ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 589 เทศกาลแห่งความรัก
บทที่ 589 เทศกาลแห่งความรัก
บทที่ 589 เทศกาลแห่งความรัก
“พี่อาเถิง ดูน้ำตาลปั้นรูปคนนี้สิช่างน่ารักยิ่งนัก”
เจี่ยงเถิงมองตาม กระทั่งเห็นสายตาของอาซือไปหยุดอยู่ที่กระต่ายสีขาวบนน้ำตาลปั้นรูปคนชิ้นหนึ่ง และยืนนิ่งไม่ไหวติงเช่นนั้น
“คุณหนูชอบน้ำตาลปั้นรูปคนใช่หรือไม่? ข้าเห็นว่าคุณหนูกับคุณชายท่านนี้เหมาะสมกัน ถ้าคุณหนูไม่รังเกียจ ไม่สู้ให้ข้าปั้นน้ำตาลตามรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของทั้งสองคนดีหรือไม่?”
ชายชราขายน้ำตาลปั้นผู้นั้นดูภายนอกใจดีมีเมตตามาก วาจาที่ลั่นออกมาก็ทำให้หลินซือคล้อยตามไม่น้อย
“ได้หรือเจ้าคะ?”
“ได้สิ แต่อาจจะต้องรบกวนเวลาของคุณหนูและคุณชายท่านนี้ครู่หนึ่ง”
“ไม่เป็นไร เราไม่รีบ พี่อาเถิง ท่านว่าอย่างไร?”
ครั้นนึกได้ หลินซือก็ไม่ลืมที่จะถามความคิดเห็นในเชิงเชิญชวนกับเขา
“หากอาซือสบายใจก็เพียงพอแล้ว”
“อื้อ ๆ เช่นนั้นคงต้องรบกวนท่านลุงแล้วล่ะ”
พูดจบ หลินซือก็ดึงตัวเจี่ยงเถิงให้นั่งลง
อีกด้านหนึ่ง องค์รัชทายาทและลู่เหยาที่น้อยนักจะได้รับอนุญาตก็ได้ออกมาเดินเล่นด้วยกัน วันนี้ลู่เหยาไปหาเขาในตำหนัก บังเอิญถูกสวีกุ้ยเฟยเห็นเข้าพอดี จึงให้เขาอยู่เป็นเพื่อนลู่เหยา
องค์รัชทายาทก็จนปัญญา แต่ครั้นนึกได้ว่าสวีกุ้ยเฟยเป็นมารดาในนามของเขา จึงไม่ได้โต้แย้ง
กลับเป็นลู่เหยาที่เบิกบานใจ นางคลี่ยิ้มไปตลอดทาง องค์รัชทายาทเดินตามหลังอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจว่าลู่เหยานั้นจะทำสิ่งใด
“องค์รัชทายาท ฝ่าบาททอดพระเนตรสิเพคะคืนนี้คนเยอะมากจริง ๆ หม่อมฉันไม่เคยได้ออกมาเที่ยวเล่นในเวลากลางคืนเช่นนี้มาก่อน”
ที่ลู่เหลาเอ่ยเป็นความจริง ยามอยู่ในจวน ตู้เหิงมักจะเข้มงวดกับนางเสมอ มักจะอบรมสั่งสอนตามมาตรฐานของหญิงงามชนชั้นสูง แต่นางก็ไม่เคยฉลาดดั่งที่มารดาของตนปรารถนา ดังนั้นทุกครั้งที่เห็นสายตาผิดหวังของมารดา นางมักจะตำหนิตัวเอง
และไม่กล้าคิดจะออกมาเที่ยวเตร่ข้างนอก คำว่าเที่ยวเล่นในใจของนางคือความผิดพลาด
แต่หลังจากที่ได้รู้จักกับหลินซือ ลู่เหยาก็พบว่าเดิมทีชีวิตของคนเราก็มีตัวเลือกที่แตกต่างกัน หลินซือไม่เคยถูกบีบบังคับให้ทำเรื่องต่าง ๆ จึงสามารถเริงร่าได้ทุกวัน
ทั้งยังได้รับความชมชอบจากองค์รัชทายาทอีกด้วย แต่ตัวเองแม้ว่าจะทำเรื่องราวต่าง ๆ ได้สำเร็จแต่ก็ไม่เคยเปลี่ยนสายตาที่องค์รัชทายาทมีต่อนางไปมากกว่านี้ได้
วันนี้ในตอนที่กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงทรงอนุญาตให้องค์รัชทายาทออกมาเที่ยวเล่นกับนางนั้น นางจึงไม่เลือกปฏิเสธ
บางทีอาจเพราะเห็นท่าทางของหลินซือ ทำให้นางเกิดความละโมบโลภมากขึ้นมา สำหรับองค์รัชทายาท นางแค่อยากมีความทรงจำร่วมกับเขาให้มากขึ้น
ในเมื่อไม่มีทางเป็นคนในใจของเขา เช่นนั้นก็ต้องเป็นคนที่เข้าใจเขาที่สุด
“จริงหรือ?”
