ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 595 ถูกจับได้
บทที่ 595 ถูกจับได้
บทที่ 595 ถูกจับได้
ไม่กี่วันหลังจากนั้น
องค์รัชทายาทกำลังห่อเหี่ยวอยู่ในตำหนัก เวลานี้ลู่เหยาคงจะมาหาเขาแล้ว เพราะเหตุใดยามนี้ถึงยังไม่มา แม้แต่ใบหน้าก็ไม่โผล่มาให้เห็น
หรือว่าเด็กคนนั้นถูกขังอยู่ในจวน?
จากนิสัยของตู้เหิง เรื่องนี้มีความเป็นไปได้
องค์รัชทายาทจึงไปขอความเมตตาจากสวีกุ้ยเฟย เพื่อออกจากวังไปหาลู่เหยา
ถึงอย่างไรตอนนี้องค์รัชทายาทก็เป็นแค่เด็ก ดังนั้นต่อให้ทำเรื่องนอกกรอบอย่างไร ทุกคนก็พร้อมให้อภัยเขา
สวีกุ้ยเฟยคิดว่ากว่าที่องค์รัชทายาทจะเบนความสนใจออกจากหลินซือได้ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงอนุญาตโดยไม่พูดสิ่งใด องค์รัชทายาทจึงออกจากวังอย่างเอิกเกริกภายใต้การคุ้มกันขององครักษ์ ตรงไปยังจวนของลู่เหยา
เวลานี้ ตู้เหิงกำลังพูดกับลู่เหยา นางไม่เข้าใจว่าช่วงนี้ลูกสาวของตัวเองเป็นอะไร ก่อนหน้านั้นนางอยากให้ลูกสาวอยู่ในจวน แต่ลูกสาวกลับไม่ยอมอยู่ลูกเดียว
ตอนนี้อยากให้นางออกไปข้างนอก นางกลับไม่ยอม
“เหยาเหยา เจ้าอยู่ในจวนมานานเพียงใดแล้ว ออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้างเถิด”
“ท่านแม่ ข้าไม่อยากออกไป” ลู่เหยานั่งอยู่บนม้านั่ง เงยหน้ามองดูความสดใสของท้องฟ้าด้วยความกระวนกระวายใจ
ครั้งที่แล้วยามนางเดินออกจากวัง นางเสียใจอย่างมาก เพราะองค์รัชทายาทเหมือนไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของนางเลย แต่ต่อมานางก็คิดได้ ว่าคนที่องค์รัชทายาทชมชอบคือพี่หลินซือ
ไม่สนใจนางนับว่าเป็นเรื่องปกติ
แค่องค์รัชทายาทพูดคุยกับนาง ไปเดินเล่นตลาดกลางคืนกับนางก็ถือว่ามากพอแล้ว นางต่างหากที่โลภเกินไป
แต่นางค่อย ๆ ตระหนักได้ ทุกครั้งที่อยู่กับองค์รัชทายาท ความต้องการของนางกลับเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว นี่คือเหตุการณ์ที่ไม่ดีเอาเสียเลย พิสูจน์ได้ว่านางกำลังโลภมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะอยู่ที่นี่ การไม่เจอองค์รัชทายาท หัวใจของนางคงจะไม่หดหู่
“เหยาเหยา ตอนนี้เจ้าไม่คิดจะเชื่อฟังแม่เลยใช่หรือไม่!?”
ครั้นตู้เหิงเห็นท่าทางไม่สนใจไยดีของลู่เหยา ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดที่นางไม่ได้ดั่งใจ
เห็นได้ชัดว่าองค์รัชทายาทรู้สึกพิเศษกับนาง เหตุใดนางถึงมองไม่ออก?
