ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 601 ไม่รู้ต้องทำอย่างไร
บทที่ 601 ไม่รู้ต้องทำอย่างไร
บทที่ 601 ไม่รู้ต้องทำอย่างไร
หลังจากที่เดินทางมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในที่สุดหลินซือและเจี่ยงเถิงก็มาถึงสถานที่ต้องตรวจสอบ
เจี่ยงเถิงได้ใช้โอกาสที่ออกมาเที่ยวเล่นกับหลินซือในช่วงกลางวันทำการตรวจสอบ
เจ้าหน้าที่ที่ติดตามเจี่ยงเถิงได้แยกย้ายกันไปรวจสอบตามสถานการณ์อื่น ๆ และพยายามตรวจสอบสถานการณ์ในละแวกใกล้เคียงอย่างละเอียด
ระยะเวลาที่เจี่ยงเถิงได้ดำรงตำแหน่งขุนนางฝ่ายดูแลเกลือไม่นานนัก ทันทีที่คนในหน่วยงานราชการได้ยินชื่อของเจี่ยงเถิง ต่างก็รีบนำบัญชีมายื่นให้เจี่ยงเถิงอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่ายังมีบางกลุ่มที่มีตาหามีแววไม่ ยังกล้าเอาบัญชีปลอมมาให้เขา
คืนนี้เจี่ยงเถิงต้องเผชิญหน้ากับคนเช่นนี้
เขาได้ทำการตรวจสอบเรื่องนี้มานานกว่าหลายเดือนแล้ว ถ้าสามารถงัดเอาข้อมูลจากคนผู้นั้นได้สำเร็จ งานในส่วนนี้ของเจี่ยงเถิงก็คงจะออกมาโดยสมบูรณ์แบบ
เจี่ยงเถิงได้เดินทางมายังคุกใหญ่ที่กักขังเหล่าขุนนาง ทันทีที่ผู้คุมขังเห็นเจี่ยงเถิงก็ทำการเปิดประตูคุกโดยไม่พูดไม่จา เชื้อเชิญเจี่ยงเถิงเข้าไปด้วยความยินดี
“ใต้เท้าเจี่ยง ท่านมาแล้ว”
เจี่ยงเถิงไม่ได้ใส่ใจกับคำสรรเสริญเยินยอของผู้คุมขังนัก แค่พยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วย่างเท้าก้าวเข้าไปข้างใน
บางทีอาจเป็นเพราะภายในคุกใหญ่ไม่ได้รับการทำความสะอาดมาเนิ่นนาน ทันทีที่ก้าวเข้ามาเจี่ยงเถิงจึงได้กลิ่นประหลาด
“พาคนที่อยู่ในห้องถัดไปออกมา” เจี่ยงเถิงมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูคุก แล้วพูดกับผู้คุมขัง
ทันทีที่ผู้คุมขังคนนั้นได้ยินก็รีบให้คนที่เฝ้าคุกข้าง ๆ พาคนข้างในออกมา แม้ว่าคนข้างในจะแต่งกายด้วยชุดขุนนาง แต่บนชุดขุนนางนั้นกลับเต็มไปด้วยตัวเหาที่คลานยั้วเยี้ย แล้วก็ยังมีแมลงตัวสีดำหลากหลายชนิดอีกไม่น้อย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ไม่เคยได้รับการทำความสะอาด ดูจนตรอกมากทีเดียว
ถ้าเจี่ยงเถิงไม่พูด เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ว่าคนตรงหน้าผู้นี้คือเจ้าขุนมูลนายที่เป็นถึงนายอำเภอเมืองเว่ย แน่นอนว่ามันเป็นแค่อดีตไปแล้ว
“เป็นอย่างไรบ้าง ยังไม่ยอมพูดอีกหรือ?” เจี่ยงเถิงมองคนที่ถูกมัดไว้กับเสาตรงหน้า และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
นายอำเภอเมืองเว่ยผู้นี้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ขุนนางต่ำต้อย แต่อำนาจที่มีในครอบครอง สามารถคควบคุมเกลือทั้งเมืองเว่ยได้แล้ว และไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนเข้ามาพูดจามั่วซั่วเด็ดขาด
พูดได้ว่าทั้งเมืองเว่ยต่างก็พยายามใช้เล่ห์เหลี่ยม ถึงขั้นมีคนอยากเดินทางไปฟ้องร้องต่อโรงศาลในเมืองหลวง แต่สุดท้ายก็ถูกจับตัวกลับมาก่อนจะพ้นเมืองเว่ย นายอำเภอเมืองเว่ยไม่พูดไม่จา เขาสั่งให้จับตัวคนผู้นั้นไปประหารชีวิต ด้วยการเฉือนทั้งเป็นสามร้อยหกสิบครั้ง กระทั่งคนผู้นั้นวายปราณ แล้วสั่งให้คนนำศพไปโยนทิ้งในสุสานของเมืองเว่ย
การกระทำเช่นนี้ ทุกคนทั้งเมืองเว่ยไม่กล้าแม้แต่จะคิดเรื่องอื่น โกรธแต่พูดอะไรไม่ได้ ทุกคนต้องใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก
ไม่เพียงแค่นี้ นายอำเภอเมืองเว่ยยังสร้างโรงผลิตเกลือเอง กำเริบเสิบสานฉวยโอกาสขึ้นราคา ทำให้ราคาเกลือนอกเมืองต้องเพิ่มสูงขึ้น สุดท้ายก็เหมือนกับเพลงกล่อมเด็กที่ถุงเกลือแพงกว่าถุงทอง
“ไม่ทราบว่าใต้เท้าเจี่ยงพูดสิ่งใด?” ดูเหมือนคนผู้นั้นจะไม่เกรงกลัวเจี่ยงเถิง หลังจากถูกจับก็ทำตัวเหมือนทองไม่รู้ร้อน ราวกับว่าอีกไม่กี่วันก็ได้รับการปล่อยตัวแล้วก็มิปาน
“เจ้ายังกล้าทำไขสือกับข้าอีกหรือ?” เจี่ยงเถิงรู้แก่ใจดี คนแบบนี้ถ้าไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่แขวนตัวเองอยู่บนเส้นด้ายก็ต้องมีคนบงการอยู่เบื้องหลัง แต่คนผู้นี้คือใครกัน? เจี่ยงเถิงไม่แน่ใจเอาเสียเลย
“ไม่ใช่แน่นอน แต่ถ้าใต้เท้าเจี่ยงปล่อยข้าไป ข้าจะรายงานทุกอย่าง” สำหรับนายอำเภอแล้ว ผู้ชายใต้หล้านี้ ไม่มีใครไม่รักเงินไม่รักอำนาจ แม้แต่เจี่ยงเถิงก็ไม่มีข้อยกเว้น
พูดอีกอย่าง ต่อให้มีคนหนีรอดจากสองสิ่งนี้ได้ แต่จะมีใครหนีรอดสาวงามได้หรือ? เขาไม่เชื่อว่าเจี่ยงเถิงที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นขุนนางที่ขาวสะอาด ดุจดั่งนักปราชญ์ได้จริง ๆ?