานั้นจะทำให้อาซือยิ่งแย่ลงกว่าเดิม จึงได้แต่อดกลั้นไว้ ไม่ให้ตัวเองไปหาอาซือ
“พี่อาเถิง ข้าไม่เป็นไร ตอนนั้นคงจะตกใจมากจริง ๆ โชคดีที่ท่านไม่อยู่ มิเช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้าท่านอย่างไร แต่ครั้นได้ครุ่นคิดทบทวนอย่างละเอียด วันนั้นองค์รัชทายาทกริ้วมาก แต่ไม่ได้ทำสิ่งใดกับข้า คิดดูแล้วเขาก็ทำเกินไปจริง ๆ”
หลินซือไม่ทะนุถนอมน้ำใจของเจี่ยงเถิงเลยแม้แต่น้อย คิดสิ่งใดก็พูดสิ่งนั้น
“งั้นก็ดี อย่ากลัวเลย ต่อไปข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
ครั้นได้ยินคำพูดของหลินซือ เจี่ยงเถิงก็ต้องชื่นชมในความคิดอันยอดเยี่ยมของผู้เป็นแม่ มิเช่นนั้นยามนั้นคงทำการบุ่มบ่าม จนทำให้หลินซือไม่พอใจไปแล้ว
“อื้อ ข้าก็จะปกป้องพี่อาเถิงเช่นกัน” หลินซือมองไปยังพี่อาเถิงด้วยสายตาหวานละมุนไปถึงหัวใจ
นางรู้สึกว่าพี่อาเถิงช่างหล่อเหลายิ่งนัก โลกใบนี้คงจะไม่มีใครงดงามไปกว่าพี่อาเถิงอีกแล้วกระมัง? แม้แต่เทพบนสรวงสวรรค์ก็ยังเทียบเคียงพี่อาเถิงไม่ได้
“พี่อาเถิง ท่านยังต้องออกไปข้างนอกอีกหรือ?” ครั้นนึกได้ว่าเจี่ยงเถิงต้องออกไปข้างนอก ซึ่งเหมือนจะต้องออกไปเสียทุกครั้ง ในใจของหลินซือก็อดเป็นห่วงไม่ได้
แต่นางรู้ดี พี่อาเถิงทำทุกอย่างเพื่อให้นางมีชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้นจึงได้พยายามมากเพียงนี้ นางจะไปถ่วงรั้งเขาไว้ไม่ได้
“ก็บางครั้ง ถ้าองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้ข้าออกไป ข้าก็ต้องไป แต่องค์จักรพรรดิเคยตรัสไว้ ว่าเรื่องในคราวที่แล้วข้าทำมันได้ดี ดังนั้นข้าควรได้พักเช่นนี้ข้าก็มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนอาซือแล้ว”
“เช่นนั้นพี่อาเถิงพาข้าออกไปข้างนอกด้วยได้หรือไม่?” หลินซือครุ่นคิดอย่างหนักจนได้ข้อสรุปที่สมเหตุสมผลที่สุด ในเมื่อพี่อาเถิงต้องออกไปข้างนอก ตัวเองก็จะไม่ขวาง แต่ตัวเองต้องตามพี่อาเถิงไปด้วยเหมือนมารดาและบิดาของนาง
“ถ้ามีโอกาส ข้าจะพาเจ้าไปแน่นอน ดีหรือไม่อาซือ?”
เรื่องนี้คงจะมากเกินไป เพราะคำสั่งขององค์จักรพรรดิ และเพราะเจี่ยงเถิงและหลินซือยังไม่ได้แต่งงานกันโดยสมบูรณ์ ดังนั้นแผนการนี้จึงต้องพับเก็บไปก่อน
“อื้อ ก็ได้” สำหรับคำพูดของพี่อาเถิง น้อยนักที่หลินซือจะโต้แย้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พี่อาเถิงสารภาพรักกับนาง นางก็มักจะรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนมีบางอย่างเปลี่ยนไป แม้ว่าพี่อาเถิงจะยังแสนดีกับนางเฉกเช่นเดิมก็ตาม
“อาซือ ข้าจะสร้างชิงช้าไว้ในจวนของเราดีไหม? เจ้านั่งบนชิงช้า ส่วนข้าก็แกว่งชิงช้าให้เจ้า”
นี่คือแผนการชีวิตหลังแต่งงานของเจี่ยงเถิงและนาง เขาจะดูแลอาซือดุจดั่งองค์หญิงตัวน้อย ไม่ให้นางได้รับความไม่เป็นธรรมแม้แต่น้อย
“จริงหรือ? เช่นนั้นข้าขอเลี้ยงแมวสักตัวได้หรือไม่? อยู่ในจวน ท่านพ่อและท่านแม่เคยบอกว่าข้าเลี้ยงไม่ได้ จึงไม่เคยเลี้ยงมันมาก่อน แต่ข้าชอบแมวมากจริง ๆ”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ นัยน์ตาของหลินซือก็เปล่งประกายทันใด ราวกับกำลังพูดน่าสนใจเป็นอย่างมาก
เจี่ยงเถิงไม่ได้ตัดบทสนทนาของนาง ได้แต่ฟังนางพูดอย่างเงียบ ๆ คอยสัมผัสถึงความอ่อนโยนของสายลมอ่อนที่โชยพัด และการเคลื่อนไหวที่น่ารักของคนที่อยู่ในใจ
“ดีสิ ข้าเชื่อฟังอาซือทุกอย่าง”
“พี่อาเถิงช่างแสนดียิ่งนัก” ครั้นได้ยินคำตอบที่มั่นใจแล้ว หลินซือก็เข้าไปกอดแขนของพี่อาเถิงในทันที จากนั้นก็กวัดแกว่งไปมาอย่างสบายใจ รอยยิ้มบนใบหน้าก็สดใสมากขึ้น
“อาซือ คราวต่อไปถ้าเจ้าอยากไปที่ใดอยากกินอะไร ก็ให้คนรับใช้มาบอกข้า ข้าจะช่วยซื้อให้เจ้า ดีหรือไม่?”
“อื้อ รู้แล้ว”
“อีกเรื่อง ห้ามเลือกกิน…”
“พี่อาเถิง ท่านชักจะจู้จี้เกินไปแล้วนะ ที่ท่านพูดข้าเข้าใจแล้ว วางใจเถอะ ข้าจะดูแลตัวเองอย่างดี”
“อื้อ ก็ประมาณนั้นแหละ” อาเถิงลูบศีรษะของหลินซือ ซึ่งอ่อนโยนกว่าที่เขาคิดไว้
นับตั้งแต่ที่หลินซือรู้ความในใจของเขา เขาก็ไม่ต้องควบคุมอีก แม้ว่าในตอนแรกเริ่มหลินซือจะยังไม่ชิน แต่ตอนนี้หลินซือดูเหมือนจะชินไปแล้ว ไม่รู้สึกแปลกกับการกระทำของเขา อาเถิงดีใจกับการเปลี่ยนแปลงของอาซือเสียด้วยซ้ำ
หลังจากแต่งงานกันแล้ว อาซือยิ่งต้องปรับตัวให้เข้ากับเขามากขึ้น
“พี่อาเถิง ท่านหยุดเล่นผมข้าได้แล้ว มันยุ่งหมดแล้ว”
“ก็ได้ เชื่อฟังอาซือทุกอย่าง”
หลินซือแค่พูดไปเรื่อยเท่านั้น นางไม่ได้รังเกียจการกระทำของพี่อาเถิงเลยแม้แต่น้อย
………………………………………………………………………………………………………………………