เอาแต่อยู่ในจวนทั้งวัน จะเพิ่มความประทับใจให้กับองค์รัชทายาทได้อย่างไร นางเป็นลูกสาวที่โง่เง่าเต่าตุ่นโดยแท้จริง
“ท่านแม่ ไม่ใช่แบบนี้ ช่วงนี้ข้าเหนื่อยมากจริง ๆ เจ้าค่ะ” ลู่เหยาเข้าใจความคิดของผู้เป็นแม่ แต่ไฉนเลยจะง่ายดายเพียงนั้น
“เจ้าไม่ต้องมาพูดกับข้าว่าเหนื่อย ที่ข้าเลี้ยงดูเจ้าป้อนน้ำป้อนอาหารให้เจ้าทุกวัน ก็เพื่อให้เจ้าได้เชิดหน้าชูตาในสังคมได้ไม่ใช่หรอกหรือ? เจ้าไม่เข้าใจความรู้สึกของข้าเลยแม้แต่น้อย เหยาเหยา เจ้าชอบทำให้ข้าผิดหวังในตัวเจ้าอยู่เรื่อย”
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้…”
“ข้าบอกเจ้าไว้เลยนะ วันนี้ถ้าเจ้ายังอยู่แต่ในจวนอีก เจ้าไม่ต้องมาเรียกข้าว่าแม่ เพราะข้าเองก็ไม่รู้จักลูกสาวอย่างเจ้า วัน ๆ เอาแต่เลื่อนลอยไม่ทำสิ่งใด ไม่ช้าก็เร็วคงถูกหลินซือเหยียบจมดิน”
“ท่านแม่ เหตุใดต้องเอาข้าไปเปรียบเทียบกับพี่หลินซือด้วย? องค์รัชทายาทชอบพี่หลินซือ แต่ข้าชมชอบองค์รัชทายาท มันไม่ได้ขัดแย้งกันเลย ข้าไม่มีทางชิงชังนางเพียงเพราะองค์รัชทายาททรงชอบพี่หลินซือแน่นอน พี่หลินซือเป็นคนดี”
“ดีบ้าอะไร? ก็แค่ตีหน้าซื่อเท่านั้น เหยาเหยา ตอนนี้เจ้ายังเด็ก ไม่รู้จักความโหดร้ายของใจคน เหยาซูไม่ใช่คนดี ลูกสาวของนางก็สร้างปัญหาไม่ใช่น้อย ๆ ข้าบอกเจ้าไว้เลย หลินซือผู้นั้นมีความสัมพันธ์กับองค์รัชทายาทและเจี่ยงเถิง เจ้าคิดว่ากลอุบายของนางจะธรรมดาอย่างนั้นหรือ?”
ครั้นได้ยินคำพูดของตู้เหิง ลู่เหยาอยากจะแก้ต่างให้กับหลินซือด้วยจิตใจสำนึก แต่นางไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน
นางรู้ดี พี่หลินซือไม่ใช่คนแบบนี้ แต่นางเข้าใจพี่หลินซือจริง ๆ หรือ? ทุกครั้งที่เห็นองค์รัชทายาทโศกเศร้าเพราะพี่หลินซือ ในใจของนางก็โศกเศร้าไม่น้อย จนอยากจะแบกรับความทุกข์แทนองค์รัชทายาทด้วยซ้ำ
“ข้าจะบอกเจ้าให้นะ หลินซือผู้นั้นคือตัวสร้างปัญหา เจ้าดูสิว่าองค์รัชทายาทโตแค่ไหน แล้วนางโตแค่ไหน คิดอยากครองตำแหน่งพระชายา เพ้อฝันสิ้นดี เหยาเหยา เจ้าแตกต่าง เจ้ากับองค์รัชทายาทอายุไล่เลี่ยกัน องค์รัชทายาทแค่หลงใหลในเล่ห์กลลวงของจิ้งจอกสาวผู้นั้นไปชั่วคราว ตราบใดที่เจ้ายังอยู่เคียงข้างองค์รัชทายาท ฝ่าบาทจะต้องเห็นเจ้าแน่นอน เข้าใจหรือไม่? เจ้าจะปล่อยมันไปง่าย ๆ ไม่ได้ ต้องเหยียบย่ำลูกสาวของนังเหยาซูสารเลวให้จมดินให้ได้”
ทุกครั้งที่เอ่ยถึงเหยาซู ตู้เหิงจะรู้สึกเกลียดชังอยู่ในใจ นางไม่เคยลืมความอัปยศอดสูที่เหยาซูมอบให้นาง
“ที่แท้ฮูหยินตู้ก็คิดเช่นนี้นี่เอง” น้ำเสียงขององค์รัชทายาทดังขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้ตู้เหิงและลู่เหยาตื่นตระหนกตกใจอย่างมาก
“ขอน้อมองค์รัชทายาทเพคะ”
“เหอะ ข้าเป็นแค่เด็กเท่านั้น ต้องลำบากฮูหยินตู้มาคิดไตร่ตรองเรื่องพวกนี้แทนข้า คงทำให้ฮูหยินตู้เป็นกังวล ถึงอย่างไรข้าก็เป็นโอรสในนามของสวีกุ้ยเฟย ฮูหยินตู้ทำเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่ถูกต้องนะ?”
