ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 590 ความคิด
บทที่ 590 ความคิด
บทที่ 590 ความคิด
“แน่นอนอยู่แล้ว ท่านแม่เคยบอกกับหม่อมฉันว่าการชอบคนคนหนึ่งคือการยอมให้ตัวเองไม่มีความสุขดีกว่านางไม่มีความสุข องค์รัชทายาทรู้สึกเช่นนี้กับพี่หลินซือใช่หรือไม่? แม้ว่าทุกครั้งที่เจอกับพี่หลินซือ องค์รัชทายาทจะหดหู่ใจไปบ้าง แต่คราต่อไปก็ยังเสด็จไปหาพี่หลินซืออย่างไม่คิดถอยกลับ”
ลู่เหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนกับเป็นเรื่องของผู้อื่น แต่กลับไม่ใช่
“ใช่ ไม่คิดถอยกลับ”
“ถูกต้อง พี่หลินซือเป็นคนดี แต่องค์รัชทายาท ฝ่าบาททรงหาได้ดีกว่านี้แน่นอน เหตุใดจะต้องเป็นพี่หลินซือด้วยเพคะ?”
“เพราะนางคือหลินซือก็พอแล้ว” ครั้นนึกถึงหลินซือ สายตาขององค์รัชทายาทก็พลันอบอุ่น
นี่อาจจะเป็นความรู้สึกของการชอบคนคนหนึ่งก็เป็นได้ ทุกครั้งที่นึกถึงชื่อของนาง เขามักจะรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยมีมากก่อนหน้านั้น
“ดูสิ วันนี้เป็นวันแห่งความรักนะ เหตุใดหม่อมฉันต้องเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ด้วย องค์รัชทายาท เมื่อครู่หม่อมฉันเห็นสถานที่ลอยโคม ฝ่าบาทไปลอยโคมกับหม่อมฉันนะเพคะ?
แม้ว่าในใจจะหดหู่อย่างไม่อาจปิดบังได้ แต่ลู่เหยาก็ยังอยากถนอมโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้เอาไว้
องค์รัชทายาทมีผู้อื่นในใจแล้ว นางรู้ดี ตอนนี้จะมาเสียใจทำไม? คำถามนั้นนางก็เป็นคนหยิบยกขึ้นมาพูดเอง
“ได้สิ”
ในเมื่อเขาต้องออกมาเที่ยวเตร่กับลู่เหยาเพราะคำสั่งของสวีกุ้ยเฟย เช่นนั้นเขาคงไม่มีทางปฏิเสธความต้องการของลู่เหยาอย่างแน่นอน
องค์รัชทายาทให้องครักษ์เดินตามหลัง ส่วนเขาตามลู่เหยาไปซื้อโคมสองใบบนแผงลอย จากนั้นก็เดินไปยังริมแม่น้ำ
ริมแม่น้ำในเวลานี้มีผู้คนค่อนข้างหนาแน่น แม้ว่าจะมีองครักษ์ดูแลความปลอดภัย แต่องค์รัชทายาทก็อยากให้เหล่าองครักษ์ขับไล่ผู้คนออกไปแล้วค่อยลอย ถึงกระนั้นลู่เหยากลับคิดว่าเช่นนี้ดีแล้ว
ถึงอย่างไรวันนี้ก็เป็นวันแห่งความรัก ทุกคนต่างก็อยากจะเจอคน ๆ นั้น มาลอยโคมก็เพื่อขอพร
ถ้าองค์รัชทายาททำแบบนั้นจริง ๆ อาจจะกระทบต่อชื่อเสียงขององค์รัชทายาทก็ได้ นางไม่ยอมให้ชื่อเสียงขององค์รัชทายาทเสียหายเพราะตัวเองเด็ดขาด
“องค์รัชทายาท นี่เจ้าค่ะ” นางพูดพลางยื่นโคมใบหนึ่งในมือให้กับองค์รัชทายาท ส่วนลู่เหยาก็ถืออีกดวง
“ข้าไม่เอา”
“ไหน ๆ ก็ออกมาเที่ยวแล้ว องค์รัชทายาทอย่าทรงยึดติดในสถานะเลยเพคะ ต้องมีความสุขเหมือนกับสามัญชนทั่วไปถึงจะถูกต้อง”