“อื้อ ก่อนหน้านั้นหม่อมฉันต้องออกมาร่ำเรียนดนตรี หมากล้อม อักษร และศิลปะภาพวาดจีนทุกวัน บางครั้งก็เรียนรู้ได้แต่ความรู้ขั้นพื้นฐานบางอย่างเท่านั้น แต่ท่านแม่เคยกล่าวไว้ สิ่งสำคัญที่เด็กผู้หญิงต้องทำคือการเรียนรู้งานภายในเรือน เมื่อครั้งวัยเยาว์ข้าได้รับการสั่งสอนให้เป็นเด็กที่อ่อนโยน สุภาพ มีความรู้ความสามารถและมีคุณธรรม แต่เมื่อโตขึ้น ก็ต้องออกเรือนกับคนที่เข้ากันได้เหมือนกิ่งทองใบหยก การได้ใช้ชีวิตเยี่ยงสามีภรรยานับว่าเป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว”
“มารดาของเจ้าพูดกับเจ้าเช่นนี้?”
“อื้อ ท่านแม่ค่อนข้างเข้มงวดกับหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันก็ดีใจ เพราะถ้าไม่ใช่เพราะท่านแม่ หม่อมฉันก็อาจจะไม่ได้เข้าเฝ้าองค์รัชทายาทเพคะ”
ในตอนที่เอ่ยประโยคนี้ สายตาของลู่เหยาไม่ได้จับจ้องมาที่องค์รัชทายาท แต่เงยหน้ามองดวงดาวบนฟากฟ้า
“ดูดวงดาวบนฟากฟ้ามากมายนับไม่ถ้วนนั่นสิ ส่องแสงประกายดวงแล้วดวงเล่า แต่มีดวงจันทร์เพียงหนึ่งเดียว ที่มีดวงดาวรายล้อม”
เหมือนนางก็มิปาน เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงเพื่อจะได้ออกเรือนกับสามีที่ดีในอนาคต เพื่อจัดการเรื่องราวภายในเรือนของเขา ครั้นคิดได้ก็รู้สึกแสบจมูกเหมือนจะร้องไห้อย่างอดไม่ได้ นางพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเก็บความทุกข์ระทมภายในใจกลับไป
ไม่ง่ายเลยที่วันนี้องค์รัชทายาทจะเสด็จออกมาเดินเล่นกับนาง นางจะยอมให้หมดสนุกได้อย่างไร?
องค์รัชทายาทต้องไม่ชอบผู้หญิงขี้แยแน่นอน เขาชอบคนแบบพี่หลินซือ คนที่ร่าเริงสดใสได้ทุกวัน ดังนั้นนางจะต้องสดใสร่าเริงด้วย
“ได้เข้าเฝ้าข้า เจ้าไม่ดีใจหรือ?”