เดิมทีองค์รัชทายาทคือคนที่กลับชาติมาเกิดใหม่ กลิ่นอายรอบตัวจึงไม่เหมือนกับคนทั่วไป
แม้ว่าคนตรงข้ามคือตู้เหิงที่อายุมากกว่าเขา แต่องค์รัชทายาทไม่เคยแสดงความอ่อนแอแม้แต่น้อย
“องค์รัชทายาทช่างขบขันยิ่งนัก หม่อมฉันมิบังอาจ”
“ข้ามาหาคุณหนูลู่ ฮูหยินตู้ออกไปก่อนเถอะ”
เขาไม่อยากเสวนากับตู้เหิงมากนัก สำหรับองค์รัชทายาท คนอย่างตู้เหิง คงเป็นได้แค่สตรีที่เต็มไปด้วยแรงริษยา สตรีเช่นนี้ เขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา
แต่เรื่องที่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์คือบทสนทนาระหว่างลู่เหยาและตู้เหิง แม้ว่านางจะไม่ได้โต้แย้ง แต่ดูเหมือนในใจของลู่เหยา อาซือคือคนแบบนั้น
ครั้นนึกถึงคำพูดชื่นชมหลินซือที่ลู่เหยาพูดต่อหน้าเขา นางกำลังหลอกลวงเขา? เมื่อคิดได้เช่นนี้ ในใจขององค์รัชทายาทจึงเต็มไปด้วยความโกรธ เขาไม่เคยถูกสตรีหลอกลวงเช่นนี้มาก่อน
“เพคะ” ตู้เหิงอยากจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อเห็นท่าทางไม่คุ้นเคยขององค์รัชทายาทจึงไม่กล้าอยู่ต่อ
นางขยิบตาให้ลู่เหยาแวบหนึ่ง บอกให้นางทำตัวดี ๆ ก่อนจะออกไป
เมื่อเห็นตู้เหิงจากไปแล้ว องค์รัชทายาทก็นั่งลงบนม้านั่ง จากนั้นก็มองลู่เหยาที่นั่งบนม้านั่งเช่นเดียวกัน
“ถ้าวันนี้ข้าไม่มา ก็คงไม่รู้ว่าเจ้ามีความคิดเช่นนี้”
องค์รัชทายาทเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งเฉย แต่การประชดประชันในน้ำเสียงนั้นชัดเจนมากทีเดียว
“องค์รัชทายาท ไม่ใช่นะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
ลู่เหยารู้ว่าองค์รัชทายาทกำลังเข้าใจผิด จึงรีบอธิบาย
“ใช่หรือ? เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามาสิ ว่าเจ้าหมายความว่าอย่างไร” องค์รัชทายาทมองสายตาคู่นั้นอย่างเงียบ ๆ เหมือนกับกำลังมองทะลุปรุโปร่งเข้าไปในดวงตาคู่นั้น จนเห็นว่าเจ้าของดวงตาคู่นั้นเป็นคนอย่างไร
“หม่อมฉัน…”
ลู่เหยาไม่รู้จะพูดอย่างไร ในตอนที่มารดาของตนเอ่ยถึงพี่หลินซือนั้น ตัวเองก็ไม่ได้โต้แย้งออกไป แต่ตัวเองไม่ได้เป็นอย่างที่องค์รัชทายาทคิดจริง ๆ นางเองก็ชื่นชมพี่หลินซือมากเช่นกัน
แต่ทุกครั้งยามอยู่ต่อหน้ามารดา นางมักไม่อาจโต้แย้งได้เท่านั้น
“ทำไม? ไม่รู้หรือ? ข้าว่าเจ้าอธิบายไม่ได้หรอก ลู่เหยา ข้าคิดมาตลอดว่าเจ้าคือเด็กผู้หญิงที่ไร้เดียงสา แต่ตอนนี้ดูเหมือนข้าจะไม่รู้จักเจ้าเลย อาซือไม่เคยทำร้ายเจ้า เหตุใดเจ้าต้องไม่พอใจนางถึงเพียงนี้ เรื่องมันเป็นเช่นนี้แล้ว ถ้าเจ้ายังพูดคุยกับนาง คงจะลำบากใจเจ้าน่าดู”