“งั้นก็ได้” เขาเถียงสู้ลู่เหยาไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องยื่นมือออกไปรับโคมในมือของลู่เหยา
หยิบกระดาษจากโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง ลู่เหยาเริ่มเขียนคำขอของตัวเอง ครั้นองค์รัชทายาทเห็นลู่เหยาเขียน จึงหยิบกระดาษมาเขียนคำว่า ‘ซือ’ ลงบนนั้นด้วยอีกคน
ด้านหนึ่งเป็นตัวแทนของหลินซือ นี่คือคนที่มีชื่อเดียวกับหลินซือ ค่อนข้างสนิทกัน อีกด้านหนึ่ง เขานึกถึงหลินซือที่เคยโหดร้ายใส่เขาเมื่อครั้งอดีตคนนั้น ไม่ใช่หลินซือที่ไม่แม้แต่จะปรายตามองเขาตอนนี้
ครั้นลู่เหยาเห็นพฤติกรรมขององค์รัชทายาท ก็รีบซ่อนความอิจฉานั้นไว้ในใจอยู่เงียบ ๆ สีหน้ายังคงแสดงออกถึงความเบิกบานใจ
“เจ้าโคมน้อย ขอให้คำอธิษฐานของข้ากลายเป็นความจริงด้วยเถิด ต่อไปข้าจะกลับมาตอบแทนเจ้าทุกปีเลย”
ระหว่างที่กำลังพึมพำ นางก็นำโคมในมือของตัวเองวางลงบนผิวน้ำ ใช้มือผลักโคมใบนั้นออกไปอย่างเบามือ มองดูมันค่อย ๆ ลอยออกไปไกล
องค์รัชทายาทก็นำโคมไฟในมือวางลงบนผิวน้ำเช่นกัน จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกจากริมแม่น้ำไป
“เจ้าเขียนสิ่งใด?”
“ขอให้ทุกคนในครอบครัวสุขภาพแข็งแรงเท่านั้นเพคะ” ลู่เหยาไม่ใช่คนโลภ แต่ตอนที่ลอยโคมไฟ นางได้ระบุชื่อขององค์รัชทายาทลงในคำอธิษฐานจิตด้วย
ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีทางเป็นความจริง อย่างน้อยนางก็ได้รวบรวมความกล้าสักครั้งหนึ่ง ไม่ใช่หรือ?
“อยากไปไหนอีกหรือไม่?”
“ไม่อยากแล้วเพคะ หม่อมฉันเหนื่อย ไม่สู้เราไปหาที่นั่งพักเหนื่อยกันดีกว่า”
“ก็ดี” ครั้นเห็นอารมณ์ของลู่เหยาไม่ได้ร่าเริงเพียงนั้นแล้ว องค์รัชทายาทเองก็ไม่อยากดูอีก เราจึงตัดสินใจหาโรงน้ำชาสักแห่ง เพื่อพักครู่หนึ่ง
แต่คาดไม่ถึงว่า จะมาเจอกับหลินซือและเจี่ยงเถิงที่กำลังนั่งพักอยู่เช่นเดียวกัน
แตกต่างกันตรงที่เวลาหลินซืออยู่ต่อหน้าเขา ไม่ได้ยิ้มอย่างเบิกบานใจเหมือนกับการได้อยู่ต่อหน้าเจี่ยงเถิง ยิ้มราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องน่าหงุดหงิดใจมาก่อน ตรงหน้าของพวกเขาสองคนมีน้ำตาลปั้นสองชิ้น เห็นได้ชัดว่าเป็นของนางและเจี่ยงเถิง
เมื่อเห็นภาพนั้นก็พลันรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ในใจ กระทั่งเดินรุดขึ้นหน้าอย่างอดไม่ได้
ลู่เหยาเห็นเหตุการณ์นี้ นางไม่สามารถเดินจากไปเพียงลำพังได้ ทำได้แค่เดินตามหลังองค์รัชทายาท หวังแค่ไม่ให้องค์รัชทายาททรงกริ้วไปมากกว่านี้
“พี่อาซือ บังเอิญยิ่งนัก วันนี้เจ้าก็ออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกเช่นกัน?”