“ดีใจสิเพคะ ตอนนั้นหม่อมฉันยังจำได้ว่าหลังจากที่ท่านแม่ให้เข้าวังแล้วหม่อมฉันต้องสานสัมพันธ์กับองค์รัชทายาท แต่ทันทีที่หม่อมฉันเดินออกมาจากตำหนักของสวีกุ้ยเฟยจนเกิดหลงทาง อย่าว่าแต่จะตามหาองค์รัชทายาทเลย กว่าหม่อมฉันจะกลับไปยังเส้นทางเดิมได้ก็เล่นเอายากลำบากไม่น้อย”
ตอนนี้ลู่เหยายังจำวันที่เจอกับองค์รัชทายาทในตอนแรกได้เสมอ นางในตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาคือองค์รัชทายาท จึงคิดว่าเขาเป็นน้องชายของพี่หลินซือ
“ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น องค์รัชทายาทเหมือนเทพแห่งสรวงสวรรค์ที่ปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าของหม่อมฉัน ทำให้หม่อมฉันประหลาดใจอย่างมาก ความรู้สึกแรกที่ผุดขึ้นในใจไม่ใช่ความดีใจที่มีคนนำทางให้หม่อมฉัน แต่เป็นความตื่นตกใจเงียบ ๆ ในใจที่ได้เจอกับคุณชายที่หน้าตางดงามเช่นนี้”
ครั้นองค์รัชทายาทได้ยินคำพูดของลู่เหยา น้อยนักที่เขาจะตั้งใจฟังเช่นนี้
เขาเก็บหลินซือไว้ในฐานะคนในใจตัวเองมาตลอด ดังนั้นเรื่องของหลินซือคืออันดับหนึ่ง แต่คนอื่นเขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีตชาติ ชีวิตหลังเกิดใหม่ของเขาค่อย ๆ มีลู่เหยาเข้ามามีบทบาทมากขึ้น อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงของเรื่องก็ทำให้เขาไม่สามารถล่วงรู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นในลำดับต่อไป แต่ก็พูดได้ว่าการเกิดใหม่ของเขาไม่เคยมีความหมาย
“แต่เมื่อกลับไปหม่อมฉันกลับถูกท่านแม่ดุด่า ถูกกล่าวหาว่าโง่เขลา ขนาดอยู่ในวังก็ยังทำให้ตัวเองขายขี้หน้า ต่อมาท่านแม่ก็ได้รู้ว่าหลังจากที่องค์รัชทายาทนำทางข้ากลับในคราวนั้น ทัศนคติที่ท่านแม่มีต่อหม่อมฉันก็เปลี่ยนไป นางถามหม่อมฉันอย่างละเอียดว่าวันนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้นบ้าง ทั้งยังชื่นชมว่าหม่อมฉันเก่ง และคู่ควรกับองค์รัชทายาท”
“ตอนนั้นหม่อมฉันไม่เข้าใจ เห็นได้ชัดว่าเป็นแค่เรื่องเดียว เหตุใดคนของเรื่องถึงต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง แม้แต่คุณสมบัติก็ต่างกัน?”
บางทีอาจเพราะไม่ได้คุยเรื่องตัวเองมานานแล้ว ลู่เหยาจึงเอ่ยไปพลางเดินอย่างเนิบช้าไปพลาง ไม่ได้หันกลับมามองให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายยังเดินตามหลังอีกหรือไม่
แต่ตัวนางก็ไม่ได้สังเกตตัวเอง ความจริงแล้วนางไม่ได้ต้องการผู้ชม แต่ต้องการแค่ระบายความในใจในสถานการณ์ที่สำคัญเช่นนี้
“เช่นนั้นแล้วเหตุใดในเวลาต่อมาถึงไม่ออกตามหาข้าล่ะ?”
“หม่อมฉันติดตามเพคะ ความจริงแล้วหม่อมฉันมักจะชอบความรู้สึกที่ได้อยู่กับองค์รัชทายาท ทำให้หม่อมฉันรู้สึกเหมือนความจริง แต่หม่อมฉันทราบดีว่าองค์รัชทายาทชมชอบพี่หลินซือ และชอบเอามาก ๆ ด้วย”
“เจ้ารู้หรือ?” องค์รัชทายาทได้ยินคำพูดของหลินซือ ก็อดขมขื่นไม่ได้
แม้แต่ลู่เหยาก็ยังเข้าใจความชอบของเขา เหตุใดอาซือถึงไม่เห็นถึงความจริงใจที่เขามีต่อนางบ้าง ความเคารพที่ถูกเหยียบย่ำครั้งแล้วครั้งเล่า แม้แต่หน้าตาศักดิ์ศรีก็ไม่หลงเหลือให้เขา
เรื่องแรกที่เขาทำหลังจากกลับชาติมาเกิดใหม่คือการไปหานาง นอกจากเหตุการณ์ที่นางยิ้มให้เขาเนื่องจากยังไม่รู้สถานะของเขา ทุกครั้งที่เจอกับเขาก็มักจะทำสีหน้านิ่งสงบตลอด เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยทำร้ายนาง
ในอดีตชาติเป็นความผิดของเขา ดังนั้นเขาจึงอยากชดใช้ให้นางไปตลอดชีวิต แต่อาซือกลับไม่ให้โอกาสนี้กับเขา แล้วเขาจะทำอย่างไรได้?