ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 603 ถูกจับ
บทที่ 603 ถูกจับ
บทที่ 603 ถูกจับ
“ทำไม เจ้าเปลี่ยนทิศทางมาสนใจเรื่องเกลือแล้วหรือ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของอาซือ ในใจของเจี่ยงเถิงเบิกบานใจอย่างมาก
ที่หลินซือกล่าวเช่นนี้ นั้นหมายความว่านางได้เข้ามาในชีวิตของเจี่ยงเถิงมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เจี่ยงเถิงเองก็อยากเอาชีวิตของตัวเอง เข้าไปหาอาซือทีละนิดเช่นกัน
ฝ่ายชายจึงพูดต่อว่า “ถ้าเจ้าชอบ ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังทุกวันเลย แต่เรื่องนี้มันไม่ได้ง่ายเหมือนกับการเปิดร้านหยกอวี้ฝูของเจ้านะ”
“ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ครั้นเห็นผู้คนมากมายล้วนแล้วแต่อดอยากปากแห้งเพราะเกลือ ก็ยิ่งปวดใจ ข้ากำลังคิดว่าถ้าข้าบริหารเกลือได้เพียงพอคงจะดีขึ้นกระมัง”
ครั้นได้ยินคำพูดของอาซือ เจี่ยงเถิงก็ถึงกับเหนือความคาดหมาย
ถึงอย่างไรความคิดของอาซือก็ยังบริสุทธิ์เสมอ บางครั้งเรื่องที่นางต้องทำ ความไร้เดียงสาของนางก็ทำให้นางคิดว่าเรื่องนี้จะนำมาซึ่งผลประโยชน์แก่ผู้อื่น ไม่เคยคิดถึงตัวเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก เรื่องนี้มีข้าอยู่ เจ้าบริหารเรือนพักพิงผู้ยากไร้และร้านหยกอวี้ฝูออกมาดีมากอยู่แล้ว อีกอย่างท่านอาซูก็บอกแล้วไม่ใช่รึ? ไม่ต้องร้อนใจไปเสียทุกเรื่อง ค่อย ๆ ทำทีละก้าวถึงจะถูก”
“อื้อ พี่อาเถิงพูดถูก”
แม้ว่าความตั้งใจของตัวเองล้วนถูกเจี่ยงเถิงปฏิเสธ แต่หลินซือก็ไม่ได้โกรธ
แม้ว่าหลินซือจะไม่เข้าใจหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ก็ยังรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นอยู่เสมอ ไม่มีทางมองหน้ากันไม่ติดเพราะเรื่องนี้แน่นอน
“เอาละ วันนี้เจ้าคงเหนื่อยมากแล้ว กลับไปกินข้าวแล้วรีบพักผ่อน พรุ่งนี้เราจะออกเดินทาง”
“อื้อ ในที่สุดก็ต้องกลับบ้านแล้ว ข้าคิดถึงท่านแม่ ท่านพ่อ ท่านพี่ พี่รอง และอาเชินแล้ว!”
หลินซือพ่นชื่อทุกคนออกมา แม้ว่าเจี่ยงเถิงจะอยู่กับนางแต่ก็ยังรู้สึกน้อยใจอยู่เล็กน้อย
“เจ้าไม่คิดถึงข้าแล้วใช่หรือไม่?”
“เพราะพี่อาเถิงอยู่ข้างกายข้าตลอด พี่อาเถิงใจแคบยิ่งนัก แค่นี้ก็อิจฉา แค่นี้ก็น้อยใจ ข้าจะกลับไปรายงานท่านป้าเจี่ยง!”
“เอาสิ เจ้ากล้าหาญมากขึ้นทุกวัน กล้ารายงานพี่อาเถิง ดูสิว่าพี่อาเถิงจะจัดการเจ้าไม่ได้!”
เมื่อเจี่ยงเถิงพูดจบ ก็ทำการดีดหูของอาซือทันทีตั้งใจจะแก้แค้นอย่างชัดเจน
หลินซือส่งเสียงพ่นลมหายใจเย็นชา “ใจแคบ”
กล่าวจบก็วิ่งไปข้างหน้า
เจี่ยงเถิงเห็นสถานการณ์นั้น ก็เร่งฝีเท้าไล่ตามไป
หลังจากที่ทั้งสองคนกลับมาถึงที่พักก็ต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน
เนื่องจากกลัวหลินซือจะฝันร้าย ดังนั้นห้องพักของเจี่ยงเถิงจึงอยู่ติดกับห้องของหลินซือ ถ้าหลินซือเคลื่อนไหวอะไรเขาจะได้ปรากฏตัวได้ทันเวลา
ยามดึกดื่นค่อนคืน หลินซือได้ยินเสียงบางอย่างในอาการสะลืมละลือ ตั้งใจจะลืมตามองว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยิ่งพยายามลืมตาเท่าไรก็ยิ่งทำไม่ได้ เห็นแค่เพียงเงาดำร่างหนึ่งอย่างเลือนรางเท่านั้น
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลินซือพบว่าสถานที่ที่ตัวอยู่เหมือนจะเปลี่ยนไป
“เฮ้ ตื่นเสียที ดูท่ายาที่ทำให้มึนเมาจะใช้ได้ผล เด็กคนนี้หลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนทีเดียว” ชายคลุมหน้าสีดำคนหนึ่งพูดกับหลินซือ
หลินซือขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนตัวเองจะถูกลักพาตัวมาไม่รู้ว่าพี่อาเถิงจะรู้เรื่องนี้แล้วหรือไม่?
“เด็กน้อย ในเมื่อตื่นแล้วก็อย่าเพิ่งกังวลไป เรารอเจ้ามานานมากแล้ว”
“พวกเจ้าเป็นใคร?”
“เราเป็นใคร ไม่ต้องสนใจหรอก เจ้าวางใจได้ เราไม่ทำร้ายเจ้า กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุจึงมีผลตามมา ขอแค่เจ้าเชื่อฟัง ข้าสัญญาว่าจะให้เจ้ากลับไปอย่างปลอดภัย”
“พวกเจ้า ต้องการชีวิตของพี่อาเถิงใช่หรือไม่?”
หลินซือไม่เคยเจอเหตุการณ์นี้มาก่อน บอกไม่กลัวคงจะเป็นไปไม่ได้ แค่แกล้งดึงหน้านิ่งเฉยเท่านั้น
หลินซือรู้สึกเสียใจที่ไม่รู้จักเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้กับท่านพ่อตั้งแต่แรก ป่านนี้คงจะปกป้องตัวเองได้
“แน่นอน เขาฆ่าพ่อของข้า เจ้าว่าข้าควรไว้ชีวิตเขาหรือไม่?”
คนผู้นั้นกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ ไร้ซึ่งความรู้สึกใด
“พ่อของเจ้า? พี่อาเถิงไม่มีทางฆ่าคนบริสุทธิ์แน่นอน ถ้าพี่อาเถิงฆ่าพ่อของเจ้าจริง ก็แสดงว่าพ่อของเจ้าเลวทราม”
แม้ว่าหลินซือจะไม่เคยเห็นพี่อาเถิงฆ่าคน แต่ในใจของนางก็รู้ดีกว่าใคร พี่อาเถิงเป็นคนดี ดังนั้นถ้าพี่อาเถิงทำจริงนั้นหมายความว่าคนผู้นั้นจะต้องนอกลู่นอกทาง