“องค์รัชทายาท? ฝ่าบาทก็ออกมาเดินเล่นหรือเพคะ?” หลินซือที่กำลังยิ้มเมื่อครู่ ครั้นได้ยินเสียงขององค์รัชทายาท รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันมลายหายไป มีแต่ความหวาดระแวงและการถูกควบคุมเข้ามาแทนที่
“อื้อ ถ้าที่ตรงนี้ยังว่าง ข้านั่งได้สินะ” พูดจบยังไม่ทันรอให้หลินซือตอบกลับ องค์รัชทายาทก็นั่งลงอีกด้านของหลินซือ ซึ่งตรงข้ามกับเจี่ยงเถิง
“ไหน ๆ คุณหนูลู่ก็มาแล้ว เชิญนั่งเถิด” จู่ ๆ องค์รัชทายาทก็ปรากฏตัว เห็นได้ชัดว่าอยู่เหนือความคาดหมายของเจี่ยงเถิง
เขาไม่ค่อยทำตัวแปลกหน้ากับคนในราชวงศ์นัก ย่อมรู้ดีว่าพวกเขารักชีวิตของตัวเอง
วันนี้เป็นวันแห่งความรัก ถ้าไม่เกิดเรื่องคาดฝัน คนในราชวงศ์ไม่มีทางออกมาอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรในเทศกาลนี้ผู้คนย่อมหนาแน่น ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมา คงยากที่จะตรวจสอบ
ดังนั้นแม้ว่าองค์จักรพรรดิจะอยากสนุกสนานกับราษฎร แต่ก็ยังต้องสนทนากับเหล่าราษฎรจากบนกำแพงสูงและจากไป เวลาผ่านไปย่อมหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ไม่แน่นอนได้ยาก
แต่ดูเหมือนองค์รัชทายาทจะไม่มีเหตุผลแต่ไหนแต่ไร เฉกเช่นในตอนนี้ แม้ว่าข้างกายของเขาจะมีองครักษ์ไม่น้อย แต่สำหรับคนอื่นย่อมน้อยยิ่งกว่า
องค์รัชทายาทพยักหน้า เจี่ยงเถิงไม่ได้พูดสิ่งใด ถึงอย่างไรก็ยังมีบางอย่างที่ไม่เหมาะสมปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของอาซือ
“ขอบคุณคุณชายเจี่ยงเจ้าค่ะ” สำหรับเรื่องเจี่ยงเถิง ลู่เหยารู้ดี ถึงอย่างไรตู้เหิงก็รู้ถึงพรสวรรค์ของเด็ก ๆ ในราชสำนัก ถ้าตู้เหิงไม่ได้พุ่งเป้าหมายไปยังองค์รัชทายาท เกรงว่าเจี่ยงเถิงคงได้เป็นสามีของนางไปแล้ว
“อาซือ เมื่อครู่คุยอะไรกัน ดูท่าทางมีความสุขเชียว ไม่สู้พูดออกมาให้ข้ากับคุณหนูลู่มีความสุขด้วยดีไหม?”
“ไม่มีอะไร แค่เรื่องเล็กเท่านั้นเพคะ” สำหรับองค์รัชทายาท หลินซือไม่อยากเสวนาพาทีกับองค์รัชทายาทมากเกินไป